เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 153 คำสาบานเป็นจริง / ตอนที่ 154 ทำตามสัญญา!
- Home
- เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า]
- ตอนที่ 153 คำสาบานเป็นจริง / ตอนที่ 154 ทำตามสัญญา!
ตอนที่ 153 คำสาบานเป็นจริง
ส่วนนางกลับทำเพื่อผู้ชายคนนี้ ชดใช้ด้วยชีวิตของคนทั้งครอบครัว
องค์ชายรองฟังนางเอ่ยเช่นนี้ ก็เอ่ยปากว่า “เรื่องที่ผ่านไปก็ผ่านไปแล้ว เจ้าปล่อยวางไม่ได้เชียวหรือ หากเจ้ายอมเปลี่ยนคำให้การ ข้ายอมชดเชยให้เจ้า!”
เย่ซังอิ๋นหัวเราะออกมาฉับพลัน เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ชดเชย? ข้าทำเรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าข้าจะเปลี่ยนคำให้การหรือไม่ ข้าก็ตายสถานเดียว ดังนั้นท่านไม่ต้องเปลืองสมองคิดว่าข้าจะหลงกลหรอก! พูดไปแล้วยังต้องขอบคุณที่ตอนนั้นยังมอบปิ่นปักผมให้ข้า อีกทั้งก่อนจะวางเพลิงฆ่าข้าให้ตาย ยังทวงปิ่นนี้คืน…”
เพราะเป็นเช่นนี้เย่ซังอิ๋นถึงรู้ความสำคัญของปิ่นอันนี้ วันนี้ถึงใช้มันบีบให้เขาจนตรอกถึงที่ตาย!
องค์ชายรองพลันรู้สึกปวดหัวคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ทว่ายังไม่ยอมทิ้งทางรอด เขาก้าวขึ้นมาจับมือเย่ซังอิ๋นไว้ เอ่ยปากว่า “ข้าผิดไปแล้ว เรื่องปีนั้นคือความผิดข้า! ข้าผิดต่อเจ้า เจ้าก็เคยรักข้าใช่ไหม เจ้าจะหักใจเห็นข้าตายได้หรือ”
เย่ซังอิ๋นหัวเราะเอ่ย “องค์ชายรอง ท่านยังหลงคิดว่า ข้ายังเป็นเย่ซังอิ๋นในตอนนั้น เชื่อคำพูดโกหกพกลมของท่านง่ายๆ ใจอ่อนกับท่านอีกหรือ”
พูดถึงตรงนี้แววตานางเย็นยะเยือกลง
นางดึงมือของตนออกจากมือองค์ชายรอง “ท่านพูดไม่ผิด ตอนนั้นข้าไม่เพียงแค่รักท่าน ทั้งมาถึงเวลานี้ ข้าก็ยังรัก แต่ว่าเพราะข้ารัก ดังนั้นเมื่อข้าจะตายแล้ว ก็ต้องพาท่านไปกับข้าด้วย! ร่วมเป็นร่วมตายเป็นเรื่องงดงามเพียงไหน นี่ไม่ใช่คำพูดองค์ชายรองให้คำสาบานกับฟ้าในวันนั้น ยามบอกรักข้าอย่างนั้นหรือ”
องค์ชายรองเห็นนางสลัดมือเขาออกอย่างเด็ดขาด จากนั้นลุกขึ้น ถอยห่างจากซี่เหล็กกั้นห้องคุมขัง เขาไม่อาจจับมือนางได้อีก ยามนั้นเขาสิ้นหวังอยู่บ้างแล้ว
ครั้นเห็นสีหน้าสิ้นหวังของเขา นางกลับคลี่ยิ้ม
เอ่ยปากว่า “บุรุษที่ให้คำสาบานส่งเดชอย่างพวกท่าน คิดว่าคำสาบานจะไม่เป็นจริงหรือ ข้าจะบอกให้รู้ไว้ สวรรค์มองดูจากบนฟ้า ท่านกล้าสาบาน สวรรค์ก็ย่อมช่วยพวกเราทำให้เป็นจริง!”
“ทำอย่างไรเจ้าถึงยอมปล่อยข้า” องค์ชายรองเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่อาจพูดกันให้ชัดเจนได้แล้ว ต่อให้สาบานก็ไม่อาจอธิบายได้อีก เพราะเขาไม่อาจบอกกับฮ่องเต้ว่า ปีนั้นเขาเป็นฝ่ายผิดต่อหญิงนางนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางมีผลกับอนาคตของตนจึงฆ่าคนปิดปาก
เขาทำถึงขั้นทำลายหลักฐานทั้งหมด สังหารคนทั้งครอบครัวของเย่ซังอิ๋น จากนั้นวางเพลิงจัดฉากทำเหมือนว่าตระกูลเย่ไฟไหม้ ทุกคนล้วนถูกเปลวเพลิงคลอกตาย
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ก็เป็นโทษตายเช่นกัน
เย่ซังอิ๋นหัวเราะเย็นชาอีกครั้ง “อภัยให้ท่าน หากพ่อแม่ข้ามีชีวิตกลับคืนอีกครั้งได้ ข้าจะอภัยให้ เรื่องความเป็นตาย ไม่อาจอภัยได้!”
นางเคยคิดว่าความรักคือทุกสิ่ง ไม่มีความรักของเป่ยเฉินอวี้ นางไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ดังนั้นจึงคล้ายคลุ้มคลั่ง ไม่อาจควบคุมสติก่อเรื่องโดยไม่สนผลลัพธ์ แต่ว่าเมื่อนางสูญพ่อแม่ญาติมิตรที่สำคัญที่สุดไปแล้ว นางค่อยรู้ว่าที่แท้เมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ของสายเลือด ความรักไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงเลยสักน้อย
น่าเสียดายก็แต่นางเข้าใจช้าเกินไป เวลาไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้อีก
เมื่อเอ่ยถึงตอนนี้การเจรจาก็จบลง ในเวลานี้เองมือปราบผู้หนึ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องขังเป่ยเฉินอวี้ เอ่ยว่า “องค์ชายรอง ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านสารภาพเรื่องที่ปิ่นปักผมไปอยู่กับนักร้องหญิงออกมาให้ชัดเจน หากท่านบอกให้ชัด ทุกอย่างก็ยังคุยกันได้ แต่หากท่านไม่สารภาพชัดเจน ฝ่าบาทจะเอาชีวิตท่านแล้ว”
ตอนที่ 154 ทำตามสัญญา!
ทันทีที่องค์ชายรองได้ฟัง พลันรู้ตัวว่าตนคงถูกทิ้งแล้ว
เขาไม่มีทางอธิบายได้ชัดเจน เช่นนั้นเขาควรทำอย่างไร ตอนนี้ดูไปแล้ว คงเหลือทางตายแค่เส้นทางเดียวเท่านั้น
……
สุดท้ายหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน เรื่องคดีขององค์ชายใหญ่และองค์ชายรองก็ได้รับการตัดสิน
แม้ว่าองค์ชายใหญ่ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว ทั้งยังยืนยันได้ว่าถูกคนให้ร้าย แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คนที่ลงมือก็คือเขา เป็นเขาที่ดื่มจนเมาแล้วตกหลุมพรางผู้อื่น ถึงได้กระทำความผิดมหันต์เยี่ยงนี้ ดังนั้นองค์ชายใหญ่ยังถูกฮ่องเต้ลงโทษ งดรับเงินเบี้ยหวัดเป็นเวลาสามปี โบยแปดสิบไม้
ทำเอาเกือบจบชีวิตเช่นกัน
แม้นว่าไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต แต่ว่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั่วราชสำนักไม่มีใครสักคนที่ไม่พอใจ เพราะว่าองค์ชายรองถูกตัดสินประหารชีวิตหลังจากผ่านฤดูสารท
เมื่อเยี่ยเม่ยได้รับข่าวนี้ หาได้แปลกใจไม่
หรืออาจบอกว่า สิ่งนี้อยู่ในการคำนวณของนางตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้นนางจึงออกจากจวนองค์ชายสี่ ลอบไปหาเซี่ยฉุนเหวย
นับตั้งแต่วันที่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหาเรื่องภรรยา เยี่ยเม่ยไม่พูดกับเขาเป็นเวลาสองสามวันเต็มๆ
ดังนั้นอารมณ์ของเขาไม่สู้ดีนัก เมื่อเห็นเยี่ยเม่ยจะออกจากบ้านอีกก็รู้สึกปวดหัวไม่น้อย เตรียมตัวติดตามออกไป ในเวลานี้อวี้เหว่ยกลับมาพร้อมข่าวหนึ่ง เขาจึงไม่ออกไปแล้ว
…
เยี่ยเม่ยรู้ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอยากขอโทษนางมาตลอด เพื่อให้เรื่องในวันนี้ผ่านไป ความจริงนางจงใจไม่สนใจเขาสักสองสามวัน เพื่อให้เขารู้ว่าเขาทำผิดแล้ว ต่อไปอย่าได้เอ่ยวาจาโง่เง่าเช่นนี้กับนางอีก
ผู้ชายต้องรับบทเรียนเสียบ้าง หากไม่ถูกสั่งสอน พวกเขาไม่มีทางตระหนักได้ว่าตัวเองช่างความรู้สึกช้านัก
อีกอย่างที่นางไม่พอใจหาใช่เพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น อันที่จริงยังมีอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือนางให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไปสืบถามเสินเซ่อเทียนว่าใครเป็นคนลงมือสังหารน้องชายของนางกันแน่ เหมือนกับว่าเจ้าบุรุษหน้าเหม็นนี่ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยก็ไม่ปาน
การกระทำที่เหมือนไม่ใส่ใจเรื่องของนางเลยเช่นนี้ ทำให้เยี่ยเม่ยไม่พอใจ นางตัดสินใจรอจนถึงยามที่เขานึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเรื่องที่นางฝากฝังไว้ นางค่อยตัดสินใจว่าจะสนใจเขาดีหรือไม่
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็มาถึงค่ายทหารแล้ว
เซี่ยฉุนเหวยเพิ่งฝึกทหารเสร็จ เตรียมกลับจวนโหว มองเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทางแต่ไกลๆ คล้ายกำลังรอเขา
เยี่ยเม่ยไม่เข้าใกล้ค่ายทหารมากนัก แต่ว่าก็ไม่รั้งรออยู่ไกลเกินไป เพื่อมั่นใจได้ว่าเซี่ยฉุนเหวยจะมองเห็นนาง แต่ก็ไม่ให้ผู้อื่นพอบเห็นนางด้วย อย่างไรเสียหากปล่อยให้ฮ่องเต้รู้ว่านางพบกับเซี่ยฉุนเหวย เรื่องหลังจากนี้อาจปลุกความระแวงสงสัยของฮ่องเต้ได้
ยามที่เซี่ยฉุนเหวยเห็นเยี่ยเม่ย ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีนัก รู้ว่านางต้องมาหาเขาเพราะคำสัญญาเมื่อคราวที่แล้ว
เยี่ยเม่ยสัญญาไว้ชีวิตเซี่ยชูมั่วครั้งหนึ่ง ส่วนเงื่อนไขก็คือเขาติดค้างบุญคุณนางหนึ่งครั้ง
ก็ไม่รู้ว่าบุญคุณน้ำใจนี้ เยี่ยเม่ยคิดจะทวงคืนอย่างไร
ในขณะใช้ความคิด เซี่ยฉุนเหวยก็เดินมาถึงเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย มองสตรีตรงหน้าเอ่ยปากว่า “เหอซั่วอ๋องมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ”
เยี่ยเม่ยเองก็ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา กล่าวไปตามตรง “เชื่อว่าท่านโหวน่าจะรู้ ข้ามาเพื่อทวงคำสัญญา! ส่วนเรื่องที่จะให้ท่านทำนั้น ความจริงก็ง่ายมาก องค์ชายใหญ่สังหารแม่ทัพหวังแห่งค่ายทหารองครักษ์ ตอนนี้แม้ว่าผู้ใต้บัญชาเก่าของแม่ทัพหวังต่างรู้ว่าเป็นเพราะองค์ชายรองให้ร้าย แต่ว่าทุกคนยังโกรธเคืององค์ชายใหญ่เป็นอย่างมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าองค์ชายใหญ่คงไม่เหมาะสมเป็นผู้ช่วยข้าในค่ายทหารองครักษ์แล้ว!”