เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 144 นักร้องหญิง / ตอนที่ 145 นำตัวส่งศาลต้าหลี่
- Home
- เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า]
- ตอนที่ 144 นักร้องหญิง / ตอนที่ 145 นำตัวส่งศาลต้าหลี่
ตอนที่ 144 นักร้องหญิง
เป่ยเฉินเสียงส่ายหน้า เอ่ยว่า “ข้าเองก็ไม่รู้ชัด ตอนนี้ข้าถูกขังคุกหลวง ย่อมไม่รู้เรื่องพวกนี้ ท่านลุงพอจะช่วยข้าสืบได้หรือไม่”
เวลานี้นอกจากซือถูจ้าวจะรับปากช่วยเหลือแล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก อย่างไรก็ตามจุดยืนของเขาในวังหลวงก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนนานแล้ว ทันทีที่เป่ยเฉินเสียงพ่ายแพ้ อนาคตของเขาก็จบลงเช่นกัน
ซือถูจ้าวถอนหายใจยาวๆ คำหนึ่ง ชั่วขณะนั้นรู้สึกเพียงแค่หัวใจเกร็งกระตุก เอ่ยอย่างเจ็บปวดว่า “ข้าจะไปสืบดู!”
จริงๆ เลย จะให้เขาสบายใจสักสองสามวันบ้างไม่ได้หรืออย่างไร
ไม่กี่วันก่อนเพิ่งเจ็บปวดใจเรื่องเป่ยเฉินเสียงสูญเสียกำลังทหารสองแสนไป ความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่จะสลายได้ง่ายๆ สวรรค์เท่านั้นถึงรู้ว่าเขาต้องพยายามแค่ไหนถึงปลอบตัวเองได้ เมื่อเลือกข้างแล้ว จากจุดยืนและฐานะของตนเอง รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่เป่ยเฉินเสียงกระทำก่อนหน้านี้
ตอนนี้ต่อให้ย้ายฝักย้ายฝ่ายก็ไม่ได้รับความไว้ใจจากองค์ชายรองและองค์ชายสามแน่ ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีความแค้นกับเขา เขาก็ไม่อาจไปอยู่ฝั่งเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้ ดังนั้นได้แต่ฝืนบังคับให้ตัวเองอยู่ฝั่งเดียวกับเป่ยเฉินเสียงต่อไป
ผลลัพธ์คือเพิ่งผ่านมาได้กี่วันกัน ก็เกิดเรื่องอีกแล้ว
ช่วยใคร่ครวญความรู้สึกของเขาบ้างได้หรือไม่
เขาเดินออกจากคุกด้วยความโศกเศร้าระคนเจ็บแค้น รวดร้าวใจจนยากเกินจะบรรยายได้
หลังซือถูจ้าวออกมาแล้ว สีหน้าของเป่ยเฉินเสียงก็หนักอึ้ง ถึงเขาจะไม่ฉลาด แต่ว่าก็ไม่โง่เง่าเป็นหมู ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางแล้ว
แต่ว่าคนที่วางกับดักยังมีใครอีกเล่า
นับตั้งแต่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแสดงออกว่าอยู่ฝั่งเดียวกับเขา น้องรองกับน้องสามก็สงบลง ไม่หาเรื่องเขาง่ายๆ อีก เช่นนั้น คนที่ลงมือสมควรเป็น…
ไม่รู้เพราะอะไร ในห้วงสมองของเขาพลันปรากฏภาพเงาของเยี่ยเม่ยและเป่ยเฉินเสียเยี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดถึงความน่าสงสัยที่เซี่ยโหวเฉินบอกกับเขาก่อนหน้านี้
ชั่วขณะนี้ในใจก็เริ่มเกิดความระแวง หรือว่าพวกเขาสองคนมีปัญหาจริงๆ
หรือว่า…เป็นฝีมือของเป่ยเฉินอี้
……
โรงเตี๊ยม
รอจนถึงเวลาที่ซือถูจ้าวพาคนมา นักร้องหญิงคนนั้นก็ไม่อยู่อีกแล้ว
ผู้ดูแลร้านเอ่ยว่า “นักร้องหญิงมานี่ที่ได้ไม่กี่วัน เพราะว่านางร้องเพลงได้ไม่เลว ดังนั้นพวกเราจึงเรียกใช้งานนาง เมื่อคืนองค์ชายใหญ่สังหารคน นางก็หายไปแล้ว วันนี้พวกเราพยายามหาตัวนางตลอด คิดว่านางน่าจะกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะพลอยทำให้นางเดือดร้อนไปด้วย จึงหนีไปแล้ว”
ผู้ดูแลบอกถึงความเป็นไปได้
ซือถูจ้าวหน้าเขียวคล้ำขึ้นในบัดดล เอ่ยว่า “กลัวทำให้นางเดือดร้อนไปด้วย ข้าว่านางเป็นตัวต้นเหตุซะมากกว่า! รีบส่งคนไปตามหานางให้ข้า หากไม่พบ พวกเจ้าทั้งหมดต้องหัวหลุดจากบ่า!”
ทันทีที่ผู้ดูแลร้านฟัง ก็อึ้งงัน มองซือถูจ้าวด้วยความตะลังว่า “ความหมายของท่านคือ เรื่องที่องค์ชายใหญ่เมาสุราจนเสีบการควบคุมอาจเกี่ยวข้องกับนาง”
เรื่อง…เรื่องนี้หากเกี่ยวข้องกับนางจริง ไม่ใช่องค์ชายใหญ่เมาแล้วฆ่าคนเท่านั้น ไม่เท่ากับว่าเขาใช้งานคนผิด ทำร้ายเจ้านายหรอกหรือ
เมื่อคิดเช่นนี้ ผู้ดูแลร้านถึงกับแข้งขาอ่อน เพียงรับรู้ว่าตัวเองคงจบเห่แล้วแน่
ซือถูจ้าวพยักหน้า “ไม่ผิด เป็นฝีมือนาง ตอนนี้เจ้ารีบไปที่กองสอบสวนนครบาล บอกว่าเรื่องนี้นางเป็นผู้กระทำ แต่ตอนนี้นางหายตัวไปแล้ว!”
ซือถูจ้าวตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ว่าเรื่องนี้นักร้องหญิงผู้นั้นเป็นคนทำหรือไม่ ก็ต้องผลักเรื่องทั้งหมดไปไว้ที่นาง ชีวิตของนักร้องหญิงคนหนึ่งสามารถแลกกับอนาคตขององค์ชายใหญ่และเขาก็คุ้มค่ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ผู้ดูแลร้านพยักหน้า “ขอรับ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
……
เยี่ยเม่ยได้ฟังว่าเสนาบดีเตรียมโยนเรื่องนี้ไปไว้ที่นักร้องหญิงก็ยิ้มออก “เขาทำเช่นนี้ก็ถูกแล้ว ข้ากำลังรออยู่เชียว!”
ตอนที่ 145 นำตัวส่งศาลต้าหลี่
ผ่านไปไม่นาน เรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว
ทุกคนต่างรู้กันหมดว่านักร้องหญิงเป็นผู้กระทำ ฮ่องเต้ก็ทรงมีรับสั่งให้รีบหาตัวนักร้องหญิงให้พบอย่างเร่งด่วน เพราะฮ่องเต้มิได้กังวลว่าที่สุดแล้วนักร้องหญิงเป็นผู้ก่อเหตุหรือไม่ พระองค์รู้ดีว่า หลังจากจับตัวนักร้องหญิงได้ เป่ยเฉินเสียงจะปลอดภัย
ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะพิโรธกับเรื่องนี้และเป่ยเฉินเสียงเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ว่าอย่างไร พระองค์ก็ไม่อาจประหารบุตรชายคนโตที่กำเนิดจากฮองเฮาได้ ชีวิตของแม่ทัพหวังคนเดียวไม่อาจทำให้ฮ่องเต้ยอมสละชีวิตเป่ยเฉินเสียงได้
ดังนั้นตอนที่คดีนี้ยังไม่ได้สืบความชัดเจน ฮ่องเต้ก็ทรงมีรับสั่งโดยตรงลงมาบอกว่านักร้องหญิงวางแผนชั่วร้าย ให้กองกำลังรักษาเมืองจับตัวนาง
ตอนนี้เยี่ยเม่ยมีหน้าที่ควบคุมกองกำลังรักษาเมือง
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพเหมือนนักร้องหญิงนางนั้นแล้ว ตกบ่ายก็มีคนมารายงานที่จวนองค์ชายสี่ว่าจับตัวนักร้องหญิงได้แล้ว!
สถานที่ที่จับตัวนางได้ก็คือหน้าประตูหลังจวนองค์ชายรอง
หลังจากเยี่ยเม่ยได้รับข่าวนี้กลับถอนใจเบาๆ คำหนึ่ง เมื่อตามผู้ใต้บัญชาออกไป ไม่ช้าก็ได้พบสตรีนางนั้น นางมีรูปโฉมงดงามโดดเด่น ใบหน้ายังเจือรอยยิ้มไม่ยี่หระต่อความตาย
เยี่ยเม่ยเอ่ยปากตรงไปตรงมา “ส่งตัวนางไปกองสอบสวนนครบาล!”
เมื่อนางเอ่ยจบ ก็มีเสียงเท้าดังมาจากด้านหลัง เสียงขรึมของเป่ยเฉินอี้ดังตามมา “ส่งตัวไปศาลต้าหลี่!”
เยี่ยเม่ยอึ้งไปเล็กน้อย หันกลับไปมองเป่ยเฉินอี้วูบหนึ่ง รู้สึกแปลกใจ
เป่ยเฉินอี้เอ่ยปากว่า “ในเมื่อผู้เกี่ยวข้องกับคดีนี้คือองค์ชายใหญ่ ย่อมสมควรส่งให้ศาลต้าหลี่จัดการ กองสอบสวนนครบาลไม่มีสิทธิ์ไต่สวน!”
เยี่ยเม่ยคิดว่าถึงแม้เขาเอ่ยเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ย่อมไม่ใช่ธรรมดาแน่ สุดท้ายนางไม่เอ่ยอะไร เพียงพยักหน้า “อี้อ๋องกล่าวแล้ว เช่นนี้ก็ส่งตัวไปศาลต้าหลี่เถอะ!”
ไม่ช้า นักร้องหญิงก็ถูกกุมตัวจากไป
เป่ยเฉินอี้ก็เอ่ยปากว่า “ข้าจะร่วมไต่สวนด้วย!”
เยี่ยเม่ยตอบรับ “เชิญ!”
เมื่อทั้งสองกล่าวจบแล้ว ก็เดินทางไปศาลต้าหลี่ด้วยกัน
ยามเมื่อฮ่องเต้ได้ฟังว่าเยี่ยเม่ยส่งตัวนักร้องหญิงไปที่ศาลต้าหลี่ พระองค์ก็ทรงอึ้งงันไปแล้ว รีบตรัสถามเชิงตำหนิ “ทำไมนางถึงส่งคนไปที่ศาลต้าหลี่ แต่ไม่ส่งมาให้ข้า หรืออย่างน้อยก็ต้องส่งตัวคนไปที่กองสอบสวนนครบาลไม่ใช่หรือ”
ฮ่องเต้ทรงเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่า เยี่ยเม่ยจะทำเช่นนี้
เวลานี้มีคนรีบตอบว่า “ฝ่าบาท เดิมเหอซั่วอ๋องคิดส่งคนไปที่กองสอบสวนนครบาล แต่จู่ๆ อี้อ๋องก็ปรากฏกาย บอกว่าสมควรส่งไปที่ศาลต้าหลี่ อีกทั้งยังเสนอว่าจะร่วมไต่สวนด้วย เหอซั่วอ๋องถึงได้รับปาก!”
คราวนี้ฮ่องเต้มีสีพระพักตร์บูดบึ้ง ทรงตวาดด้วยโทสะทันที “อี้อ๋องอีกแล้ว! เขาไม่เป็นปรปักษ์กับข้าสักวันจะตายให้ได้ใช่หรือไม่!”
บ่าวไพร่ก้มหน้าฟังคำของฮ่องเต้ ไม่กล้าส่งเสียง
ผ่านไปสักพัก ฮ่องเต้ก็เอ่ยว่า “ไสหัวออกไป จับตาดูเอาไว้ ว่าเป็นอย่างไรต่อ”
คนก็รีบพยักหน้า ล่าถอยออกไปทันที “พ่ะย่ะค่ะ!”
……
ศาลต้าหลี่
นักร้องหญิงคุกเข่าอยู่กลางศาล เยี่ยเม่ยกลับฉงนสงสัย ถามเป่ยเฉินอี้ด้านข้างด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ทำไมต้องมาศาลต้าหลี่ด้วย กองสอบสวนนครบาลมีอันใดไม่ถูกต้องกัน”
เป่ยเฉินอี้ตอบเบาๆ “ศาลต้าหลี่มีขุนนางใหญ่สามฝ่ายร่วมไต่สวน เกี่ยวพันถึงขุมอำนาจหลายฝ่าย ต่อให้ฮ่องเต้คิดผลักไสเรื่องนี้ให้นักร้องหญิง ก็ไม่อาจทำได้!”
ในที่สุดเยี่ยเม่ยก็เข้าใจแล้ว หันกลับไปมองเป่ยเฉินอี้คราหนึ่ง “ท่านรู้ว่าพวกเราคิดจะทำอะไรหรือ”