เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 101 : โบนัส
ตอนที่ 101 : โบนัส
เมื่อหลินฟานกลับมาถึงชุมชนยี่เกอ เขาก็หยิบน้ำหอมสองขวดออกมาทันที
จากนั้นฉิวจือเฉียนก็สูดจมูกเบาๆ แล้วพูดว่า “กลิ่นหอมมากเลย! ที่รักซื้อมาให้พวกเรางั้นหรอ?”
หลินฟานยิ้มและพูดว่า “ถ้าไม่ให้พวกเธอ แล้วจะให้ฉันเอาไปให้ใครล่ะ”
“ ขวดสีแดงเป็นของจือเฉียน ส่วนขวดสีเหลืองเป็นของหวงหลิง”
“ขอบคุณนะที่รัก!” เรื่องนี้ทำให้ฉิวจือเฉียนและหวงหลิงมีความสุขอย่างมาก
และไม่นานบ้านเลขที่ 2501 ก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
…………
……
คืนนี้ทั้งสามไม่ได้นอนกันทั้งคืน!
……
วันรุ่งขึ้นกับท้องฟ้าที่แจ่มใส
หลังจากที่หลินฟานรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ขับรถกลับไปยังมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยในทันที
ซึ่งในเวลานี้ ได้มีการจัดพิธีการต้อนรับแขกผู้มีเกียรติขึ้นที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย
เนื่องจากเจียวหยางผู้ว่าการจังหวัดเจียงเป่ย ได้มาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยร่วมกับอธิการบดี คณบดีและคนอื่นๆอีกมากมาย
และข้างหลังของพวกเขาก็ยังมีนักข่าวกลุ่มใหญ่ที่ถือกล้องและไมโครโฟนอยู่เต็มไปหมด
จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินเข้าไปเยี่ยมชมในห้องสมุด ห้องทดลอง และก็โรงยิม…
ซึ่งในขณะนั้น เจียวหยางก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน: “เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฉันได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ปรากฏตัวขึ้นที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย และเขาไม่เพียงแค่เอาชนะการแข่งขันแบบจำลองทางคณิตศาสตร์แล้วได้รับถ้วยอุดมศึกษามาเท่านั้น แต่เขายังสามารถแก้ไขปริศนาของโจวและการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ ที่เป็นสองปัญหาระดับโลกได้อีกด้วยงั้นหรอ?”
ถึงแม้ผู้ว่าของจังหวัดจะเข้ามาเยี่ยมที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย แต่จริงๆแล้วเขามีเรื่องที่ต้องทำอยู่ทุกวัน
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องที่ประสบผลสำเร็จทางคณิตศาสตร์ในครั้งนี้
จากนั้นอาจารย์ใหญ่เซินเหลียงก็กล่าวว่า “มีอัจฉริยะคนนั้นจริงๆ”
“งั้นหรอ สุดยอด! เขาสมควรที่จะได้รับเกียรติจากมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยและก็จากเมืองเจียงเป่ยด้วย! เขาต้องได้รับการยกย่องอย่างยิ่งใหญ่!” เจียวหยางอุทานอย่างมีความสุข
จากนั้นเซินเหลียงก็กล่าวว่า “คุณพูดถูก… ตอนนี้เราได้ทำการยื่นขอโบนัสจากมหาวิทยาลัยจำนวน 500,000 หยวนไปแล้ว และเราจะมอบให้กับเขาในภายหลัง”
“มอบให้กับเขา?” เจียวหยางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ได้จัดพิธีมอบรางวัลขนาดใหญ่ขึ้นด้วยหรือเปล่า และได้จัดเตรียมให้นักข่าวมาสัมภาษณ์ด้วยหรือไม่”
เนื่องจากปริศนาของโจวและการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่เป็นปัญหาระดับโลก
ถ้าหากมีนักเรียนของเราคนใดคนหนึ่งสามารถตอบปัญหาได้สำเร็จ นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะส่งเสริมมหาวิทยาลัยและแสดงความมีคุณภาพให้ทุกคนได้เห็น
และในมุมมองของเจียวหยาง การจัดพิธีมอบรางวัลในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีอยากมากในการโปรโมตมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย
จากนั้นหูชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็ก้าวออกมาข้างหน้าและอธิบายว่า “นักศึกษาคนนี้ไม่ชอบกล้อง ดังนั้นพิธีมอบรางวัลเหล่านี้จึงถูกยกเลิกไปก่อนชั่วคราว”
เมื่อเจียวหยางได้ยินดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้นและพูดว่า: “ถ้าเขาสร้างเกียรติให้กับมหาวิทยาลัยของเรา เราก็ควรต้องประกาศให้หลายๆคนได้รับรู้สิ! มันจะไปมีประโยชน์อะไร ถ้าแก้ไขปัญหาอันยิ่งใหญ่่ได้แล้วไม่ยอมประกาศให้โลกได้รู้ล่ะ?”
“เราต้องการให้เขาเป็นแบบอย่างของมหาวิทยาลัย ทั้งในเจียงเป่ยและทั้งมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จะได้มีคนจำนวนมากลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหา… แค่เขาคนเดียวก็มีอิทธิพลต่อผู้คนนับไม่ถ้วน! เราสามารถใช้ชื่อเสียงของเขาเพื่อยกระดับคุณภาพของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยได้ด้วยวิธีนี้!”
“ก็จริงที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ยของเรานั้นติดอยู่ในสิบอันดับแรกทุกปี แต่ทำไมพวกเราถึงไม่ใช้โอกาศนี้เพื่อขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆล่ะ?”
“ส่วน…นักศึกษาคนนั้นไม่ชอบอยู่หน้ากล้องอย่างนั้นหรอ พวกคุณเป็นถึงครูและอาจารย์ แค่เกลี้ยกล่อมเรื่องแค่นี้ก็คงไม่ยากเกินไปใช่มั้ย”
เจียวหยางพูดมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมาก
ซึ่งในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับหูชวนและคนอื่นๆ ที่เลือกจะมอบโบนัสให้กับนัศึกษาคนนั้นโดยไม่มีการสัมภาษณ์
จากนั้นเฟิงเว่ยเจี้ยน รองอาจารย์ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวขึ้นมาหลังจากที่เจียวหยางพูดจบ “ท่านผู้ว่าพูดถูก! จุดประสงค์ในการศึกษาของเราไม่ได้ต้องการสร้างคนที่มีพรสวรรค์แต่เพียงคนเดียว แต่ต้องการสร้างคนที่มีพรสวรรค์อย่างนับไม่ถ้วน!”
“เพราะอย่างนั้นแล้ว การสร้างตัวอย่างจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้คนจำนวนมากที่จะเอาชนะด้วยตัวเอง และพวกเขาก็จะกลายเป็นเด็กพรสวรรค์ที่มีประโยชน์ให้กับพวกเราในอนาคต!”
“ก่อนหน้านี้ นักศึกษาคนนั้นได้บอกว่าเขาไม่ค่อยชอบกล้อง ฉันเลยเลือกที่จะยอมแพ้ไป นี่เป็นความผิดพลาดของฉันจริงๆ!”
ในตอนแรกที่เฟิงเว่ยเจี้ยนได้รับรู้ว่าหลินฟานสามารถแก้ไขปริศนาของโจวและการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ได้สำเร็จ
ความคิดแรกที่ผุดเข้ามาในหัวของเขาก็คือการเชิญนักข่าวจำนวนมากเข้ามาในมหาวิทยาลัย เพื่อจัดงานแถลงข่าวและสัมภาษณ์เกี่ยวกับตัวของหลินฟาน ซึ่งเขาต้องการให้เรื่องในครั้งนี้กระจายไปทั่วประเทศ
และนี่ก็คือโอกาสอันดีที่จะขยายความนิยมและอิทธิพลของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้กลับถูกปฏิเสธโดยหูชวนที่เป็นคณบดีของสถาบันคณิตศาสตร์ โดยให้เหตุผลแค่ว่าหลินฟานไม่ชอบกล้องเพียงเท่านั้น
แถมครูใหญ่เซินเหลียงก็ยังสนับสนุนแนวทางของหูชวนอีกคน
เฟิงเว่ยเจี้ยน ที่ไม่สามารถทำอะไรได้จึงรู้สึกหงุดหงิดมาก
แต่เมื่อในตอนนี้ผู้นำของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย ได้พูดถึงการจัดงานแถลงข่าวและการสัมภาษณ์ขึ้นมา เฟิงเว่ยเจี้ยนที่เห็นด้วยอยู่แล้วก็เลยถือโอกาศนี้พูดตามน้ำเจียวหยางไป
และเมื่อเจียวหยางได้ยินอย่างนั้น เขาก็หันไปมองเฟิงเว่ยเจี้ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ
จากนั้นเขาก็พูดว่า: ” ที่ฉันมายังมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยในวันนี้ อย่างแรกก็คือมาเยี่ยมชม อย่างที่สองก็คือฉันจะมามอบโบนัส 500,000 หยวนให้แก่เขา…”
“ พวกเราในเจียงเป่ยให้ความสำคัญกับคนที่มีพรสวรรค์เสมอมา!”
แต่จริงๆแล้วเหตุผลหลักที่เจียวหยางได้มาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยในวันนี้
เป็นเพราะว่าเจียวหยางอยากได้หน้ากับเรื่องในครั้งนี้
เฟิงเว่ยเจี้ยนพูดอย่างตื่นเต้น “ผู้ว่าอนุญาตแล้ว!”
เมื่อนักข่าวที่อยู่ข้างหลังได้ยินคำพูดนั้น รอยยิ้มแห่งความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน
นักข่าวรู้มานานแล้วว่ามีนักศึกษาคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย ได้แก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับโลกทั้งสองได้สำเร็จ และในตอนนั้นพวกเขาก็อยากเข้ามาสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
แต่ทางมหาวิทยาลัยกลับปฏิเสธ
แถมมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยยังได้สั่งห้ามไม่ให้สื่อเข้าไปสัมภาษณ์หลินฟาน ดังนั้นจึงไม่มีสื่อใดเลยที่ได้ไปสัมภาษณ์หลินฟาน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้คิดว่าโอกาสจะมาถึงในวันนี้
และเนื่องจากเป็นการสัมภาษณ์ครั้งแรกมันจะต้องได้รับความสนใจจากคนนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน!
จากนั้นเจียวหยงก็ถามขึ้น “นักศึกษาคนนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ”
เฟิงเว่ยเจี้ยนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด “ในตอนนี้ เขาน่าจะอยู่ในห้องเรียนแล้ว…ท่านผู้ว่า โปรดไปดื่มชารอที่ห้องประชุมและพักผ่อนรอสักครู่เถอะครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปพาเขามาที่นี่ให้เอง”
ในตอนนี้ หูชวนรู้สึกอยากจะคัดค้านเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อผู้ว่าเป็นคนพูดเอง เขาคัดค้านได้ที่ไหนกัน?
เขาทำได้แค่เดินไปที่ห้องประชุมกับทุกคนแบบเงียบๆ
และก่อนที่ทุกคนกำลังจะแยกย้าย ชายร่างสูงก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากระยะไกล
ดวงตาที่หม่นหมองของหูชวนก็ขยับเล็กน้อยและพูด ” หลินฟาน นั่นนายใช่ไหม รอฉันสักครู่นะ”
หลินฟานที่กำลังเดินอยู่ก็ถึงกับหยุดชะงักทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียง
หลินฟาน?
เมื่อเจียวหยางผู้ว่าการจังหวัดเจียงเป่ยที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหูชวนได้ยิน เขาก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าเขาเคยได้ยินชื่อหลินฟานมาจากที่ไหนสักแห่ง
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองในทิศทางเดียวกันกับที่หูชวนส่งเสียงเรียก และเขาก็ได้เห็นหลังของหลินฟาน ซึ่งเขาก็รู้สึกว่าแผ่นหลังนี้… ดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
และในที่สุด หลินฟานก็ค่อยๆหันหลังกลับมา
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเจียวหยางก็ถึงกับหมุนกลิ้งไปกลิ้งมา
เขา!
นั่นคือเขา!
กลายเป็นเขาเองหรอเนี่ย!
เมื่อวานนี้ หลังจากที่รู้ว่าฉินเว่ยหมิงได้กลับมาที่เจียงเป่ย เจียวหยางจึงได้ติดตามผู้นำของมณฑลเจียงและคนอื่นๆอีกมากมายเพื่อไปทำการต้อนรับ
และเขายังคงจำได้ชัดเจนว่าผู้อาวุโสฉินสุภาพต่อชายหนุ่มที่ชื่อว่าหลินฟานเป็นอย่างมาก!
แถมยังให้หลินฟานมานั่งข้างๆเขา!
เท่านั้นยังไม่พอ เขายังตักขนมปังให้กับหลินฟานด้วย!
และก่อนที่หลินฟานจะเดินทางกลับ เขาก็ยังสั่งให้ชายในชุดเครื่องแบบทหารขับรถไปส่งหลินฟานให้ถึงที่อย่างปลอดภัยอีก!
ไม่ใช่แค่เจียวหยาง…แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างก็แอบเดาตัวตนของหลินฟาน แต่ก็ไม่มีเงื่อนงำอะไร จึงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเขาทั้งนั้น!