เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 129 : นิตยสาร PNAS
หลังจากที่ตำรวจนำตัวหลี่ต้าเจียง โจวไคเว่ยและหลี่ฉางตงออกไป ในที่สุดความวุ่นวายในบ้านของจางซ่งก็สงบลง
เผิงปิงพูดขอโทษออกมาอีกครั้ง “ผมต้องขอโทษจริงๆที่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
หลังจากพูดจบ เขาก็เหลือบมองไปที่นาฬิกาแล้วพูดขึ้น “ผมได้จองโรงแรมไว้แล้ว ได้โปรดมาทานอาหารร่วมกันเถอะนะ ผมอยากจะขอโทษเกี่ยวกับเรื่องในครั้งนี้จริงๆ”
เมื่อเผิงปิงพูดจบ เขาก็จ้องมองไปที่หลินฟานอย่างเงียบ ๆ
หลินฟานพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้”
เมื่อเผิงปิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เพราะการที่หลินฟานตกลงว่าจะมาทานอาหารร่วมกันกับเขา ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขาค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ในการจัดการครั้งนี้
โรงแรมเจียงเป่ยเฟิงไหล ห้อง 888
บนโต๊ะขนาดใหญ่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย นกพิราบตุ๋น กุ้งล็อบสเตอร์ออสเตรเลีย หอยเป๋าฮื้อและปลิงทะเล ฯลฯ
จางซ่งและคนอื่นๆในครอบครัว พวกเขาไม่เคยกินอาหารราคาแพงเช่นนี้มาก่อนเลย
พวกเขาจึงรู้สึกเกร็งอยู่เล็กน้อย แต่หลังจากที่เห็นหลินฟานตักอาหารเข้าปากไปหลายคำแล้ว พวกเขาก็เริ่มกินตาม
ในงานเลี้ยง เผิงปิงรินไวน์ให้กับหลินฟานและซุนลูกั่วเป็นครั้งคราว
มื้อนี้บอกได้เลยว่าบอกเลยว่าแซ่บมาก
และหลังจากที่ออกจากโรงแรมเฟิงไหล เผิงปิงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณซุนลูกั่ว พี่ฟานของคุณคนนี้เป็นใครกันแน่…”
ซุนลูกั่วชำเลืองมองเผิงปิงแล้วพูด “เขาคือคนที่ผู้นำของเมืองเจียงเป่ยและวีรบุรุษของเจียงยังต้องเอาใจ นายคิดว่าไงล่ะ”
ในประโยคนี้ ซุนลูกั่วไม่ได้ล้อเล่นอย่างแน่นอน
นายรู้ไหม ว่าคนที่ชื่อหลินฟาน ได้ช่วยหลานชายของฉินเว่ยหมิงเอาไว้
และฉินเว่ยหมิงก็เดินทางไปร่วมฉลองวันเกิดคุณปู่ของหลินฟานด้วยตัวเองด้วยนะ!
“ตึกตักตึกตักตึกตัก!”
เมื่อเผิงปิงได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็เต้นแรงอย่างต่อเนื่อง
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเจียงเป่ย และวีรบุรุษของเจียง คอยเอาใจหลินฟานงั้นหรอ?
คนที่ชื่อหลินฟานคนนี้ สุดยอดเกินไปแล้ว!
…………
ในห้องพักโรงงาน
“ตึ้งงงงงง!”
นาฬิกาลูกตุ้มให้เสียงที่คมชัดและไพเราะ
ซึ่งหลังจากที่เฉินหลี่ได้จิบน้ำแล้ว เธอก็กำลังจะลุกขึ้น เมื่จางฮุ่ยหลิงที่อยู่ข้างๆเห็น เธอก็รีบพูดขึ้นมา “แม่ เดี๋ยวหนูช่วยนะ”
แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของเฉินหลี่ก็เปลี่ยนไปแล้วพูด “เดี๋ยวก่อน…เดี๋ยวก่อน นี่มัน”
เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ในตอนนี้ เธอเดินได้อย่างคล่องแคล่วและกระฉับกระเฉงโดยไม่รู้สึกเจ็บปวด
ได้ยังไงกัน ขาของฉันมันหักไปแล้วหนิ!
“แม่ ขาแม่…เดินได้แล้วหรอ” จางฮุ่ยหลิงพูด
“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!” เฉินหลี่กล่าวอย่างตื่นเต้น
จากนั้นเธอก็นึกถึงยาที่หลินฟานได้มอบให้ตัวเองดื่ม และรีบพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “จางซ่ง ลูกต้องตอบแทนหลินฟานในอนาคตด้วยนะ!”
“ได้ครับ” จางซ่งพูด
…………
วันที่ผ่านๆมา หลินฟานไปเรียน กิน นอน และใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายและสงบสุข
ณ เวลานี้ มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย ที่ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ 104
“บูมบูมบูม!”
หวังกั๋วไห่มองดูอุปกรณ์ทดลองในห้องเป็นระยะๆ และที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยการไตร่ตรอง
“ยอดเยี่ยม!”
ในขณะนี้ จงเหวินถิงกำลังเดินเข้ามาอย่างมีความสุขพร้อมกับตะโกนไปด้วย
หวังกั๋วไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเปิดปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร จงเหวินถิงก็หยิบนิตยสารขึ้นมาและพูดขึ้นมาซะก่อน “ศาสตราจารย์หวัง บทความเกี่ยวกับแผ่นดินไหว H ได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการโดย PNAS แล้ว”!
“รีบเอามาให้ฉันดูเร็วเข้า!” หวังกั๋วไห่พูดด้วยความประหลาดใจ
นักศึกษาปริญญาเอกสองคนที่ทำการทดลองก็หยุดทีละคน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข และพวกเขาก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาตื่นเต้นมาก
รู้ไหมว่า “PNAS” เป็นวารสารฟิสิกส์ชั้นนำ มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับเรื่องนี้
หวังกั๋วไห่มองไปที่กลางหน้ากระดาษและพูดอย่างมีความสุข “ดีมาก ยอดเยี่ยม!”
หลังจากที่นักศึกษาปริญญาเอกทั้งสองเห็นเอกสารฉบับนี้แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีก
เพราะลายเซ็นของกระดาษเขียนชื่อคนห้าคน
บรรทัดแรกเป็นชื่อของ: หวังกั๋วไห่ จงเหวินถิง
และบรรทัดที่สองก็มีชื่อ: หลินฟาน ตังเซย์ยู, ดิงเผิง
ตังเซย์ยูและดิงเผิงเป็นชื่อของนักศึกษาปริญญาเอกทั้งสองคน เรื่องนี้จะช่วยพวกเขาได้อย่างมากในอนาคต
“กริ๊ง!”
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของหวังกั๋วไห่ก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาเหลือบมองไปที่โทรศัพท์
หลังจากเห็นว่าคนที่โทรมาคือเติ้งไคเหวิน คณบดีของแผนกฟิสิกส์ หวังกั๋วไห่ก็กดรับสายทันที
“ศาสตราจารย์หวัง ผู้อำนวยการเฝิงจือเซียงแห่งแผนกวิทยาศาสตร์ และศาสตราจารย์หลี่จิงจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ยของเรา หากคุณว่างก็มาที่ห้องประชุมหมายเลข1พร้อมกับศาสตราจารย์จงเหวินถิงได้นะ” เติ้งไคเหวินกล่าวอย่างจริงใจ
หวังกั๋วไห่พูด “โอเค ผมจะไปเดี๋ยวนี่เลย”
หลังจากวางสาย หวังกั๋วไห่ก็บอกกับจงเหวินถิงว่าเติ้งไคเหวินได้พูดอะไรบ้าง
ณ ห้องประชุมหมายเลข 1
ในห้องนี้มีทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์มากกว่าสิบคน พวกเขาอภิปรายกันไปหลายครั้งเกี่ยวกับการวิจัยทางวิชาการและทางวิทยาศาสตร์ บรรยากาศในห้องนั้นตึงเครียดมาก
“กึก!”
ตอนนั้นเอง ประตูห้องประชุมก็ค่อยๆถูกเปิดออก
นักวิชาการบางคนนั้นกำลังจดจ่ออยู่กับการคิดและอภิปรายจนไม่รู้สึกตัวเรื่องที่มีคนเปิดประตูเข้ามา
แต่คณบดีเติ้งไคเหวิน ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามประตูก็เห็นได้ในทันที
“ศาสตราจารย์หวังกั๋วไห่ และศาสตราจารย์จงเหวินถิง กรุณานั่งลงก่อน” เติ้งไคเหวินพูด
ด้านข้างของเติ้งไคเหวิน ศาสตราจารย์หลี่จิงที่มีผมสีขาวอดไม่ได้ที่จะหยุดสนทนาและหันมาพูดกับพวกของหวังกั๋วไห่”ศาสตราจารย์หวัง ศาสตราจารย์จง ฉันเพิ่งเห็นบทความของคุณเกี่ยวกับอนุภาค H ใน “PNAS” มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หยิบวารสาร PNAS ออกมาด้วย
หวังกั๋วไห่พูด “ขอบคุณศาสตราจารย์หลี่สำหรับคำชม เราเพียงแค่ค้นพบเรื่องเล็กน้อยเท่านั่นเอง”
“ศาสตราจารย์หวัง คุณถ่อมตัวเกินไปแล้ง! คลื่นอนุภาค H ถูกค้นพบในแผ่นดินไหว สิ่งนี้จะช่วยได้มากสำหรับการวิจัยเครื่องทำนายแผ่นดินไหวในอนาคต!” หลี่จิงพูด
“โอ้? เครื่องทำนายแผ่นดินไหว? มีความหวังในการสร้างมันหรือไม่?” ผู้อำนวยการเฟิง จื้อเซียง ที่สวมแว่นตาขอบดำถามอย่างเร่งรีบ
ในฐานะผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์ เขารู้ดีว่าเครื่องทำนายแผ่นดินไหวมีความสำคัญเพียงใด
หลี่จิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ก่อนที่คนจะเคลื่อนไหว เซลล์ประสาทจะส่งสัญญาณเพื่อสั่งการแขนขา และก่อนเกิดแผ่นดินไหว ธรรมชาติจะปล่อยสัญญาณที่คล้ายกัน อนุภาค H ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณ”
“ถ้าเราสามารถถอดรหัสของสัญญาณทั้งหมดได้ มันก็น่าจะมีความหวังในการประดิษฐ์เครื่องทำนายแผ่นดินไหว”
หลังจากพูดจบ หลี่จิงก็ถอนหายใจออกมา “แต่สัญญาณประเภทนี้นั้นซับซ้อนมาก เป็นเรื่องยากมากแล้วที่ศาสตราจารย์หวัง และศาสตราจารย์จงคำนวณวิถีของอนุภาค H ออกมาได้! ผมคิดว่ามันน่าจะใช้เวลานานมาก!”
หวังกั๋วไห่พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาใช้เวลามากในการคำนวณวิถี แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย
ดังนั้น เขาจึงพูดอย่างหมดหนทาง “อันที่จริง ฉันกับศาสตราจารย์จงไม่ใช่คนที่คำนวลวิถีนี้”
“โอ้? ถ้าอย่างนั้น ใครเป็นคนคำนวณ?” หลี่จิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ศาสตราจารย์หลี่ คุณลองอ่านชื่อในบรรทัดที่สองของวารสารดูสิ” หวังกั๋วไห่พูด
อันที่จริง หลี่จิงไม่ได้อ่านชื่อคนที่อยู่ในบรรทัดที่สองเลย
เพราะโดยทั่วไปแล้ว ชื่อของคนที่อยู่ในบรรทัดที่สองนั้นไม่ค่อยสำคัญ คนเหล่านี้ไม่น่าจะมีส่วนร่วมในการคำนวลมากนัก
“หลินฟาน?” หลี่จิงเปิดวารสาร “PNAS” และมองไปที่ผู้เขียนบทความอีกครั้ง “นี่คือ… หลินฟาน เขอคือคนที่ไขข้อสันนิษฐานของโจวและการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ใช่หรือเปล่า?”
หวังกั๋วไห่พยักหน้าแล้วพูด “ใช่ เป็นเขา”