เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 142 : ตบหน้า !
ในบูธเฟอร์รารี มีรถซูเปอร์คาร์สีแดงสุดคลาสสิกทั้งหมด 3 คัน
เมื่อเห็นรถเฟอร์รารีเหล่านี้ หัวใจของเจิ้งจินเป่าและซงหยี่ก็ถูกสะกดด้วยรูปทรงและสีอันร้อนแรงของมัน
รูปทรงดุดัน ล้อโอเวอร์ไซส์ ช่องระบายอากาศสีดำ…
“ถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ”
“ได้ใกล้ชิดขนาดนี้…”
ซงหยี่และเจิ้งจินเป่าเดินดูรอบๆรถอย่างตื่นเต้น ทั้งสองลูบไล้ไปที่ตัวรถราวกับว่ากำลังกอดแฟนของตัวเองอยู่
หลินฟานสงบกว่าทั้งสองคน
เพราะเขามีรถซุปเปอร์คาร์อยู่หลายคันแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม หลินฟานก็ยังคงรู้สึกพิเศษต่อรถเฟอร์รารีอยู่ไม่น้อย
เพราะสุดท้าย การมีรถเฟอร์รารีไว้ในครอบครองก็เป็นความฝันของผู้ชายเกือบทุกคนอยู่แล้ว!
หลินฟานพูด “รถสามคันนี้ราคาเท่าไหร่?”
ซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาในบูธ
ซงลู่จึงคิดทบทวนข้อมูลของรถในหัวก่อนจะพูดแนะนำ “รถเฟอร์รารีทางด้านซ้าย…ราคา 4.4 ล้าน”
“รถเฟอร์รารีตรงกลาง…ราคา 5.3 ล้าน”
“และรถเฟอร์รารีทางขวามือ…ขายในราคา 3.5 ล้าน”
“ตึก ตึก!”
ทันทีที่แนะนำราคาจบ ก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆเดินเข้ามาในบูธ
ผู้ชายผมหงอกที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับผู้หญิงที่สะพายกระเป๋าหลุยส์วิตตอง ทั้งสองคนเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ชายในเสื้อเชิ้ตพูดกับหญิงสาว “นี่คือเฟอร์รารีรุ่นล่าสุดของทางเรา ด้วยรูปทรงที่มีสไตล์และการตกแต่งภายในที่หรูหรา… ราคาขายอยู่ที่ 4.4 ล้าน เหมาะกับสาวงามที่ประสบความสำเร็จอย่างคุณที่สุด”
ผู้หญิงคนนั้นก้าวไปข้างหน้า เธออยากจะลองเข้าไปนั่งในรถดู
แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปก็พบว่าเจิ้งจินเป่ากับซงหยี่ที่สวมเสื้อผ้าธรรมดากำลังนั่งอยู่ในรถคันนั้น เธอถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง…
และทันใดนั้น เธอก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับมาพูด “ฉันว่ารถคันนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
ซึ่งหลังจากที่พูดจบ เธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป
ชายในเสื้อเชิ้ตรีบตะโกนเรียก “คุณเซว่ คุณเซว่ รอก่อนครับ…”
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดยังไง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ตอบกลับมาเลย
ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ชายในเสื้อเชิ้ตก็กวาดสายตากลับมามองเจิ้งจินเป่ากับซงหยี่ที่กำลังถือขวดน้ำอยู่ในรถเฟอร์ราด้วยความเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าวแล้วกวักมือเรียกซ่งลู่กับพนักนักงานขายอีกคนก่อนจะพูด “ซ่งลู่ เล้งเยว่ฉิน มานี่เดี๋ยวนี้!”
เมื่อซ่งลู่และพนักงานขายอีกคนได้ยินชายในเสื้อเชิ้ตเรียก ทั้งสองคนก็รีบวิ่งไปหาทันที
“สวัสดีค่ะ ผู้จัดการจาง” ทั้งสองคนพูดทักทายด้วยน้ำเสียงที่เคารพ
พวกเธอสุภาพต่อผู้จัดการจาง แต่ตอนนี้ ผู้จัดการจางมีแต่สีหน้าของความไม่พอใจ
ผู้จัดการจางตบหน้าของพวกเธอพร้อมกับด่าซ้ำ “เฟอร์รารีเป็นรถซูเปอร์คาร์ระดับโลก! และเหตุผลที่เราใช้เงินจำนวนมากเพื่อจัดบูธขึ้นที่นี่ ก็เพื่อ… ให้บริการและดึงดูดลูกค้าที่มีฐานะสูง!”
“พวกเธอใปแจกน้ำดื่มระดับไฮเอนด์ของบริษัทให้กับคนพวกนี้ยังไม่พอ แต่ยังปล่อยให้พวกเขาเข้ามาถ่ายรูปเล่น แถมยังให้คนที่ไม่มีฐานะแบบนี้มาลูบไล้รถเฟอร์รารีตามอำเภอใจอีก ถ้าพวกเขาทำให้รถเฟอร์รารีสกปรกล่ะ…”
“ถ้าสีรถถลอกจะทำยังไง!”
“ดูก็รู้แล้วว่าไอเด็กพวกนั้นไม่มีทางที่จะหาเงินมาจ่ายฉันได้!”
ซ่งลู่หน้าแดงช้ำไปทั้งหน้า
เธอเข้าใจว่าผู้จัดการจางกำลังพูดถึงตัวเอง เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ
ผู้จัดการจางพูดถูก ว่าบริษัทใช้เงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อจัดบูธโชว์รถในครั้งนี้ขึ้นมา
แต่เรื่องแจกน้ำนั้นไม่ใช่ เพราะบริษัทได้เตรียมน้ำดื่มไว้เป็นจำนวนมาก
และเมื่อวานน้ำดื่มนี่ก็ถูกแจกให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมชมบูธของเราเหมือนกัน
เธอก็แค่เอาน้ำให้ลูกพี่ลูกล้องและเพื่อนของเขาเท่านั้นเอง
ส่วน…
เรื่องถ่ายรูป? และทดลองเข้าไปนั่ง?
งานแสดงรถทุกที่ก็เปิดให้ทุกคนถ่ายรูปและทดลองนั่งอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?
แม้ว่าซ่งลู่จะคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร แต่เธอก็ยังพูดขอโทษออกไป “ผู้จัดการจางขอโทษค่ะ…”
เสียงของผู้จัดการจางดังมาก
หลินฟาน ซงหยี่ เจิ้งจินเป่าและหม่าจงที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดกันทั้งหมด
หลินฟานขมวดคิ้วและเผยให้เห็นสีหน้าไม่ชอบใจ
“ตึก ตึก!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา
ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำและชายหนุ่มในเสื้อยืดสีเทาได้เดินเข้ามาข้างใน
ทั้งสองกำลังพูดคุยและหัวเราะกันอยู่ ชายหนุ่มในเสื้อยืดสีเทามีท่าทางผ่อนคลาย ในขณะที่ชายวัยกลางคนมีท่าทางประจบสอพลอคอยเอาใจชายหนุ่ม
ซึ่งหลังจากเห็นทั้งสองคน ผู้จัดการจางก็เปลี่ยนสีหน้าทันที สีหน้าของเขาเหมือนกับหมาปั๊กที่รอให้เจ้าของกลับมาถึงบ้าน “ผู้จัดการหวาง นายน้อยถาน สวัสดีครับ”
ผู้จัดการหวางถามอย่างเป็นกันเอง “สถานการณ์วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“มีคนจำนวนมากมาเยี่ยมชมบูธของเรา และยังมีคนดังทางอินเทอร์เน็ตมาถ่ายรูป… วันนี้บูธของเราเป็นที่นิยมมาก!” ผู้จัดการจางพูด
ผู้จัดการหวางไม่ได้พูดอะไรตอบ เขาทำแค่พยักหน้ารับ
ถานเซิงหยู่ที่อยู่ข้างๆก็กวาดสายตามองไปรอบๆบูธอย่างสนใจ
และวินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขาเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพลางพูดอย่างมีความสุข “พี่ฟาน ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอพี่ที่นี่!”

หลินฟานคิดอยู่ครู่หนึ่ง และไม่นานเขาก็จำได้ว่าเขาเคยพบกับคนคนนี้ในตอนที่เขาได้ไปแข่งรถที่เชิงเขาดงไหล
ครั้งต่อมาก็ตอนงานฉลองวันเกิดของซ่งเจียซิน
แต่อย่างไรก็ตาม หลินฟานไม่เคยได้คุยกับเขาเลย
หลินฟานพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ฉันก็เหมือนกัน”
เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทางหลินฟานแล้ว ถานเซิงหยู่นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวของหลินฟาน
ฉากตอนที่แข่งรถนั้นวิเศษมาก แต่ตอนเล่นหมากรุกก็พิเศษไม่แพ้กัน!
แม้แต่พี่น้องใหญ่อย่างซุนลู่กั่วและหลิวหยูหาง รวมถึงพี่สาวอย่างซ่งเจียซินต่างก็ปฏิบัติต่อหลินฟานอย่างอ่อนน้อม
เมื่อเห็นท่าทีของถานเซิงหยู่ ผู้จัดการหวางที่อยู่ข้างหลังก็ยังอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป เขาเหลือบมองไปที่หลินฟานก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง “นายน้อยถาน คนนี่คือ … ”
“โอ้ ผู้จัดการหวาง นี่คือพี่ฟาน! เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแข่งรถ! เทคนิคการดริฟต์นั้นช่างหวาดเสียวเสียจริง! ขนาดนายน้อยซุนและนายน้อยหลิวก็ยังไม่ใช่คู่มือให้พี่ฟานเลยนะจะบอกให้!” ถานเซิงหยู่พูด
แม้ว่าถานเซิงหยู่จะไม่ได้พูดชื่อเต็มของซุนลู่กั่วและหลิวหยูหางก็ตาม
แต่ผู้จัดการหวางก็พอจะเดาได้ถึงตัวตนของทั้งสองคน
ผู้จัดการหวางพูดด้วยความชื่นชมว่า “ทักษะการขับรถของนายน้อยซุนและนายน้อยหลิวนั้นน่าประทับใจมาก! น้องฟานมีความสามารถมากจริงๆ! น่าทึ่งมาก!
“รึว่าน้องฟานจะเป็นนักแข่งรถมืออาชีพอย่างงั้นหรอ?” ผู้จัดการหวางถามอย่างระมัดระวัง
เขากำลังถามถึงตัวตนของหลินฟาน
แต่อย่างไรก็ตาม ถานเซิงหยู่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของคำถามนี้
เขาพูดอย่างเคร่งครึมออกมา “จะเอานักแข่งมืออาชีพมาเปรียบเทียบกับพี่ฟานได้ยังไงกัน!”
จากนั้น ถานเซิงหยู่ก็พูดต่ออีก “พี่ฟาน พี่สนใจรถเฟอร์รารีด้วยหรอ นี่คือผู้จัดการหวาง เขาเป็นตัวแทนทั่วไปของเจียงเป่ยเฟอร์รารี พี่ต้องการรถเฟอร์รารีรุ่นอะไร เขาสามารถหามาให้พี่ได้หมดเลย!”
“อย่างรุ่นSF90ของพี่เจียซิน ก็ได้รับความช่วยเหลือจากผู้จัดการหวางนี่แหละ”
หลินฟานพูดอย่างเฉยเมย “ตอนแรกฉันก็พอจะสนใจอยู่บ้าง แต่ผู้จัดการจางคนนี้พูดว่าฉันดื่มน้ำพิเศษของเขา แล้วยังกังวลว่าฉันกำลังจะทำลายเฟอร์รารีของเขาอีก คนอย่างฉันจะไปสนใจเฟอร์รารีที่เลอค่าเช่นนี้ได้ยังไง”
“อะไรนะ?” ถานเซิงหยู่เลิกคิ้วและมองไปในทิศทางที่หลินฟานชี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา