เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 63 เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ข้าหึงแล้ว!
เยี่ยเม่ยตะลึงงัน
หันกลับไปมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถามด้วยความงุนงงอยู่บ้าง “คำพูดของท่านหมายความว่าอะไร”
เมื่อครู่ไม่ใช่เขาถามนางว่าจะจัดการมู่หรงเหยาฉืออย่างไรมิใช่หรือ เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าเขายอมรับกลายๆ ว่ามีความสัมพันธ์กับมู่หรงเหยาฉือ ตอนนี้ยังจะ…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยิ้มมุมปาก หันกลับไปกวาดตามองมู่หรงเหยาฉือ แววตาแสดงออกว่าไม่อดทนอีก เขาตวัดสายตากลับไปมองเยี่ยเม่ยทันที ค่อยๆ อธิบาย “เยี่ยนไม่รู้ว่านางพูดอะไรเลยสักน้อย สามวันอันใดกัน ถึงเยี่ยนออกจากจวน องค์ชายสี่ก็ไม่เคยพบนางมาก่อน เมื่อครู่…”
เยี่ยเม่ยมองเขาด้วยประกายตาคมกริบ “เมื่อครู่ท่านทำเหมือนกับว่ายอมรับคำพูดของนาง เป้าหมายก็คือ…”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนค่อยๆ คลี่ยิ้ม มองเยี่ยเม่ย อธิบายเป็นขั้นเป็นตอนว่า “ข้าคิดอยากดูปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้า อยากรู้ว่าเจ้าจะหึงข้าหรือไม่ หากหึง นั่นก็หมายความว่าเจ้าสนใจข้า ไม่เหมือนกับคำพูดของเจ้าที่ว่าไม่สนใจเยี่ยน ผลในตอนนี้ก็คือ…
ผลลัพธ์…
เยี่ยเม่ยสีหน้าบัดเดี๋ยวเขียวบัดเดี๋ยวขาว นางย่อมเข้าใจเมื่อดูจากผลลัพธ์ในตอนนี้ คล้ายกับนางชอบเขาเป็นอย่างมาก ไม่อาจรับเรื่องที่เขาทรยศนางได้เลยสักน้อย เกิดหึงหวงอย่างแรง ถึงกับบอกว่าตัวเองจะเก็บของกลับจวนแม่ทัพ
ถูกต้อง
หากนางทำเพื่อใช้ผลประโยชน์จากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเท่านั้น ทำไมต้องใส่ใจว่าเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงกี่คน ทำไมต้องใส่ใจว่าใครจะตั้งครรภ์ลูกของเขา ทั้งทำไมยังต้องโมโหจนเก็บข้าวกลับจวนแม่ทัพเล่า
นี่ไม่เท่ากับว่านางยอมทิ้งการใช้ประโยชน์จากเขา ทอดทิ้งแผนการในการแต่งงานกับเขาหรือ รวมถึงทอดทิ้งทุกอย่างทั้งๆ ที่ความสำเร็จอยู่ไม่ไกลแล้วหรือ
เยี่ยเม่ยเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะเขาคิดทดสอบนาง แล้วนางก็เผยพิรุธออกไปจนได้
มู่หรงเหยาฉือฟังคำพูดนี้ ก็เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน “องค์ชายสี่ ไฉนท่านถึงพูดเช่นนี้ วันนั้นท่านหาได้กล่าวเช่นนี้ไม่ ท่านบอกว่าเยี่ยเม่ยไม่ยินยอมคลอดลูกให้ท่าน ก็ให้ข้าเป็นคนตั้งครรภ์ ท่านยังบอกอีกว่า ท่านเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ใช่ต้องการแค่นางคนเดียวเท่านั้น มาตอนนี้ท่านถึงกลับพลิกลิ้นไม่ยอมรับแล้ว…”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนรั้งสายตามองไปทางมู่หรงเหยาฉือ
ในแววตานั้นเจือไปด้วยความไม่อาจอดทนอีก ทั้งยังไม่คิดพูดจาเหลวไหลกับนาง หรือคิดอธิบายเลย เพียงเอ่ยช้าๆ ว่า “รีบจากไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เห็นแก่ที่เจ้าทำให้เยี่ยเม่ยหึงได้ เยี่ยนจะละเว้นเข้าสักครั้งหนึ่ง!”
“ข้า…” มู่หรงเหยาฉือเหมือนถูกสายฟ้าฟาด มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนอย่างไม่เชื่อสายตา
คิดไม่ถึงเลยว่าผลกลับเป็นเช่นนี้ไปได้
ในแววตานางไม่เจือความเจ้าเล่ห์เพทุบายไว้เลยสักน้อย ทว่าเหมือนกับกำลังมองคนหลายใจ สีหน้าเช่นนี้สร้างความแปลกใจให้เยี่ยเม่ยเป็นอย่างมาก
ในขณะลังเล
มู่หรงเหยาฉือลุกขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัววิ่งจากไปอย่างว่องไว นางรู้ในใจว่าองค์ชายสี่หาได้ล้อเล่นกับนาง หากนางยังไม่ไปอีก อาจจะตายในที่นี้จริงๆ
นางเดินมาถึงตอนนี้ ความจริงก็ไม่กลัวตายเท่าไรนัก
แต่ว่าพี่เซี่ยพูดไม่ผิด ลูกถึงสำคัญที่สุด ยามนี้องค์ชายสี่อาจใจดำ แต่เชื่อว่าหลังจากลูกเกิดมา องค์ชายสี่ได้เห็นลูกจะต้องเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
มู่หรงเหยาฉือเพิ่งเดินออกจากอุทยาน
ยามนี้เป่ยเฉินเสียงปรากฏตัวอยู่ข้างกายนาง เอ่ยปาก “ท่านหญิงเหยาฉือ …..”
มู่หรงเหยาฉือตะลึงงัน หันไปมองเป่ยเฉินเสียงด้วยความตกใจ “องค์ชายใหญ่ ไฉนท่านมาอยู่ที่นี่ได้”
“ก็แค่เดินผ่านมาเท่านั้น เหตุการณ์เมื่อครู่ข้าเห็นหมดแล้ว!” เป่ยเฉินเสียงตอบกลับ
มู่หรงเหยาฉือรู้สึกว่าใบหน้าตัวเองเปลี่ยนเป็นคล้ำงอลงเดี๋ยวก็ซีดเซียว เรื่องน่าขายหน้าพรรค์นี้ถูกเป่ยเฉินเสียงเห็นเข้าแล้ว นางรู้สึกว่านางไม่อาจมีชีวิตต่อไป นับตั้งแต่มีความสัมพันธ์กับองค์ชายสี่ตั้งแต่ยังไม่มีตำแหน่งฐานะใดๆ นางก็ไม่อาจคิดถึงเรื่องหน้าตาศักดิ์ศรีอีกแล้ว
นางคำนับเขา “องค์ชายใหญ่ เรื่องนี้ถือเสียว่าท่านไม่เห็นเถอะ หากเรื่องแพร่ออกไป เหยาฉือไม่อาจรักษาชื่อเสียงได้ คงเหลือแต่ต้องจบชีวิตลงทางเดียวเท่านั้น ขอให้องค์ชายไว้ทางรอดให้เหยาฉือด้วย”
เป่ยเฉินเสียงมองนางสักครู่…
……
หลังจากมองส่งมู่หรงเหยาฉือจากไปแล้ว
เยี่ยเม่ยหันกลับมามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถาม “สายตามู่หรงเหยาฉือเมื่อครู่ ไม่คล้ายกำลังใส่ร้ายท่านเลย!”
นางหาได้พูดเรื่องหึงไม่หึงกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต่ออีก อย่างไรเสียเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่ว่านางเอ่ยปัดๆ ไปสองสามประโยค เรื่องนี้ก็ผ่านไปได้
อีกอย่างเยี่ยเม่ยอยากทำความเข้าใจเรื่องนี้เสียมากกว่าด้วย
เพราะเรื่องนี้ทำให้นางไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเห็นนางไม่โต้ตอบเรื่องหึงอีก ในใจก็อารมณ์ดีขึ้นมาก หัวเราะเบาๆ ตวัดสายตามองเงาหลังมู่หรงเหยาฉือ เอ่ยเสียงขรึมลงว่า “เยี่ยนก็ไม่เข้าใจว่านางคิดจะกุเรื่องอะไรกันแน่ แต่ว่าเยี่ยเม่ย เจ้าต้องเชื่อว่าเยี่ยนไม่มีทางทรยศเจ้า ต่อให้มีสักวันหนึ่งที่ทำไปแล้ว ด้วยนิสัยของเยี่ยนก็ไม่มีทางปิดบังเจ้าอย่างแน่นอน!”
นี่ก็ถูก
เยี่ยเม่ยครุ่นคิดเล็กน้อย หากเป็นอย่างที่มู่หรงเหยาฉือเอ่ย เช่นนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนต้องทำไปเพราะประชดนาง ถึงได้มีความสัมพันธ์กับมู่หรงเหยาฉือ หากเป็นเช่นนี้ เขาต้องทำให้นางรู้เรื่อง
ถึงยั่วยุนางได้สำเร็จต่างหาก
เพียงแต่เมื่อมู่หรงเหยาฉือก่อเรื่องขึ้นมา ก็ทำให้นางหึงได้ง่ายขนาดนี้ เขาถึงไปนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเวลาสามวัน เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่มีทางลงแรงทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้?
ส่วนมู่หรงเหยาฉือเดิมทีก็เจ้าบทบาทอยู่แล้ว หากบอกว่าเป็นอีกครั้งที่นางเล่นเองกำกับเองสร้างเรื่องนี้ออกมา ก็ไม่น่าแปลกใจเลย
เมื่อคิดได้เช่นนี้
เยี่ยเม่ยแค่นเสียงเย็น ไม่พูดอะไรก็หมุนกายจากไป
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับรีบติดตามไปแล้ว ทั้งยังเอ่ยถามว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ หลังจากพระชายาที่รักกลับจวนแล้ว ยังจะเก็บของจากไป แยกทางกับเยี่ยนอีกหรือไม่”
เยี่ยเม่ยหางตากระตุก รู้สึกว่าสมองวุ่นวายสับสน มู่หรงเหยาฉือก่อกวนขึ้นมาเช่นนี้ก็ทำให้นางเสียขบวน ถูกเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจับทางได้เสียแล้ว
คราวนี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
เยี่ยเม่ยไม่ตอบ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกลับจับมือนางไว้ เยี่ยเม่ยพยายามรั้งออกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ เขากำมือนางแน่นมาก ไม่มีเจตนาปล่อย
ชั่วขณะนี้เยี่ยเม่ยก็จนปัญญาแล้ว
ฝีเท้าชะงักลง ถอนหายใจออกมาหันกลับไปมองเขา ตอบเสียงเย็นว่า “เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ท่านชนะแล้ว! ชนะแล้วจริงๆ! ไม่ผิด ข้าหึงท่าน ในเมื่อท่านบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด อย่างนั้นก็ไม่แยกทาง อืม เป็นเช่นนี้ท่านจะปล่อยมือได้หรือยัง!”
เยี่ยเม่ยเอ่ยเช่นนี้ อารมณ์ผ่อนคลายลงไม่น้อย
วันๆ นางต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ ทั้งๆ ที่ในใจไม่ยินดี ทั้งๆ ที่ใส่ใจเขามาก ต้องฝืนเป็นไม่ใส่ใจ เยี่ยเม่ยรู้สึกว่าตัวเองเก็บกดจนน่าสงสาร
ความจริงนางก็คิดแล้วว่า หากตัวเองยังเก็บงำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอาจหาโอกาสอื่นยั่วนางอีก เมื่อเขายั่วโมโหนางไปเรื่อย ไม่ช้าก็เร็วนางต้องกลัดกลุ้มจนป่วยตายไปตั้งแต่อายุน้อยแน่ๆ !