เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 190 : เที่ยวกับน้องสาว
- Home
- เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง
- ตอนที่ 190 : เที่ยวกับน้องสาว
สถานีเจียงเป่ยทิศตะวันออก เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในเจียงเป่ย และเป็นสถานีศูนย์กลางของประเทศ
ทุกๆวัน ผู้คนหลายแสนคนจะมาขึ้นรถไฟที่นี่
พูดได้เลยว่า สามารถมองเห็นเงาของผู้คนได้ทุกที่ในสถานีตะวันออก
หลังจากที่หลินฟานจอดรถแล้ว เขาก็ไปยืนอยู่ที่ทางออกพร้อมกับผู้คนมากมาย
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเรียกก็ดังออกมาจากคนกลุ่มใหญ่ที่พึ่งเดินออกมาจากสถานี
“พี่! ฉันอยู่นี่!”
สิ้นเสียง หลินเสี่ยวเหยาก็เดินออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับหญิงสาวที่ดูเป็นคนเงียบๆ เธอสวมแว่นตาสีชมพู อีกคนหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัดผมขนาดกลางและดูเป็นผู้ใหญ่หน่อยๆ
“ให้ฉันแนะนำนะ นี่คือพี่ชายของฉัน หลินฟาน! เขากำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ยและตอนนี้ยังโสดอยู่ด้วย!” หลินเสี่ยวเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม
ซึ่งเมื่อหลินฟานได้ยินคำพูดของหลินเสี่ยวเหยา เขาก็แทบจะสำลักออกมาทันที
น้องสาวคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่?
คิดจะแนะนำสาวน้อยสองคนที่ยังเรียนมัธยมอยู่ให้พี่ชายหรือยังไง?
หลินฟานมองไปที่ทั้งสองด้วยตาแห่งความจริงโดยไม่รู้ตัว
สาวน้อยผู้เงียบขรึม
[คะแนนรูปร่างหน้าตา: 85]
[คะแนนความชื่นชอบ: 40]
สาวน้อยที่ดูเป็นผู้ใหญ่
[คะแนนรูปร่างหน้าตา:84]
[คะแนนความชื่นชอบ: 40]
คะแนนรูปร่างหน้าตาประมาณ 80 และคะแนนความชื่นชอบคือระดับคนแปลกหน้า
ต้องไม่ลืมว่าผู้หญิงของเขาทั้งหมดมีคะแนนหน้าตาอยู่เหนือ 90 คะแนน
และแน่นอน ว่าเหตุผลหลักก็คือคือเขามีแฟนแล้ว ไม่ใช่หมาป่าเดียวดาย!
ใช่แล้ว!
หลินเสี่ยวเหยาชี้ไปที่สาวน้อยผู้เงียบขรึมก่อนจะพูดว่า “นี่คือ ถังเจียว”
จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่หญิงสาวที่ดูโตแล้วพูดว่า “นี่คือ ตู่หยูเจีย”
หลินฟานพยักหน้าอย่างสุภาพเป็นการทักทาย
จากนั้นเขาก็พูดว่า “เธอน่าจะหิวกันแล้วใช่ไหม? อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”
“ฉันอยากกินบะหมี่แห้งร้อนของเจียงเป่ย! และก็ข้าวมันไก่ด้วย!” หลินเสี่ยวเหยาพูดอย่างตื่นเต้น
“ได้เลย!” หลินฟานตอบและพาคนทั้งหมดไปที่ลานจอดรถ
ไม่นานทุกคนก็มาถึงหน้ารถบิ๊กจี
ผู้หญิงไม่ค่อยรู้เรื่องรถเท่าไหร่
นอกจากนี้ถังเจียวและตู่หยูเจียยังเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลาย ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้มากนัก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเธอมองไปที่รูปลักษณ์ที่สูงและแข็งแกร่งของบิ๊กจี ใบหน้าของพวกเธอก็ยังต้องแสดงความประหลาดใจออกมา
“บูม!”
หลินฟานเหยียบคันเร่ง ก่อนที่รถจะพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับสัตว์ร้าย
ถังเจียวและตู่หยูเจียรู้สึกถึงวิสัยทัศน์ที่สมบูรณ์แบบและพลังอันแข็งแกร่งของรถบิ๊กจี… และพวกเธอยังมีความรู้สึกเสน่หาที่อธิบายไม่ได้ต่อหลินฟานอีกด้วย
“ติ๊ง!”
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินฟานก็ดังขึ้นมาพอดี
12:00!
ซองแดงปรากฏขึ้น!
ดังนั้น หลินฟานจึงเหยียบเบรกก่อนจะรีบหมุนพวงมาลัยและจอดรถในที่จอดรถชั่วคราวข้างถนน
จากนั้นเขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดไปที่ซองแดง
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้เงิน 3 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้เงิน 10 หยวน”
…
หลินเสี่ยวเหยาที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “พี่ชาย พี่กำลังทำอะไรอยู่?”
“โอ้ พี่กำลังเปิดซองแดง” หลินฟานตอบกลับ
หลินเสี่ยวเหยา:…
ถังเจียว:…
ตู่หยูเจีย:…
ทั้งสามพูดไม่ออก
เปิดซองแดง?
ถ้าจำไม่ผิด ซองแดงนั้นมูลค่าไม่เกิน 200 หยวน ใช่หรือเปล่า?
แถมยังเป็นราคาที่สูงที่สุดแล้วด้วย!
ถ้าเป็นในสถานการณ์ปกติ ซองแดงพวกนี้จะมีเงินอยู่ไม่กี่หยวน หรือไม่ก็เซ็นต์ ใช่ไหม?
เงินแค่นี้…
ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ไหมเนี่ย?
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ไม่รู้ว่าหลินฟานกำลังทำอะไร พวกเขาคงนึกว่าหลินฟานกำลังทำธุรกิจ 100 ล้านอยู่เป็นแน่
ในตอนแรก ทั้งถังเจียวและตู่หยูเจียพอจะมีความประทับใจที่ดีต่อหลินฟานอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้มันหายไปหมดแล้ว
หลินเสี่ยวเหยายิ้มอย่างเขินอายนิดหน่อย
มุมปากของหลินฟานยกขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆบนหน้า
เพราะหลินฟานเพิ่งได้ส่วนแบ่งหุ้นอีก 10% จากซองแดงที่เขาเปิด!
ต้องรู้ก่อนว่า…
ถึงหุ้นจะน้อย แต่มันเป็นหุ้นขององค์กรขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าในตลาดหลักแสนล้าน!
ถ้าหุ้น 10% ก็ตีเป็นมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านหยวน!
ถ้าหลินฟานรู้ว่าถังเจียวและตู่หยูเจียกำลังคิดอะไรอยู่
เกรงว่าเขาจะบอกกับพวกเธอไปว่าหากเขาพลาดหยิบซองแดงเหล่านี้สักวิละก็ เขาอาจจะพลาดมากกว่า 100 ล้านหยวนก็ได้
ใช่แล้ว! 100 ล้าน!
หลังจากเปิดซองแดงเสร็จ หลินฟานก็สตาร์ทรถใหม่อีกครั้งและขับไปทางไซจี
ต้องบอกว่าไซจีเป็นสแน็คบาร์ที่รู้จักกันดีในเจียงเป่ย
ถึงจะเป็นบาร์ขนาดใหญ่ แต่ทั้งชั้นบนและชั้นล่างก็แทบจะหาที่นั่งไม่ได้เลย บรรยากาศข้างในบาร์ครึกครื้นสุดๆ
หลินเสี่ยวเหยาและคนอื่นๆเริ่มสั่งบะหมี่แห้งร้อนๆ ไก่ข้าวเหนียว เกี๊ยวนึ่ง ไวน์ข้าว และอาหารพิเศษอีกหลายอย่าง พวกเธอมีความสุขมากที่ได้มากินอาหารเหล่านี้
หลินฟานถาม “ต่อไปเราจะไปที่ใหนกัน?”
หลินเสี่ยวเหยาพูด “หยูเจีย บอกว่าเธอเพิ่งสอบเสร็จและต้องการซื้อของจำพวกของดูแลตัวเอง”
“โอ้ แล้วเธอล่ะ เธออยากจะไปซื้อด้วยไหม?” หลินฟานยังคงถามต่อไป
“ซื้อมันไปทำไม? ฉันไม่อยากที่จะพกมันไปทุกวัน” หลินเสี่ยวเหยาโบกมือของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลินฟานไม่ได้ถามอะไรมากนัก เขาพูด “คุณจะไปซื้อกระเป๋าที่ไหน?”
“ห้างสรรพสินค้าKM ไปซื้อกระเป๋าที่นั่นด้วย!” ตู่หยูเจียพูดอย่างเร่งรีบ
เมื่อหลินฟานได้ยิน เอขก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าแปลกๆออกมา
ห้าง KM?
นั่นไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าของเขาเองหรอ?
แต่ตั้งแต่ที่เขาไปที่ห้างนั้นมาครั้งล่าสุด เขาก็ไม่ได้ไปห้างKMอีกเลย
สำหรับแบรนด์กระเป๋าดังๆ?
เขาก็ยังถือหุ้นอยู่ 5%
ตู่หยูเจียคิดว่า หลินฟานสงสัยว่าเธอจะเอาเงินจากไหนมาซื้อกระเป๋าระดับไฮเอนด์แบบนี้ เธอจึงอธิบายว่า “นี่คือเงินปีใหม่กับเงินค่าขนมที่ฉันประหยัดเอาไว้”
หลินฟานพยักหน้าอย่างเงียบๆ จากนั้นเขาก็ขับรถพาคนสามคนไปที่ห้างสรรพสินค้า KM ผ่านทางที่คุ้นเคย
เมื่อหลินฟานมาถึงลิฟต์ในห้างที่จะขึ้นไปชั้นบน ชายวัยกลางคนในชุดสูทก็เดินเข้ามาพอดี
เขาพูดอย่างตื่นเต้น “คุณหลิน!”
“คุณคือ…”หลินฟานถามอย่างสงสัย
“ฉันชื่อหยวนหง ผู้จัดการทั่วไปของห้าง KMl!” ชายวัยกลางคนไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยที่หลินฟานไม่รู้จักเขา
ตรงกันข้าม เขายังพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและแฝงด้วยความเคารพ
ไม่แปลกเลยที่เขาจะเป็นแบบนี้
ท้ายที่สุด หลินฟานเป็นเจ้าของห้าง KM และคำพูดของเขาถือเป็นอำนาจสูงสุดของที่นี่!
หลินฟานเองก็พูดขึ้นทันทีว่า “กลายเป็นว่า คุณคือผู้จัดการหยวนนั้นเอง”
หยวนหงถาม “คุณหลิน วันนี้คุณจะมาเข้าร่วมการประชุมใหญ่สิ้นปีของห้างไหมครับ”
“ไม่ วันนี้ฉันกะจะมาเที่ยวกับน้องสาวและเพื่อนของเธอเท่านั้น” หลินฟานพูด
หลังจากหยุดไปสักพัก ดูเหมือนหลินฟานจะคิดขึ้นมาได้ว่าเขาที่เป็นเจ้าของห้าง แต่กลับยังไม่เคยมาร่วมประชุมเลยสักครั้งเดียว
พูดได้เลยว่าเขาเพิกเฉยต่อห้างสรรพสินค้าโดยสิ้นเชิง และละเลยหน้าที่ไป
ดังนั้น หลินฟานจึงพูดอีกครั้ง “ขอโทษทีนะ ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่าง”
“ติ๊ง!”
ตอนนั้นเองลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นล่าง
พนักงานที่สนิทสนมที่สุดของหยวนหงรีบเข้าไปกั้นประตูลิฟต์ ก่อนจะกดลิฟต์ไปที่ชั้นสี่ตามคำสั่งของหลินฟาน
ถังเจียวและตู่หยูเจียมองดูเหตการณ์นี้ด้วยท่าทางสับสน
ชายวัยกลางคนตรงหน้าเขาเป็นผู้จัดการทั่วไปของห้าง KM?
ทำไมเขาถึงพูดสุภาพกับพี่ชายของหลินเสี่ยวเหยาได้ล่ะ?
เนื่องจากหยวนหงยังอยู่ที่นี่ พวกเธอจึงไม่เลือกที่จะถามออกไปตรงๆ พวกเธอได้แต่จ้องมองหลินเสี่ยวเหยาด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอต้องการคำตอบจากหลินเสี่ยวเหยา
อย่างไรก็ตาม หลินเสี่ยวเหยาเองก็ส่ายหัวเป็นการแสดงว่าเธอเองไม่รู้เช่นกัน