เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า] - ตอนที่ 86 ผู้ต้องสงสัยเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
เมื่อเยี่ยเม่ยถามออกมา เวลานี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งสนิทแล้ว
นางปรายตามองเขาอย่างเย็นชา ถามว่า “ทำไม พูดไม่ออกแล้ว อธิบายไม่ได้ใช่ไหมว่าท่านไปไหนมา”
น้ำเสียงของนางฟังแล้วพิกลนัก เยี่ยเม่ยเองก็พอมีขอบเขตอยู่ในใจ
แต่ว่านางไม่อาจควบคุมน้ำเสียงได้ ทั้งไม่อาจควบคุมอารมณ์ด้วย ในใจนอกจากคิดจะอัดคนแล้ว ก็ยังคิดจะอัดคนอีก!
ไม่ช้าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสั่งการว่า “หยุดรถ!”
คนขับรถหยุดรถลง
เยี่ยเม่ยหันไปถาม “ทำอะไร”
เมื่อสิ้นเสียงนาง เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเกี่ยวเอวนางออกไปนอกรถ ไม่ช้าก็ทะยานตัวจากมา เดิมเยี่ยเม่ยคิดโคจรกำลังภายใน แต่พบว่าเมื่ออยู่ข้างกายเขา นางไม่จำเป็นต้องโคจรพลังเลยสักนิด เขาสามารถพานางเหาะเหินไปด้วยได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เยี่ยเม่ยก็คร้านจะลงแรง ปล่อยให้เขาพานางลอยไปก็แล้วกัน
ไม่ช้าคนทั้งสองก็มาแถวบริเวณชานเมือง ข้างธารน้ำแห่งหนึ่งที่ไม่นับว่ามีทิวทัศน์งดงามสักเท่าไรนัก เป่ยเฉินเสียเยี่ยนชี้นิ้วขึ้นไปบนกิ่งไม้บนต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างว่องไว กล่าว “สามวันนั้น เยี่ยนอยู่ตรงนั้น!”
เยี่ยเม่ยปรายตามองต้นไม้ทีหนึ่ง
เดิมทีกิ่งไม้นั่นแข็งแรงมาก แต่ก็ดูออกว่าหักแล้ว
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนอธิบายต่อ “วันนั้นเยี่ยนมาถึงที่นี่ ซื้อสุรามาไม่น้อย เพราะไม่อยากถูกรบกวนจึงไม่พาใครมาด้วย หลังจากเมาสุราแล้วก็หลับไป กิ่งไม้หักลง เยี่ยนตกลงมาด้านล่างหลับไปสองวันถึงตื่นขึ้นมา!”
ดังนั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าใครไปนอนกับมู่หรงเหยาฉือกันแน่
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเด็กในท้องมู่หรงเหยาฉือมาจากไหนกัน
เป็นเพราะว่าเขาทะเลาะกับฮูหยิน หนีออกไปดื่มสุราแก้กลุ้มจนตกต้นไม้สลบไปสองวันเป็นเรื่องไม่น่าภูมิใจเอาเสียเลย ดังนั้นหลังจากกลับไปถึงเขาก็ไม่เอ่ยกับใครว่าสามวันนั้นเขาไปทำอะไร
ในเวลานี้หากเอ่ยแต่ปาก เยี่ยเม่ยคงไม่เชื่อเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงได้แต่พานางมา เพื่อให้นางเห็นกิ่งไม้หักเพื่อพิสูจน์ความ ‘บริสุทธิ์’ ของตน
เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังชี้ไปที่หินก้อนหนึ่งใต้ต้นไม้ เอ่ยว่า “วันนั้นหลังจากเยี่ยนเมาสลบไปแล้ว หลังศีรษะกระแทกตรงนี้ เมื่อกลับไปเยี่ยนยังเชิญหมอมารักษาอาการบวม ถึงแม้ช่วงนั้นเจ้าจะไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเยี่ยน แต่ว่าเรื่องที่หมอมาตรวจอาการเยี่ยน เชื่อว่าฮูหยินน่าจะรู้!”
สรุปแล้วเขาไปมีความสัมพันธ์กับมู่หรงเหยาฉือได้อย่างไร
ช่างน่าแปลกพิสดารนัก!
เยี่ยเม่ยฟังแล้วเชื่อเกินกว่าครึ่ง อย่างไรเสียมู่หรงเหยาฉือก็มีเศษผ้านั้นเป็นหลักฐาน ทว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็หาใช่ไร้หลักฐาน สถานที่แห่งนี้รวมถึงกิ่งไม้หัก และท่านหมอก็เป็นพยานให้เขาได้
แต่ว่า…
เยี่ยเม่ยหันกลับไปมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ถาม “เช่นนั้นท่านไม่ใช่บอกว่าดื่มสุราอยู่ที่นี่ แล้วไหสุราเล่า”
สถานที่รกร้างห่างไกลนี้ คงไม่มีใครมาเก็บไหสุราแน่
ส่วนเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่ใช่คนมีมารยาทถึงขั้นดื่มสุราแล้วยังนำไหสุรากลับไปหาที่ทิ้ง ถึงเขาจะมีบุคคลิกงามสง่า แต่ว่าบุคลลิกกับการอบรมเลี้ยงดูเป็นคนละเรื่องกัน
ดังนั้นไหสุราเล่า
เขาขมวดคิ้วมองไปรอบๆ กลับหัวเราะออกมา เป่ยเฉินเสียเยี่ยนตระหนักอะไรขึ้นมาได้ หันมองเยี่ยเม่ย ค่อยๆ เอ่ย “ความจริงคำตอบก็มีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ไหสุราถูกคนเอาไปแล้ว วันนั้นเยี่ยนร่วงลงมาจากต้นไม้ ไม่แน่ว่ากิ่งไม้เกี่ยวอาภรณ์จนขาดเป็นเศษผ้าผืนนั้น…”
เมื่อเอ่ยมาถึงยามนี้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
ดวงตาเขาสงบลง “วันนั้นมีคนรู้ว่าเยี่ยนมาที่นี่ ทั้งบังเอิญทำเสื้อขาดไว้ จึงนำเศษผ้ากลับไป และยังเอาไหสุราไปด้วยเพื่อเป็นการทำลายหลักฐาน ทำเช่นนี้ต่อให้เยี่ยนมีอีกร้อยปากก็ยากจะแก้ต่าง ได้แต่ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กับมู่หรงเหยาฉือแล้ว!”
แต่เป็นใครกันแน่ที่อาจหาญวางแผนเช่นนี้
หรือความจริงเป้าที่จะถูกเล่นงานไม่ใช่เขา แต่เป็นมู่หรงเหยาฉือ!
เยี่ยเม่ยหันหน้ามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ยเสียงนิ่งลง “นี่ยังคงเป็นคำพูดและการวิเคราะห์ของท่านอยู่ฝ่ายเดียว ท่านก็ยังไม่มีทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง! ท่านคิดว่าแค่แต่งเรื่องขึ้นมา คาดเดาไปมั่วๆ พูดเรื่องไหสุราแล้วข้าจะเชื่อท่านหรืออย่างไร!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยน “…!”
เขารู้อยู่ในใจว่าตัวเองไม่ได้ทำ ดังนั้นจึงวิเคราะห์เรื่องพวกนี้ออกมาได้
แต่เยี่ยเม่ยหารู้ว่าเขาไม่ได้ทำ ดังนั้นเขาเข้าใจและไม่โทษที่นางไม่เชื่อเขา ไม่ว่าอย่างไรคำพูดของเขาฟังดูแล้วก็เหมือนแก้ตัวอยู่จริงๆ ก็แค่การคาดเดาเท่านั้น
แต่ว่า…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนสงบนิ่งไป ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยเสียงน่าฟังว่า “บางทีอาจมีคนให้คำตอบพวกเราได้!”
“ใคร” เยี่ยเม่ยมองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
ถึงเยี่ยเม่ยยังมีความคิดจับโจรอยู่ในใจ แต่ที่สุดแล้วนางก็ไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นนางฉุกคิดขึ้นมาได้ในไม่ช้า มองเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เอ่ย “ท่านหมายถึง…”
เป่ยเฉินเสียง ?!
เยี่ยเม่ยไม่พูดชื่อคนผู้นั้นออกมา แต่ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็รู้ว่านางเดาออกแล้ว
เขายิ้มพยักหน้า เอ่ยเป็นจังหวะว่า “ความจริงเยี่ยนพอจะเข้าใจแล้วว่าใครเป็นตัวต้นเรื่อง ลองคิดดูจากนิสัยขององค์ชายใหญ่เป็นอย่างไร หากรู้ว่ามู่หรงเหยาฉือตั้งครรภ์เลือดเนื้อของข้า แล้วยังยอมแต่งกับมู่หรงเหยาฉืออีกก็แปลกประหลาดแล้ว!”
เยี่ยเม่ยก็นับว่าเคยพูดคุยกับเป่ยเฉินเสียงมาก่อน นางย่อมรู้นิสัยของเป่ยเฉินเสียง ว่าเป็นพวกทะเยอทะยานยโสโอหัง!
เขาคิดอยู่เสมอว่าสิ่งของที่ดีสุดในใต้หล้าถึงคู่ควรกับตัวเขาเป่ยเฉินเสียง
ในเมื่อเช่นนี้สตรีที่เปื้อนมลทิน ถึงขั้นตั้งครรภ์ลูกของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน เป่ยเฉินเสียงจะยอมแต่งงานกับนางได้อย่างไร
ในทางกลับกันหากทุกอย่างมีเป่ยเฉินเสียงเป็นตัวต้นเรื่อง
เรื่องนั้นก็อธิบายได้แล้ว ดูท่าแผนการแผ่นฟ้าไร้ตะเข็บนี้ ทำให้มู่หรงเหยาฉือคนงามกลายเป็นพระชายารองของตน รวมไปถึงทรัพย์สมบัติมั่งคั่งที่ทำให้ใครต่อใครอิจฉาก็ตกเป็นของเป่ยเฉินเสียงแล้ว
เรียกว่ายิงธนูนัดเดียวได้นกสามตัวเลย!
ได้คนงามเป็นพระชายารอง แล้วยังได้ทรัพย์สมบัติ ซ้ำยังพ่วงลูกมาเป็นผลพลอยได้อีกคนหนึ่ง!
เยี่ยเม่ยก็เริ่มสงสัยอยู่ในใจ
แต่นางไม่ยอมให้คำพูดไม่กี่คำของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนจูงจมูกไป ไม่ว่าอย่างไรเป่ยเฉินเสียเยี่ยนในสายตานางก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่
ด้วยเหตุนี้นางจึงหันไปมองเขานิ่งๆ “ท่านอย่าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะพิสูจน์ว่าท่านไม่มีความผิด ท่านยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่! ไม่แน่เป่ยเฉินเสียงคิดว่าได้เลือดเนื้อเชื้อไขท่านมาอยู่ในมือแล้วอาจข่มขู่ท่านได้ กุมจุดอ่อนท่านเอาไว้ ก็ยังไม่แน่เลย!”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้วได้แต่รู้สึกว่าไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เมื่อก่อนเขาไม่รู้เลยสักนิดว่านางจะไร้เหตุผลได้เช่นนี้ !
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหัวเราะออกมา ถามออกไปอย่างอดใจไม่ไหวว่า “หากเป็นลูกของข้าจริง เจ้าคิดจะทำอย่างไร”