เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 80 : เอาคืนสองเท่า
“ติ๊ง!”
เสียงรูดบัตร!
โอนเงินสำเร็จ!
เมื่อชายหัวล้านมองไปที่จำนวนเงิน 2 ล้านหยวนที่ถูกโอนเข้ามา เขาก็เผยรอยยิ้มให้เห็นฟันสีทองที่เปล่งประกายเจิดจ้า
ฉิวจือเฉียนรีบพูด “เท่านี้ก็ปล่อยพ่อของฉันมาได้แล้วใช่ไหม?”
“ได้สิ” ชายหัวล้านตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออกก่อนจะเริ่มพูด “เอาคนที่ถูกหักขาเมื่อวานออกมาได้เลย”
เมื่อพูดจบ เขาก็กดวางสายทันที
และไม่นานหลังจากนั้น ชายสองคนที่ดูดุร้ายและมีรอยสักอยู่ทั่วทั้งตัว ก็เดินออกมาพร้อมกับพาร่างของชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าอิดโรยและมีรอยบาดแผลจำนวนมากออกมาให้เห็น
หลังจากที่ฉิวจือเฉียนเห็นสภาพของชายวัยกลางคน ดวงตาที่สวยงามของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที น้ำตาที่ใสดุจคริสตัลก็ไหลออกมาราวกับกับสายฝน
“พ่อ!” ฉิวจือเฉียนพูดเสียงดัง
“จือ…จือเฉียน … ” ฉิวโหย่วเงยหน้าขึ้นอย่างอ่อนแรง
เห็นได้ชัดว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาได้ถูกคนพวกนี้ทรมานอย่างหนัก
ฉิวจือเฉียนรีบก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงฉิวโหย่วที่ใช้ขาซ้ายไม่ได้แล้วพูด “พ่อ พ่อเจ็บตรงใหนอีกไหม”
“พ่อ… พ่อไม่เป็นไร” ฉิวโหย่วพูด
เมื่อหลินฟานมองไปยังท่าทางที่น่าสงสารของฉิวโหย่ว สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาในทันที
หลินฟานเปิดปากพูดขึ้น “ตอนนี้ ปัญหาเรื่องที่ทำให้ของโบราณเสียหายนั้น ก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว”
“ต่อไป เรามาแก้ปัญหาเรื่องขาที่หักกันดีกว่า!”
ทันทีที่เขาพูดจบ บรรยากาศในห้องก็อึมครึมขึ้นมาในทันที
เสียงหายใจในห้องเริ่มรุนแรงขึ้น
ชายหัวโล้นไม่ได้รู้สึกกลัวเลย และเขาก็พูดอย่างเย็นชา “ไอหนู เอ็งหมายความว่ายังไงวะ”
ชายที่มีรอยสักทั้งสองคนเอง ก็ได้มองไปที่หลินฟานและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน
สายตาของพวกเขาราวกับจะบอกว่า: ไอหนู ก่อนจะพูดอะไรต้องหัดคิดให้ดี!
แต่อย่างไรก็ตาม หลินฟานไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแล้วได้พูดขึ้นต่อ “ฉันไม่ชอบหาเรื่องใครก่อน แต่กลับกัน ถ้ามีใครกล้ามาทำให้ฉันรู้สึกขุ่นเคือง ฉันจะเอาคืนพวกมันเป็นสองเท่า!”
หลังจากพูดจบ…
หลินฟานก็ได้เคลื่อนไหวทันที
หมัดรวดเร็วดุจสายลม เท้าว่องไวคล้ายลูกศร!
“ปัก!”
“ปัก!”
ชายที่มีรอยสักทั้งสองคนล้มลงไปนอนกองกับพื้นในทันที พวกเขาสลบไปโดยที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นโดนอะไรเข้าไป
ตอนนี้ท่าทางของหลินฟานยังคงสบายมากๆ เขาทำเหมือนกับว่าพึ่งตบแมลงวันไปเพียงแค่สองตัวเท่านั้น ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร และก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
หลังจากที่ชายหัวโล้นเห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็ถึงกับเบิกกว้างทันที เขารีบถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วก่อนจะตะโกนออกมา “นาย…อย่าเข้ามา! ลูกพี่ลูกน้องของฉันคือเสือเฒ่าหลี่ หลี่ซิงหนิง เชียวนะ!”
เขาคิดว่าหลินฟานจะเกรงกลัวต่อชื่อนี้
แต่ผลลัพธ์นั้นทำให้เขาต้องผิดหวัง
“จริงหรือ?” หลินฟานพูดเบาๆ ขณะเดียวกันเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและได้ปรากฏตัวต่อหน้าชายหัวโล้นอย่างรวดเร็ว
“แคร็ก!”
หลินฟานเตะไปที่ขาซ้ายของชายหัวโล้น
“อ๊าาาาา!”
ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องที่เหมือนกับหมูโดนเชือด ก็ดังไปทั่วทั้งร้านขายของเก่า
แต่! เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้!
มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!
หลินฟานเตะไปที่ขาอีกข้างของเขา
“แคร็ก!”
ขาขวาของชายหัวโล้นมีเสียงกระดูกหักดังออกมา
“แคร็ก!”
ต่อมาก็แขนซ้าย!
“แคร็ก!”
สุดท้ายก็แขนขวา!
ชายหัวโล้นนอนอยู่บนพื้นและเป็นลมหมดสติไป
โหดร้ายและรุนแรง!
ไร้ความปราณี!
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้… อยู่ในสายตาของฉิวจือเฉียน
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้กลัวเลย!
แต่กลับกัน เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก!
เป็นเพราะว่า ที่หลินฟานลงมือทำเรื่องแบบนี้ไปก็เพื่อตัวเธอ!
และยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนไหวของเขาก็ดูเท่และน่าหลงไหลมาก!
ฉิวจือเฉียนจดจำทุกการเคลื่อนไหวของหลินฟานไว้ในใจของเธอ และเมื่อนึกถึงฉากที่พึ่งผ่านมา หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นทันที
หลินฟานพูด “จือเฉียน เราพาคุณลุงกลับบ้านกันเถอะ”
“อื้ม…กลับบ้านกัน” ฉิวจือเฉียนตอบอย่างรวดเร็ว
ไม่นานทั้งสามก็กลับมาถึงบ้าน
เมื่อเห็นฉิวโหย่วกลับมาถึงบ้าน หวางฮุ่ยก็ตื่นเต้นมาก
แต่หลังจากที่เห็นอาการบาดเจ็บที่ขาของเขา ดวงตาของเธอก็แดงขึ้น
ฉิวโหย่วปลอบโยน “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“ค่ะ” หวางฮุ่ยเช็ดน้ำตาของเธอและพยักหน้างึกๆ “คุณหิวไหม ฉันทำโจ๊กข้าวฟ่างไว้แล้ว ฉันจะไปตักมาให้นะ”
เมื่อพูดถึงโจ๊กข้าวฟ่างชามใหญ่ๆ ท้องของฉิวโหย่วก็ร้องออกมาทันที
ฉิวจือเฉียนถาม “พ่อคะ ทำไมพ่อถึงได้ไปที่ร้านขายของเก่านั่น แล้วยังไปทำของโบราณเสียหายอีกด้วย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของฉิวโหย่วก็มีแต่ความกลัวที่แสดงออกมา
“ ในระหว่างที่พ่อกำลังเดินอยู่ พ่อดันสะดุดขาของตัวเองและล้มไปทางทิศของแจกัน เลยทำให้แจกันตกมาแตก”
“จากนั้นเถ้าแก่ก็รีบเดินออกมาทันที เขาบอกว่าแจกันชิ้นนั้นเป็นของโบราณจากราชวงศ์ซ่ง และบอกให้พ่อจ่ายค่าเสียหายมา 2 ล้าน…”
“พ่อจะไปเอาเงินตั้งเยอะขนาดนั้นมาจากใหนล่ะ? และต่อมาพวกนั้นก็จับตัวพ่อเอาไว้ แล้วก็…ตีที่ขา…”
หลังจากฉิวโหย่วพูดจบ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว
เห็นได้ชัดว่าเขายังคงมีความกลัวเหลืออยู่
ดวงตาของฉิวจือเฉียนได้เปลี่ยนเป็นสีแดงและร้องไห้ออกมา “คนเหล่านี้เป็นพวกชั่ว อันธพาล! ทำไมตำรวจถึงยังไม่จับพวกมันไปให้หมดๆสักที?”
ในมุมมองของฉิวจือเฉียน คนพวกนี้ทำแต่เรื่องผิดกฏหมายกันจนชิน
ไม่อย่างนั้น พวกมันก็คงจะไม่ใจกล้าทำถึงขนาดนี้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉิวโหย่วก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูด “หนุ่มน้อย นายประมาทไปหน่อยนะ นายไม่ควรไปทำร้ายเจ้าพวกนั้นเลย”
“ถ้าหากว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเสือเฒ่าหลี่จริงๆ เราก็ลำบากแล้วล่ะ…”
หวางฮุ่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อยและถามขึ้นมา “เสือเฒ่าหลี่ เสือเฒ่าหลี่ใหน?”
ฉิวโหย่วอธิบาย “ตอนที่ฉันยังทำงานเก่าอยู่ ฉันได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดถึงเสือเฒ่าหลี่ ว่าเขาเป็นหัวหน้าที่อยู่เบื้องหลัง และมีคนหลายร้อยคนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเขา…”
“ถ้าเขารู้ว่าเราไปทำร้ายลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้วละก็ ถ้าเขารู้เรื่องนี้…”
เมื่อฉิวโหย่วพูดถึงตรงนี้ เหงื่อเย็นๆก็ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
เมื่อถึงช่วงเวลาพักทีไร คนงานเหล่านั้นก็ชอบพูดถึงแต่เรื่องพวกนี้
พวกเขาแทบจะพูดถึงเสือเฒ่าหลี่ตลอดเวลา เรื่องที่พูดกันก็จะประมาณว่า เผาบ้าน ฆ่าคน ทำร้ายร่างกาย และเรื่องชั่วอื่นๆอีกมากมาย!
ในมุมมมองของฉิวโหย่วและคนงานคนอื่นๆ เสือเฒ่าหลี่เป็นปีศาจร้าย!
หวางฮุ่ยพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เรื่องนี้…เราจะทำยังไงกันดี”
ฉิวจือเฉียนพูด “พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูเชื่อว่าโลกนี้ยังมีกฎหมายอยู่!”
ฉิวโหย่วถอนหายใจ “กฎหมายน่ะมี แต่กฎหมายที่สามารถปกป้องเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืนน่ะมีหรือเปล่าละ”
“ถ้า… ถ้างั้น เราหนีไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ!” ฉิวจือเฉียนตะโกน
ฉิวโหย่วและหวางฮุ่ยถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
ที่นี่คือบ้านของพวกเขา รากเหง้าของพวกเขา!
หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย พวกเขาก็ไม่อยากจะจากที่นี่ไป
หลินฟานพูดอย่างผ่อนคลาย “คุณลุง คุณป้า ทั้งสองคนไม่ต้องกังวลนะครับ ผมสัญญาได้เลยว่าเสือเฒ่าหลี่จะไม่มารบกวนพวกคุณอย่างแน่นอน”
ฉิวโหย่วและหวางฮุ่ยพยักหน้าอย่างฝืนๆ
ใบหน้าของทั้งสองยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
แต่ฉิวจือเฉียนเชื่อในสิ่งที่หลินฟานพูดอย่างหมดใจ
ในหัวใจของเธอ หลินฟานคือเทพผู้ทรงอำนาจ!
และเมื่อเขาพูดอย่างนั้น เขาจะต้องทำได้แน่นอน!
หลินฟานพูดต่อ “คุณลุง เรามารักษาขาของลุงกันก่อนเถอะ”
“ลุงดื่มยาขวดนี้นะ”
เมื่อพูดจบ หลินฟานก็ใช้เงิน 10 ล้านหยวนเพื่อซื้อน้ำยาทางการแพทย์มาหนึ่งขวด
ฉิวโหย่วสับสนอยู่นิดหน่อย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากและไม่ได้ถามหาชนิดของตัวยา เขารับยามาและดื่มมันในทันที