เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 18 เจ้ากับข้าถึงเป็นคู่สร้างคู่สม!
จะเลือกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหรือเป่ยเฉินเสียง สำหรับเยี่ยเม่ยก็ถือเป็นปริศนาที่ยากแล้ว เดิมคิดว่าไม่เลือกใครเลย ก็ยังมีกูเยว่อู๋เหินเป็นทางถอย เล่นละครเป็นคู่สามีภรรยาจอมปลอม แต่ว่าดูจากความหมายของเขาในยามนี้…
คล้ายไม่ได้อยากเป็นทางหนีของนาง
ทั้งยังคิดจะแต่งงานกับนางจริงๆ ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่เอ่ยออกมาว่าเขาก็ช่วยนางได้ ถึงขั้นบอกว่ากำลังของหมู่ตึกกู่เยว่ถูกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนดูแคลนไปแล้ว
แต่ว่ากูเยว่อู๋เหินเห็นนางนาง…เป็นสหายรู้ใจมิใช่หรือ ดังนั้นที่จู่ๆ เขาก่อกวนขึ้นมา เยี่ยเม่ยรู้สึกรับมือไม่ถูก
“ข้าดูเหมือนกำลังล้อเล่นหรือ” กูเยว่อู๋เหินกวาดสายตามองนาง
ดวงตาเย็นเยือก แววตาอ่อนโยนราวแสงจันทร์
นับเป็นครั้งแรกที่เยี่ยเม่ยเห็นความอ่อนโยนแผ่ออกจากร่างบุรุษเฉยชาผู้นี้ แต่สัมผัสเช่นนี้ทำให้เยี่ยเม่ยรู้สึกตกใจ ถึงขั้นไม่กล้ามองเขาด้วยซ้ำ
นางถอนสายตากลับ เอ่ยเบาๆ “ทั้งๆ ที่ท่านบอกว่า ความรู้สึกที่ท่านมีต่อข้าก็แค่สหายรู้ใจเท่านั้น”
กูเยว่อู๋เหินฟังแล้ว กลับจ้องนาง ถามเสียงเรียบว่า “ชั่วชีวิตมีผู้รู้ใจ ดั่งสกุณาร่วมขับขาน แล้วยังจะเรียกร้องอันใดอีก”
คนสันโดษอย่างเขา สิ่งที่ขาดในชีวิตก็คือผู้รู้ใจ
สตรีที่เขาเข้าใจนางและนางก็เข้าใจเขาอยู่ร่วมกันไปตลอด คนที่เข้าอกเข้าใจกันถึงเป็นคู่ชีวิตที่ดีที่สุด แต่ในโลกนี้คนที่พอจะเข้าอกเข้าใจกันได้ มาจนถึงบัดนี้ก็มีแค่เยี่ยเม่ยคนเดียว
ยามนี้เยี่ยเม่ยก็สะดุดไปเพราะคำพูดของเขาแล้ว
ถูกต้อง
ในสายตาบุรุษอย่างกูเยว่อู๋เหิน ผู้รู้ใจคนหนึ่งก็คือภรรยาที่เหมาะสมที่สุด เพราะเขาสันโดษ มีรสนิยมสูง มีความสามารถเหนือคนทั่วไป เขาต้องการคนที่เข้าใจเขา คนที่สามารถยืนอยู่ในระดับเดียวกับเขาได้ รวมถึงต้องการคนเข้าใจที่เขาเคยสูญเสียญาติมิตร มีความแค้นอยู่ในใจ
สิ่งเหล่านี้บังเอิญว่าเยี่ยเม่ยมีครบถ้วน
ในขณะที่นางกำลังคิด เสียงเรียบของกูเยว่อู๋เหินก็ค่อยๆ ดังขึ้นว่า “เจ้ารู้สึกไหมว่าเจ้าเหมาะสมกับเงื่อนไขการเป็นภรรยาข้าพอดี ส่วนข้าก็เป็นคนที่ช่วยเจ้าแย่งชิงบัลลังก์ได้เช่นกัน เจ้าต้องมั่นใจว่า ขุมพลังที่หมู่ตึกกูเยว่ครอบครองอยู่มีมากกว่าที่พวกเจ้าเห็นมากนัก อีกอย่างข้าไม่เหมือนกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเป่ยเฉินอี้ พวกเขาต่างก็มีความแค้นกับเจ้า แต่ข้าไม่มี ดังนั้นเจ้าและข้าถึงเป็นคู่สร้างคู่สม”
น้อยครั้งที่กูเยว่อู๋เหินจะพูดยาวขนาดนี้ แต่ว่าครั้งนี้ทุกคำพูดล้วนกระทบใจเยี่ยเม่ย
เขาพูดไม่ผิดเลย
นางมีคุณสมบัติภรรยาอย่างที่เขาปรารถนา ส่วนเขาก็ช่วยนางได้ ตามความหมายของเขา สิ่งที่กูเยว่อู๋เหินทำได้ไม่แน่ว่าจะด้อยไปกว่าเป่ยเฉินอี้หรือเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เยี่ยเม่ยเข้าใจกูเยว่อู๋เหิน คนสันโดษผู้นี้มิได้เย่อหยิ่งโอหัง ทั้งไม่ใช่คนที่จะพูดโอ้อวดลมๆ แล้งๆ
ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ระหว่างนางกับเขาไม่มีความแค้นต่อกัน
กูเยว่อู๋เหินไม่เคยวางแผนทำลายบ้านเมืองของนางจนล่มสลายเหมือนเป่ยเฉินอี้ และยังไม่เหมือนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่กำเนิดมาจากราชสกุลที่นางเกลียดแค้นอย่างล้ำลึก
น่าเสียดายที่พบเขาช้าเกินไป นางหลงรักเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไปก่อนแล้ว หากนับตั้งแต่แรกนางหลงรักเขา อย่างนั้นก็เป็นเหมือนกับคำกล่าวของกูเยว่อู๋เหิน พวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่งยวด
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดถึงเพียงนี้ นางเองก็จะไม่เจ็บปวดเช่นกัน
เมื่อเอ่ยมาถึงตอนนี้ เห็นคลื่นอารมณ์ในแววตานาง กูเยว่อู๋เหินเข้าใจว่านางรับฟังคำพูดของเขาแล้ว อย่างไรเสียคำของเขาแต่ละคำล้วนเป็นความจริง สำหรับนางเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่งงานกับเขา ยังไงก็ดีกว่าแต่งให้กับศัตรูมิใช่หรือ
กูเยว่อู๋เหินยื่นมือออกมารินชาให้เยี่ยเม่ย นิ้วเรียวงามดุจหยกสลัก ขอเพียงเห็นมือนี้ก็ยากจะเชื่อว่า เขาเคยสังหารคนมากมาย เพื่อแก้แค้นให้กับครอบครัวของตัวเอง
เขาเคยเดินบนเส้นทางที่นางกำลังเดินในตอนนี้ ดังนั้นเขายิ่งเข้าใจนาง ยิ่งเข้าใจว่าบนเส้นทางสายนี้ ยามนี้นางต้องการอะไร นางรู้สึกอย่างไร
มีเสี้ยวอึดใจหนึ่ง เยี่ยเม่ยคิดจริงๆ ว่า กูเยว่อู๋เหินก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเช่นกัน
มาถึงยามนี้ นางพลันยิ้มออกยกชาที่กูเยว่อู๋เหินรินให้ มองบุรุษตรงหน้าเอ่ยว่า “ท่านรู้ไหม วันนี้ข้าคุยกับเป่ยเฉินอี้ คุยกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ทั้งคุยกับท่าน ต้องบอกว่าพวกท่านแต่ละคนล้วนมีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมข้าทั้งนั้น ข้าเกือบเชื่อแล้วว่าแต่งงานกับเขาถึงจะถูก จากนั้นก็ยากจะเลือกใครระหว่างเป่ยเฉินเสียเยี่ยนและเป่ยเฉินอี้ มาตอนนี้ข้าเริ่มรู้สึกว่าคำพูดของท่านก็มีเหตุผลเช่นกันแล้ว!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เยี่ยเม่ยรู้สึกน่าขันอยู่บ้าง นางจ้องกูเยว่อู๋เหินเอ่ยว่า “ท่านว่า ข้าเป็นเหมือนต้นหญ้าริมกำแพงที่ไหวไปมา หรือว่าพวกท่านสามคนโน้มน้าวคนเก่งเกินไปกันแน่”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้
กูเยว่อู๋เหินกลับจับจ้องนางเฉยๆ เขาเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “เพราะคำพูดของพวกเราต่างก็มีเหตุผล อีกอย่างตอนแรกเจ้าก็พิจารณาพวกเขาก่อน รวมถึงเชื่อคำพูดของพวกเขาด้วย นั่นก็เพราะว่าเจ้าหลงคิดว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้า”
เมื่อเขาตอบ เยี่ยเม่ยก็สงบลง
ถูกต้อง
ต่อให้เป็นดังคำพูดของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ว่า กูเยว่อู๋เหินไม่มีอำนาจในราชสำนัก แต่เยี่ยเม่ยเชื่อว่าชายที่เคยมีชะตากรรมถูกฆ่าล้างตระกูลจนต้องหนีเอาชีวิตรอด สุดท้ายยังสามารถล้างแค้นได้สำเร็จ ซ้ำยังมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ หากเขาคิดจะช่วยนาง ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น
แต่ระหว่างนางกับเขา สรุปแล้วก็มีแค่น้ำใจฉันท์ศิษย์พี่ศิษย์น้อง ไม่ทันรู้จักกันได้นานเท่าไรนัก รวมทั้งครั้งนี้เขารับปากช่วยนางแสดงละคร ก็มีสาเหตุมาจากอาจารย์ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้เยี่ยเม่ยย่อมไม่คิดว่าเขาจะช่วยนาง
ถึงได้วางเขาเป็นแค่ทางถอย เลือกเขาก็ต่อเมื่อจะไม่เลือกใครอีก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่จากความหมายของกูเยว่อู๋เหินคือเขาจะช่วยนาง
หลังจากเยี่ยเม่ยเงียบไปสักพัก พลันคลี่ยิ้มออก “ตอนนี้ข้ามองตัวเองแล้วยังรู้สึกว่าตัวข้าช่างน่ากลัวนัก!”
นางถึงกับหาผลประโยชน์จากการเลือกคู่ครอง
“ความแค้นทำให้ข้าเปลี่ยนไป หรือว่าคนสมควรเป็นเช่นนี้กันแน่” นางเริ่มรู้สึกเคว้งคว้าง
กูเยว่อู๋เหินมองนางทีหนึ่ง เปรยว่า “งานแต่งงาน เดิมทีก็สมควรเป็นความจริงอยู่แล้ว”
คำพูดนี้ทำให้เยี่ยเม่ยชะงัก
เขามองนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง “การแต่งงานไม่อาจเทียบกับความรัก หากไม่เป็นจริง ชีวิตในภายหน้าก็ไม่มีความสุข เจ้าน่าจะเข้าใจ ความจริงก็คือไม่เลือกคนสกุลเป่ยเฉินคนไหนเป็นสามี หลังแต่งงานแล้วเจ้าก็ไม่อาจสบายใจได้ ยามเจ้าต้องร่วมเรียงเคียงหมอนกับพวกเขา เจ้าก็จะคิดถึงบิดามารดารวมถึงคนในสกุลที่ตายอย่างอนาถ…”
“พอแล้ว!”
ครั้นเยี่ยเม่ยฟัง แววตาก็เย็นเยียบลง
กูเยว่อู๋เหินกล่าวไม่ผิด หากนางแต่งงานกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหรือว่าเป่ยเฉินอี้ ยามนอนอยู่ข้างกายพวกเขา นางต้องเกิดความรู้สึกผิดอย่างมหันต์ ต่อให้เป็นการเลือกเพื่อแก้แค้นก็ตาม
โดยเฉพาะเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
นางรักเขาจริงๆ เช่นนั้นยามอยู่ร่วมกันความรู้สึกผิดคงยิ่งเข้มข้นไปด้วย
เห็นสายตาของเยี่ยเม่ย กูเยว่อู๋เหินก็รู้ว่าเขาทำตามเป้าหมายได้สำเร็จแล้ว เขาลุกขึ้น “อย่างนั้น ข้าขอตัวกลับก่อน เจ้าค่อยๆ ตรองดูเถิด”