เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 37 โอนเอียงไปทางกูเยว่อู๋เหิน
เช้าตรู่วันที่สอง ทั้งสองตระกูลต่างได้รับจดหมาย
โดยเนื้อความในจดหมายเขียนเหมือนกัน
คือระบุว่าได้รับของขวัญแล้ว หวังว่าพวกเขาจะหยุด ไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไรอีก ให้เยี่ยเม่ยมีเวลาเลือกอย่างสงบสักสองสามวัน
ทั้งเสินเซ่อเทียนและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่เตรียมวิธีการอื่นเอาใจเยี่ยเม่ย ก็ได้แต่หยุดลงในยามนี้
นางแสดงความต้องการออกมาแล้ว หากพวกเขายังดันทุรังกลับจะทำให้นางไม่พอใจเสียมากกว่า
กูเยว่อู๋เหินกลับไม่แสดงออกใดๆ เดิมทีก็เป็นบุรุษเฉยชาอยู่แล้ว ย่อมยากที่เป็นฝ่ายประจบเอาใจสตรีก่อน
เยี่ยเม่ยตื่นแต่เช้าตรู่
เห็นเซียวเซ่อหยางหน้าตาบูดบึ้งคล้ายมีคนติดหนี้เขาก้อนโตยืนอยู่หน้าประตู ขณะที่นางกำลังสงสัยนั้นก็เห็นโอวหยางเทาและซินเยว่เยี่ยนสองคนเดินหัวเราะระรื่นเข้ามา ชั่วขณะนั้นใบหน้าเซียวเซ่อหยางยิ่งไม่น่าชมเข้าไปใหญ่
โอวหยางเทาเอ่ยกับซินเยว่เยี่ยน “ข้ากับเซียวเซ่อหยางยังมีธุระไปจัดการ ต้องออกจากเมืองหลวงระยะหนึ่ง รอข้ากลับมาแล้วพวกเราค่อยไปดื่มสุรากัน”
“ดี!” ซินเยว่เยี่ยนยิ้มพยักหน้ารับ
เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนางกับโอวหยางเทาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน คนทั้งสองดื่มสุรากันทั้งคืนถึงค่อยกลับมา
เพราะว่าอยู่ห่างขนาดนี้ เยี่ยเม่ยยังได้กลิ่นสุราจากร่างของพวกเขา
เซียวเซ่อหยางตัดบทอย่างไม่พอใจ “ไปเถอะ พวกเรายังต้องเร่งเดินทางอีก!”
“อืม!”
โอวหยางเทาพยักหน้ามองซินเยว่เยี่ยนอย่างไม่อาจหักใจลาจาก เอ่ยด้วยความรู้สึกล้ำลึก “แม่นางซิน ข้ารู้ว่าสตรีที่โดดเด่นอย่างเจ้า จะต้องมีคนไล่ตามจีบเจ้าในไม่ช้าแน่ เจ้าอย่าได้รับปากพวกเขาง่ายๆ เชียว อย่างน้อยก็ต้องรอจนข้ากลับมาก่อนเข้าใจหรือเปล่า คนอื่นต่างก็มีความรักหลงจอมปลอม มีแต่ข้าเท่านั้นที่จริงใจ นี่… เซียวเซ่อหยางเจ้าจะทำอะไร!”
คำพูดชวนขนลุกของโอวหยางเทายังไม่ทันเอ่ยจบ เซียวเซ่อหยางก็ลากคอเสื้อเขาเดินไป
ซินเยว่เยี่ยนพยักหน้า “ได้ ข้าจะพิจารณาคำพูดของเจ้า!”
เมื่อนางตอบกลับมา เซียวเซ่อหยางยิ่งลากคอเสื้อโอวหยางเทาให้เร่งฝีเท้าออกไปไวขึ้น
เยี่ยเม่ยมองดูคนทั้งสามกระเซ้าเย้าแหย่กัน อารมณ์ขุ่นมัวในใจช่วงนี้ก็บรรเทาไปไม่น้อย
ซินเยว่เยี่ยนเห็นเยี่ยเม่ย แววตาก็วาวโรจน์ขึ้น วิ่งโร่เข้าไปเบื้องหน้าเยี่ยเม่ย เอ่ยปาก “เยี่ยเม่ยเอ๋ย สองวันนี้เจ้าต้องใคร่ครวญให้ดี อู๋เหินเด็กคนนี้ถึงจะเฉยชาไปบ้าง แต่เขาก็เป็นคนจำพวกที่ขอเพียงใส่ใจแล้วก็จะจริงจังถึงที่สุด เจ้าเชื่อข้านะ ข้าไม่หลอกลวงเจ้าแน่! จริงๆ นะ ต่อให้ตายเพื่อเจ้าได้ เขาก็ยินยอม!”
ซินเยว่เยี่ยนพยายามช่วยกูเยว่อู๋เหินซื้อคะแนนอย่างจริงจัง
เยี่ยเม่ยมองนางแล้วรู้สึกอยากขำนัก หญิงสาวไม่พูดถึงกูเยว่อู๋เหิน กลับย้อนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับพวกเขาสองคน”
“ก็ไม่มีอะไร เดิมทีข้ามีสัญญาหมั้นหมายกับเซียวเซ่อหยาง แต่เราสองคนไม่พอใจการแต่งงานนี้ จึงปรึกษากันว่าจะถอนหมั้น จากนั้นโอวหยางเทาก็เริ่มตามจีบข้า ข้าค่อนข้างชอบเจ้าหนุ่มนี่อยู่บ้าง ปากหวาน รู้จักพูดจายิ่งนัก ข้ากำลังพิจารณาเขาอยู่!”
ซินเยว่เยี่ยนอธิบายออกมา มีสตรีไม่มากที่ปฏิเสธบุรุษปากหวานช่างยกยอได้ โดยเฉพาะโอวหยางเทาที่มีฐานะสูงส่งในยุทธภพมานานปี นิสัยก็ดี วรยุทธ์ล้ำเลิศ เป็นเทพกระบี่ ดังนั้นบุรุษประเภทนี้ก็คุ้มค่ากับการรับไว้พิจารณา
เยี่ยเม่ยพยักหน้า ตบบ่าซินเยว่เยี่ยน “อืม คุ้มค่ากับการรับไว้พิจารณาอย่างระวังจริงๆ !”
พูดจบนางก็หมุนตัวจากไป
ซินเยว่เยี่ยนยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ค่อยตระหนักได้ว่านางถูกคำพูดไม่กี่คำของเยี่ยเม่ยชักจูงไปเสียแล้ว เดิมทีคิดจะพูดเรื่องอู๋เหินเสียหน่อย สุดท้ายไม่ทันถามก็จบบทสนทนา
……
เยี่ยเม่ยกระโดดขึ้นบนหลังคา มุ่งหน้าไปยังจวนของจงซาน
จงซานเพิ่งกลับจากการประชุมเช้าพอดี
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในห้องหนังสือ เปิดดูพบว่าเป็นเยี่ยเม่ย เขาไม่แปลกใจเลยสักนิด เอ่ยปากถามตรงๆ ว่า “องค์หญิงมาที่นี่ก็เพราะ…”
“ท่านเสนาบดีสมควรรู้ว่า ข้ามาเพราะอะไร!” เยี่ยเม่ยตอบอย่างเรียบง่าย
จงซานหัวเราะ “เดิมข้าคิดว่า อย่างน้อยต้องรอท่านครุ่นคิดเรื่องงานแต่งดีแล้ว ถึงมีใจใส่ใจเรื่องเหล่านี้ คิดไม่ถึงท่านจะมาในเวลานี้ ดูท่าองค์หญิงไม่ทำให้กระหม่อมผิดหวังจริงๆ!”
จงซานเอ่ยไปพลางเปิดลิ้นชักที่โต๊ะหนังสือออก หยิบม้วนตำราออกมาส่งให้เยี่ยเม่ย “ในนี้มีรายชื่อของขุนนางในราชสำนักเป่ยเฉินทั้งหมด คนที่พอมีพิรุธอยู่ในมือ กระหม่อมใช้หมึกดำวงกลมรายชื่อทำสัญลักษณ์ไว้หมดแล้ว”
ระหว่างเอ่ยเขาก็หยิบตำราอีกม้วนยื่นให้เยี่ยเม่ย “นี่คือรายชื่อขุนนางใหญ่ที่ควบคุมกำลังทหารทั้งหมด รวมถึงเหล่าอ๋องโหวครองเมืองต่างๆ องค์หญิงเอาไปศึกษาดูได้!”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า
ไป๋หลี่ซือซิวสมกับเป็นไป๋หลี่ซือซิว ถึงกับเตรียมการล่วงหน้าให้นางจนหมดสิ้นแล้ว ครั้งแรกที่นางมาถึงเมืองหลวงของเป่ยเฉิน ถึงได้รับความช่วยเหลือจากไป๋หลี่ซือซิว แต่มาจนถึงบัดนี้นางยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับราชสำนักเป่ยเฉินเลย
ดังนั้นนางต้องการรายชื่อ เพื่อวางแผนก้าวต่อไปของตนอย่างชัดเจน ทั้งยังจัดการว่าจะเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรกับใครในรายชื่อบ้าง
หลังจากนางกวาดสายตาคร่าวๆ ก็เอ่ยว่า “ท่านเสนาบดีลำบากแล้ว ข้าจะกลับไปอ่านอย่างละเอียด หากมีเรื่องอันใดค่อยมาปรึกษากับท่านอีก!”
“ได้!” จงซานพยักหน้า ถามว่า “ขอกระหม่อมทูลถามสักคำ องค์หญิงคิดดีหรือยังว่าจะเลือกใครเป็นสามี”
เยี่ยเม่ยชะงักเล็กน้อยมองจงซาน ตอบเสียงนิ่ง “พูดตามตรง ถึงตอนนี้ข้ายังคิดไม่ได้ แต่ก็พอมีใจโอนเอียงไปทาง…”
“ใครกัน” จงซานโพล่งถาม
เยี่ยเม่ยตอบตามสัตย์ “บางทีข้าอาจเลือกอู๋เหิน ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ หรือว่าเรื่องส่วนตัว เขาน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ถึงแม้เลือกเขาอาจไม่มีผลประโยชน์เทียบเท่าการเลือกเป่ยเฉินอี้ ทั้งไม่อาจสำเร็จได้ไวเท่า แต่อย่างน้อยระหว่างข้ากับเขาก็ไร้ความแค้นต่อกัน”
จงชานนิ่งไป ใช้ความคิด
สุดท้ายก็ยิ้มเอ่ย “ก็ดี! แต่ขอให้กระหม่อมเอ่ยเสียหน่อย ในเมื่อเรื่องนี้กระหม่อมแสดงออกแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายการเลือกขององค์หญิง อย่างนั้นองค์หญิงไม่ลองคิดทบทวนให้ละเอียดเสียหน่อยว่า งานแต่งงานสำหรับสตรีแล้วไม่ใช่เรื่องเล่นของเด็กๆ หวังว่าองค์หญิงจะไม่เสียใจภายหลัง”
“ขอบคุณท่านเสนาบดีมาก!”
เยี่ยเม่ยพยักหน้า เมื่อได้ม้วนรายชื่อก็ทะลึ่งตัวออกจากจวนของเขา
เยี่ยเม่ยเพิ่งจากไป ด้านหลังก็มีคนเข้ามารายงาน “ใต้เท้า ท่านอ๋องน้อยเซี่ยโหวมาแล้ว!”
“เขามาทำไม” จงซานมองบ่าวด้วยความฉงน
บ่าวผู้นั้นละล้าละลังอยู่บ้าง เอ่ยตอบบว่า “มา มา…. ส่งของขวัญมาไม่น้อย ทั้งส่งเทียบเชิญ บอกว่าจะขอแต่งงานกับคุณหนู”
จงซานตะลึงงัน ถามว่า “ปิงปิงมีการคบค้ากับเขาด้วยหรือ”
……
เยี่ยเม่ยกลับถึงจวนก็เห็นซือหม่าหรุ่ยหน้ากลุ้ม จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นอะไร”
“ท่านเสนาบดีทำให้ข้าเจอปัญหาใหญ่แล้ว” ซือหม่าหรุ่ยมองเยี่ยเม่ย