เศรษฐีผู้ร่ำรวย:เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 98 : โรงแรมเจียงเป่ย
________________________________________
ต่อมา ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็พูดขึ้น “ผู้เฒ่าฉิน ผมขอโทษ…คุณอุตส่ากลับมายังบ้านเกิด แต่ผมกลับไปทักทายคุณไม่ทัน ”
ฉินเว่ยหมิงโบกมือแล้วพูด “นายคือเสี่ยวหงหรอ?”
“ใช่ครับ เมื่อสี่ปีที่แล้ว พ่อกับผมมาเยี่ยมคุณครั้งหนึ่งที่ปักกิ่ง” หงฮั่นหลินพูด
“อืม ฉันยังจำได้ดี” ฉินเว่ยหมิงพยักหน้าแล้วพูด
หงฮั่นหลินพูด”แม้ว่าผมจะไม่ได้เจอคุณมาสี่ปีแล้ว แต่คุณก็ยังดูแข็งแรงไม่เปลี่ยนแปลงเลย”
“สมกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ นายพูดเก่งเหมือนกับตาแก่หงเลย!” ฉินเว่ยหมิงกล่าว
“ผมพูด…ตามสิ่งที่ผมเห็นครับ” หงฮั่นหลินพูด
ทั้งสองคุยกันอยู่สักพัก บรรยากาศก็ค่อนข้างผ่อนคลาย
ตอนนั้นเอง หงฮั่นหลินก็พูดต่อ “ผู้เฒ่าฉิน เราได้เตรียมงานเลี้ยงต้อนรับคุณกลับมณฑลเจียง คุณว่างอยู่หรือเปล่า?”
ฉินเว่ยหมิงจับไปที่ท้องของเขาก็จะพูดว่า “พอพูดถึงเรื่องอาหาร ฉันเองก็เริ่มหิวแล้วสิ งั้นเราก็ไปทานอาหารกันเถอะ!”
เมื่อทุกคนในที่นี้ได้ยินคำพูดของฉินเว่ยหมิง พวกเขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ทานอาหารร่วมกับฉินเว่ยหมิง
…………
ไม่นานหลังจากนั้น ฉินเว่ยหมิงและคนอื่นๆก็มาถึงโรงแรมเจียงเป่ย
ถึงแม้โรงแรมเจียงเป่ยจะไม่ใช่โรงแรมที่หรูหราที่สุดในมณฑลเจียง
แต่มันเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มีภูมิหลังยาวนานที่สุดในมณฑลเจียง!
ทุกครั้งที่คนสำคัญมาถึงมณฑลเจียง พวกเขาก็จะเลือกมารับประทานอาหารกันที่โรงแรมเจียงเป่ย
ที่นี่ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ที่สุด และเชฟเองก็เป็นเชฟชั้นนำ รับประกันได้เลยว่าอาหารที่พวกเขาทำนั้นทั้งรสชาติดีและก็สะอาด!
คนธรรมดาที่มีเงินเพียงพออาจจะสามารถจองโรงแรมหรูๆเพื่อทานอาหารได้
แต่พวกเขาไม่สามารถจองโรงแรมเจียงเป่ยได้แม้ว่าจะมีเงินมากแค่ใหนก็ตาม
ตอนนี้ ในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ มีโต๊ะกลมตัวใหญ่หลายโต๊ะ
และแน่นอนว่าฉินเว่ยหมิงได้นั่งอยู่ในตำแหน่งหน้าสุด
จากนั้นเขาก็กวักมือเรียกหลินฟาน “หลินฟาน นายมานั่งข้างๆฉัน”
หลินฟานเองก็ไม่ได้ปฏิเสธและนั่งลง
ในความคิดของเขา ไม่ว่าเขาจะนั่งตรงไหน อาหารบนโต๊ะก็เหมือนเดิม
เมื่อทุกคนที่อยู่เห็นฉากนี้ พวกเขาก็มีสีหน้าประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้ พวกเขาแอบคิดว่าหลินฟานเป็นเพียงแค่ลูกน้องของฉินเว่ยหมิง
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้นซะแล้ว!
ไม่นานนัก อาหารอันเลิศรสและหอมกรุ่นก็ค่อยๆถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
หงฮั่นหลินยกแก้วขึ้นและพูด “ในสมัยนั้น ผู้อาวุโสฉิน ทำทุกวิธีเพื่อปกป้องมณฑลเจียง! อาจกล่าวได้ว่าเหตุผลที่มณฑลเจียงมีความเจริญรุ่งเรืองมาขนาดนี้ได้นั้นก็เป็นเพราะผู้อาวุโสฉิน … ”
“เหล้าแก้วแรกนี้ ดื่มเพื่อขอบคุณผู้อาวุโสฉินสำหรับการอุทิศตนของเขา และในขณะเดียวกันก็ขอต้อนรับผู้อาวุโสฉินกลับสู่มณฑลเจียง!” หงฮั่นหลินพูด
“ขอบคุณผู้อาวุโสฉินสำหรับการอุทิศตนและยินดีต้อนรับกลับสู่มณฑลเจียง!” คนทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยงต่างก็โห่ร้องออกมาพร้อมกัน
จากนั้นทุกคนก็ยกแก้วขึ้นและดื่มเข้าไปในทันที
ฉินเว่ยหมิงพยักหน้าแล้วจิบเหล้าเบาๆ
แม้ว่าเขาจะทำเพียงแค่จิบเหล้าเบาๆ
แต่นั่นมันก็ทำให้ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
อาวุโสฉินดื่มเหล้าที่เขารินให้!
นี่คือเกียรติ เกียรติสูงสุด!
เมื่อทุกคนมีความสุข ฉินเว่ยหมิงก็ยกแก้วแล้วพูด “หลินฟาน ให้ฉันได้ดื่มให้นาย ขอบคุณที่ช่วยชีวิตหลานของฉันไว้”
ปัจจุบัน…เมื่อทุกคนในห้องอาหารรวมทั้งหงฮั่นหลินเห็นฉากนี้ ปากของพวกเขาอ้าค้างในทันที หน้าของพวกเขาแสดงถึงความไม่อยากจะเชื่อ
ผู้อาวุโสฉินดื่มอวยพรให้กับหนุ่มคนนี้หรอ?!
นั่นคือผู้อาวุโสฉินเลยนะ!
แล้วหนุ่มคนนี้…เป็นใครกัน?
หลังจากที่ได้ยินฉินเว่ยหมิงพูดขอบคุณที่ช่วยชีวิตของหลานชายของเขา ทุกคนก็ตะลึงไปหมด
เพราะในสายตาของทุกคน มันเป็นเกียรติอย่างมากที่สามารถช่วยหลานชายของฉินเว่ยหมิงให้หายได้!
หลินฟานไม่ได้คิดอะไรมากแล้วพูดตอบ “เรื่องเล็กน้อยครับ ผู้อาวุโสไม่ต้องคิดมากหรอก”
ทั้งสองชนแก้วกันเบา ๆ แล้วดื่มหมดแก้วในรวดเดียว!
ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง
ผู้อาวุโสฉินดื่มเหล้าหมดแก้ว!
นี่……
นี่มัน……
ในเวลานี้ บางคนถึงกับสติหลุด
หงฮั่นหลินเป็นคนแรกที่ตอบสนอง
เขาเริ่มพูดแนะนำ “ผู้อาวุโสฉิน เบคอนนี้เป็นของดีโดยเฉพาะของมณฑลเจียง รสชาติดีทีเดียว คุณอยากจะลองไหม”
“เบคอนของมณฑลเจียงเหรอ ฉันไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว” ฉินเว่ยหมิงพูด
หลังจากที่หงฮั่นหลินพูดขึ้นมา ทุกคนก็ค่อยๆได้สติ
หลินฟานพอใจกับอาหารมื้อนี้มาก เขาเคยกินอาหารมาก่อนหลานที่แล้ว
แต่รสชาติของที่นี่อร่อยกว่าที่อื่นมาก!
ตอนนั้นเองฉินเว่ยหมิงก็ถามขึ้นมา “หลินฟาน ทิวทัศน์และบรรยากาศที่บ้านของฉันค่อนข้างดีนะ นายอยากจะอยู่พักที่นั้นสักสองสามวันไหม”
“พระเจ้า!”
เมื่อทุกคนที่นั่งอยู่ได้ยินคำพูดของฉินเว่ยหมิง ก็แทบจะสำลักอาหารที่กำลังกินอยู่ทันที
ผู้อาวุโสฉินเชิญให้มาพักที่บ้าน?!
เขาเป็นใคร…กันแน่?!
หลินฟานส่ายหัวแล้วพูด “ผมยังต้องเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอยู่ ดังนั้นผมคงจะไปพักที่นั่นไม่ได้หรอกครับ”
เขา…ปฏิเสธ!
ไปมหาวิทยาลัย?
ไปมหาวิทยาลัยแล้วได้ประโยชน์อะไร?!
นี่เป็นโอกาสที่จะได้อยู่กับผู้อาวุโสฉิน!
ทุกคนแทบทนไม่ไหวจนอยากจะรับข้อเสนอนี้แทนหลินฟาน!
ฉินเว่ยหมิงไม่ได้โกรธก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า“นายยังอยู่ในวัยเรียนอยู่ หยูสีเสี่ยว นายไปส่งหลินฟานที่มหาลัยให้ถึงที่อย่างปลอดภัยด้วยละ”
“ครับ ผมสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ!” ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบทหารตอบกลับเสียงดัง
ขณะที่ทุกคนยังคงมึนงงอยู่
หลินฟานก็ออกมาจากโรงแรมเจียงเป่ย แล้วเดินไปขึ้นรถสีเขียวของทหาร
ไม่มีอุปสรรคตลอดการเดินทาง
พวกเขาใช้ในเวลาเพียง 10 นาทีก็มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยแล้ว
หลังจากกลับมาถึงมหาวิทยาลัย หลินฟานก็นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ไม่มีคาบเรียน
ดังนั้น หลินฟานจึงไม่ได้ไปที่ห้องเรียนหรือกลับไปที่หอพัก…
เขาตรงไปที่ลานจอดรถแทน
เมื่อวาน หลินฟานจอดปากานีเฟิงเชินไว้ที่ชุมชนยี่เกอ
ดังนั้นที่ลานจาดรถจึงมีแค่ลัมโบร์กินี่และบิ๊กจีที่ถูกจอดทิ้งไว้
จากนั้นหลินฟานก็เปิดประตูรถลัมโบร์กินี่และเข้าไปนั่ง
และหลังจากที่เหยียบคันเร่ง รถก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงทำให้มีรถวิ่งไปมาบนถนนมากกว่าปกติ
หลินฟานจึงติดอยู่กลางถนนเป็นเวลานาน เขาเลยมองออกไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย
และตอนนั้นเอง เขาก็หันไปมองที่จอแอลอีดีขนาดใหญ่
“ยินดีต้อนรับสู่นิทรรศการน้ำหอมนานาชาติ”
เมื่อหลินฟานเห็นข้อความนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายในทันที
เขามีทักษะผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอม แต่ยังไม่เคยไปชื้อน้ำหอมเลย
นอกจากนี้ ฉิวจือเฉียนและหวงหลิงก็ชอบน้ำหอมมากด้วย ไม่เลวเลยที่จะซื้อน้ำหอมไปให้พวกเธอ
เมื่อคิดได้อย่างนี้ หลินฟานก็ขับรถไปทางนิทรรศการน้ำหอมทันที