เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 97 : คฤหาสน์ของฉินเว่ยหมิง
- Home
- เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง
- ตอนที่ 97 : คฤหาสน์ของฉินเว่ยหมิง
________________________________________
ฉินเว่ยหมิงพยักหน้าเป็นการตอบรับ
ตอนนี้อาการป่วยของหลานชายของเขาหายดีแล้ว
เขาเลยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
ฉินเว่ยหมิงมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่ามีผู้คนมองมาที่เขามากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เข้าใจในทันที… มันไม่เหมาะถ้าเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป
ดังนั้น เขาจึงพาหลานชายมุ่งหน้าไปที่เฮลิคอปเตอร์
แต่ก่อนที่ฉินเว่ยหมิงจะจากไป เขาก็หันกลับมาพูดกับหลินฟาน “น้องหลิน ถ้านายว่างอยู่ ก็ไปเที่ยวที่บ้านฉันด้วยกันสิ”
เมื่อชายสองคนในชุดเครื่องแบบทหารได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่หลินฟานด้วยแววตาประหลาดใจ
ฉินเว่ยหมิงอายุห่างจากชายหนุ่มเท่าไหร่? น้องหลินหรอ?
อย่างไรก็ตาม หลินฟานไม่ได้ตอบฉินเว่ยหมิงกลับในทันที
แต่เขาหันไปมองฉิวจือเฉียนและหวงหลิง ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกไป
ทันใดนั้น ฉิวจือเฉียนก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “หลินฟานไปเถอะ หวงหลิงกับฉันขับรถกลับกันเองได้”
หวงหลิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
แม้ว่าพวกเธอจะโง่ แต่พวกเธอก็พอจะดูออกว่าตัวตนของฉินเว่ยหมิงนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
และหลินฟานเพิ่งช่วยชีวิตหลานชายของผู้อาวุโสคนนั้น บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะทำให้หลินฟานเติบโตขึ้นกว่าเดิม
พวกเธอไม่อยากทำให้หลินฟานต้องพลาดโอกาศในครั้งนี้
ซุนลูกั่วพูด “ใช่แล้ว หลินฟาน นายไปเถอะ ฉันสัญญาว่าจะส่งเพื่อนสองคนนี้ของนายกลับบ้านอย่างปลอดภัย!”
ซุนลูกั่วเองก็ไม่อยากพลาดโอกาศช่วยเหลือหลินฟานเช่นกัน
หลินฟานพยักหน้าแล้วพูด “ก็ได้”
จากนั้น หลินฟานก็เดินไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์
ต้องบอกเลยว่า เฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
ทุกคนต้องสวมหูฟังขณะนั่ง มิฉะนั้น เสียงที่ดังขนาดนี้อาจจะทำให้แก้วหูเสียหายได้
แต่การนั่งเฮลิคอปเตอร์นั้นสามารถชมวิวได้ดีกว่าการนั่งเครื่องบินเป็นอย่างมาก
กลุ่มเมฆที่ลอยช้าๆบนท้องนภา อาคารที่มีขนาดเท่ากับเมล็ดถั่วเขียว ทุ่งนาต่างๆ…ทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
ไม่นานนัก พวกของหลินฟานก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม
และจากนั้นก็มีคณะแพทย์ชุดขาวเดินเข้ามาล้อมรอบหยูห่าวก่อนจะตรวจเช็คสัญญาณชีพจร เจาะเลือด เอกซเรย์…
ไม่นานนักเอกสารการตรวจก็อยู่ในมือของแพทย์
ซึ่งเมื่อเขาเห็น แพทย์เฒ่าผมหงอกก็รีบเดินเข้าไปหาฉินเว่ยหมิงแล้วพูดว่า “ท่านผู้เฒ่า สภาพร่างกายของหยูห่าว ยกเว้นเรื่องที่ขาดสารอาหารบางอย่าง โดยรวมนั้นไม่เป็นอะไรแล้ว”
ในฐานะคนระดับฉินเว่ยหมิง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้หลานชายตัวน้อยขาดสารอาหารแน่นอน
แต่ในปีที่ผ่านมา หลานชายของเขามีอาการเฉื่อยชา และไม่ยอมกินอาหาร… มาเป็นเวลานาน จึงทำให้เขามีอาการขาดสารอาหาร
และตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบทหารก็เดินเข้ามาแล้วยื่นเอกสารกองหนึ่งให้ฉินเว่ยหมิง
ที่ด้านบนของเอกสาร มีแค่คำสองคำเขียนเอาไว้: หลินฟาน!
ฉินเว่ยหมิงอ่านเอกสารอย่างรวดเร็วและพึมพำ “ปรากฏว่าเขาเป็นคนที่ช่วยโจวกั๋วเถานี่เอง… นักคณิตศาสตร์หนุ่มหรอ? หัวหน้าทีมมังกรที่ 10! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะมีความสามารถถึงขนาดนี้!”
ในเวลาอันสั้น หน่วยข่าวของเขาก็สามารถรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับหลินฟานมาได้อย่างง่ายดาย
ต้องบอกเลยว่าวิธีการของฉินเว่ยหมิงนั้นรวดเร็วมากจริงๆ!
ในขณะนี้ หลินฟานกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในลานบ้านและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์รอบตัวอย่างผ่อนคลาย
ฉินเว่ยหมิงมองไปที่หยูห่าว แล้วพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพึมพัมอยู่ในใจ: สมกับเป็นหัวหน้าทีมมังกรที่ 10!
ฉินเว่ยหมิงบอกหลินฟานไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ให้เขาทำตัวสบายๆให้เหมือนกับอยู่บ้านของตัวเองได้เลย
แต่ถ้าเปลี่ยนคนอื่น จะมีใครกล้าทำตัวสบายๆแบบนี้ไหม?
เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ได้เปิดเผยตัวตนของตัวเองออกไปแล้ว และที่นี่ยังมียามอีกมากมายที่ยืนด้านอยู่นอกสวน
ฉินเว่ยหมิงก้าวไปข้างหน้าและถาม “น้องหลิน ตอนนี้หลานชายของฉันเป็นอย่างไรบ้าง”
หลินฟานพูด “ไม่ต้องกังวลครับ เขาสบายดี”
แม้ว่าหลังจากการตรวจร่างกายมาหลายครั้ง แพทย์ก็ยืนยันแล้วว่าหยูห่าวหายดีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฉินเว่ยหมิงยังคงเป็นกังวลอยู่นิดหน่อย
และเมื่อหลินฟานเป็นคนบอกว่าหยูห่าวไม่เป็นไรแล้ว ฉินเว่ยหมิงก็โล่งใจอย่างสมบูรณ์
รอยยิ้มที่ใจดีปรากกฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ฟู่ฟู๋!”
ตอนนั้นเอง น้ำในกาที่ต้มอยู่ได้ส่งเสียงร้องขึ้น
หลินฟานเทน้ำร้อนลงในหม้อดินสีม่วง
จากนั้นเขาก็ค่อยๆใส่ชาลงไป แล้วใช้น้ำอุ่น ชงและกรอง…
หลังจากต้มในน้ำร้อน กลิ่นหอมอันแสนพิเศษก็เริ่มกระจายตัวออกมา
หลินฟานหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วสะบัดเบาๆ ก่อนจะเช็ดคราบน้ำที่ด้านล่างของถ้วยด้วยผ้าสะอาด จากนั้นก็พลิกถ้วยชาแล้ววางลง และเมื่อฝาหม้อชาถูกเปิดออก กลิ่นหอมของชาก็ยิ่งเข้มข้นและสดชื่น…
ซึ่งต่อมา หลินฟานก็ได้แบ่งชาลงในถ้วยและพูด “เชิญครับ”
เมื่อฉินเว่ยหมิงที่นั่งตรงข้ามมองเห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นทันที
เขาพูดชื่นชมออกมา ” ท่าทางการชงชา.. น้องหลิน ฉันไม่คิดว่านายจะชงชาได้ดีและสวยงามขนาดนี้ หายากจริงๆที่คนหนุ่มแบบนายจะเชี่ยวชาญทักษะด้านการชงชา!”
เมื่อตอนที่เขายังเด็ก ฉินเว่ยหมิงเป็นคนที่แข็งแรงและเด็ดเดี่ยว
แต่หลังจากที่แก่ตัวลง เขาก็อยู่บ้านพักมากขึ้นเพื่อพักผ่อน บางวันก็นั้งประดิษฐ์ตัวอักษร บางครั้งก็ศึกษาเรื่องการชงชา หรือบางทีเขาก็นั่งศึกษาหมากรุก
นี่เป็นเรื่องปกติ
เพราะถ้าไม่ทำสิ่งเหล่านี้ ฉินเว่ยหมิงก็ไม่รู้ว่าทุกวันนี้เขาจะต้องทำอะไร
หลังจากสะสมประสบการณ์มาหลายปี เขาก็มีวิสัยทัศน์และความสำเร็จในเรื่องการชงชาและการประดิษฐ์ตัวอักษร
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมองทักษะการชงชาของหลินฟานออก
ฉินเว่ยหมิงถือถ้วยชาและจิบเขาๆ หน้าของเขาเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน
หยูห่าวที่นั่งอยู่ข้างๆสังเกตเห็นคุณปู่ของเขาดื่มอย่างมีความสุข เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มบ้าง
เมื่อชาเข้าปาก หยูห่าวก็รีบคลายออกมาก่อนจะร้องไห้ “ขมมาก!”
หลินฟานและฉินเว่ยหมิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ฉินเว่ยหมิงถาม “น้องหลิน นายเล่นหมากรุกเป็นหรือป่าว?”
“เป็นนิดหน่อยครับ” หลินฟานตอบ
“ถ้างั้นเรามาเล่นกันสักเกมเถอะ!” ฉินเว่ยหมิงพูด
“ตุบ!”
“ตุบ!”
หลินฟานที่มีทักษะการเล่นหมากรุกระดับมืออาชีพกับฉินเว่ยหมิงที่เป็นนักหมากรุก…
ในตอนแรก ทั้งคู่เดินหมากกันอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนไม่มีใครยอมใคร
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ความเร็วของฉินเว่ยหมิงก็ค่อยๆช้าลง ในขณะที่ความเร็วของหลินฟานยังคงรวดเร็วอยู่เหมือนเดิม
“รุกฆาต!” หลินฟานพูด
ฉินเว่ยหมิงจ้องไปที่กระดานหมากรุกเป็นเวลานานก่อนจะพูดออกมา “ยอดเยี่ยมมาก!”
ทันใดนั้น เขาก็มองไปที่หลินฟานอย่างชื่มชม
ไม่เพียงแต่มีการคัดลายมือที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังรู้ศิลปะการชงชาอีกด้วย และแม้แต่ทักษะการเล่นหมากรุกก็ยอดเยี่ยมมาก…มีอะไรในโลกนี้ที่เขาทำไม่ได้บ้าง?
“ตึก!”
ตอนั้นเอง ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบทหารก็เดินมาแล้วทำความเคารพ ” ดูเหมือนผู้ว่าของมณฑลเจียงและเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งมารออยู่ที่ตีนเขาแห่งนี้แล้ว ท่านอยากเจอพวกเขาไหม? ”
ฉินเว่ยหมิงจิบชาให้ชุ่มคอแล้วพูด “ให้พวกเขาขึ้นมาคุยกันที่นี่”
“ได้ครับ!” ชายวัยกลางคนพูด
ไม่นานนัก ชายหญิงกลุ่มใหญ่ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สูดลมหายใจของผู้บังคับบัญชาไปทั่วร่างกาย เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาเห็นฉินเว่ยหมิง พวกเขาทั้งหมดก็โค้งคำนับและพูดด้วยความเคารพ “สวัสดี คุณฉิน!”