เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 125 : เครื่องทำนายแผ่นดินไหว
- Home
- เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง
- ตอนที่ 125 : เครื่องทำนายแผ่นดินไหว
หลังจากที่หลินฟานออกจากห้องสมุด เขาก็เดินกลับไปที่หอพัก
ในตอนนี้ หอพักนั้นว่างเปล่าและเงียบสงบมาก
[คุณต้องการรับเครื่องทำนายแผ่นดินไหวและหลักการสร้างของมันใช่หรือไม่? 】
“ใช่!” หลินฟานพูดเบาๆ
“ติ๊ง!”
เวลาต่อมา เครื่องจักรรูปทรงสี่เหลี่ยมสีดำขนาดประมาณ 1 ลูกบาศก์เมตรก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
นี่คือเครื่องทำนายแผ่นดินไหว!
มีเอกสารจำนวนมากวางอยู่บนเครื่องทำนายแผ่นดินไหว
ที่หัวข้อของเอกสาร มีตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนไว้เก้าตัว—หลักการสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหว
หลินฟานเหลือบมองไปที่เครื่องสีดำก่อนจะพึมพำ “นี่คือเครื่องทำนายแผ่นดินไหวใช่ไหม มันดูเหมือนกล่องเลย”
จากนั้นหลินฟานก็หยิบเอกสารขึ้นมาพลิกดูอย่างรวดเร็ว
“ฟึบบๆๆ!”
ใช้เวลาไปประมาณ 3 นาที หลินฟานก็จำเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับหลักการผลิตเครื่องทำนายแผ่นดินไหวได้แล้ว
“ทำนายแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้า 5 วัน ก็ไม่เลวนัก”
ทำนายแผ่นดินไหวได้ล่วงหน้าถึง 5 วัน!
ไม่เลวนักหรอ?
หากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องแผ่นดินไหวได้ยินเข้า เกรงว่าเขาจะต้องกรีดร้องออกมา
รู้ไหมว่า ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ในปัจจุบัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำนายแผ่นดินไหวล่วงหน้า 5 วันเลย แค่ 5 นาทีก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!
หลินฟานหาวแล้วนอนลงบนเตียงก่อนจะผล็อยหลับไป
เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้นอน ถึงแม้ว่าหลินฟานจะมีทักษะการโจมตีที่สวยงามที่ช่วยทำให้ร่างกายของเขาก็แข็งแรงขึ้นก็จริง แต่เขาก็ยังต้องนอนอยู่ดี
…
ห้องปฏิบัติการฟิสิกส์
“ทึกกๆๆ!”
เสียงทื่อ ๆ ดังขึ้นทีละคน
ผ่านไปนานก็ค่อย ๆ หยุดลง
เมื่อดูข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หวังกั๋วไห่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
จงเหวินถิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็พูดออกมาอย่างตื่นเต้น “มาจัดเรียงข้อมูลเหล่านี้กัน ด้วยข้อมูลพวกนี้ เราจะสามารถเผยแพร่บทความ SCI พวกนี้ได้หลายฉบับ!”
“ใช่แล้ว” หวังกั๋วไห่พยักหน้า
“แล้วจะมัวรออะไรกันอยู่ ไปทำงานกันต่อสิ!” จงเหวินถิงพูด
…
หลินฟานนอนหลับสบายมาก
เมื่อแสงแดดอ่อนๆส่องลงมาบนใบหน้าของเขา หลินฟานก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
“ติ๊ง!”
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาสั่นขึ้น
12:00!
ซองแดงปรากฏ!
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 10 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 1999 หยวน”
…
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 50,000 หยวนแล้ว”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 1 หยวน”
วันนี้ หลินฟานได้เงินมาทั้งหมด 72,121 หยวน
หลังจากดูจำนานเงินทั้งหมด เขาก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า แล้วเดินออกจากห้องไปอย่างช้าๆ
ไม่นานหลังจากที่หลินฟานเดินออกไป เจิ้งจินเป่า หม่าจงและซงหยี่ก็เดินเข้ามาพอดี
“นี่คืออะไร?” หม่าจงชี้ไปที่เครื่องทำนายแผ่นดินไหวและถามขึ้น
“ถ้ามันสูงกว่านี้ก็อาจจะใช้เป็นโต๊ะได้เลยนะ” ซงหยี่พูด
เจิ้งจินเป่าเหลือบไปมองอย่างสงสัย แต่ในไม่ช้าเขาก็หันความสนใจไปที่คอมพิวเตอร์
…
ก่อน 12.00 น. ที่โรงอาหารนั้นมีคนมาต่อคิวยาวเหยียด
และถ้าเลยหลัง 12.00 น. คนจะหนาแน่นกว่ายิ่งกว่าเดิม
หลินฟานเองก็ไม่ต้องการเบียดเข้าไปซื้ออาหาร เขาจึงขับรถลัมโบร์กินี่ตรงไปยังร้านอาหาร A ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
เกี๊ยวกุ้งคริสตัล ผักใบเขียว ซุปนกพิราบ เนื้อเหลืองทอดชิ้นเล็กๆ…
อาหารกลางวันที่เรียบง่ายและราคาไม่แพงราคา 600 หยวนทำให้หลินฟานพึงพอใจมาก
หลังอาหาร หลินฟานเดินออกจากร้านอาหาร A เพื่อเตรียมตัวกลับไปที่มหาวิทยาลัย
ทันใดนั้น หลินฟานก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยที่อยู่ไม่ไกล
“จางซ่ง!” หลินฟานตะโกนเรียก
จางซ่งเพื่อนสนิทของหลินฟานในสมัยมัธยมปลาย
เหตุผลที่หลินฟานเข้างานเลี้ยงรุ่นครั้งล่าสุดก็เพราะเขาต้องการพบจางซ่ง
จางซ่งที่ได้ยินคนเรียกชื่อตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมา
จางซ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่แน่ใจ “นายคือ… หลินฟานหรอ?”
เมื่อเห็นว่าจางซ่งจำตัวเองได้ หลินฟานก็พูดอย่างมีความสุข “ฮ่าฮ่า! นี่ฉันเอง ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่”
จางซ่งเองก็ดูมีความสุขมากที่ได้เจอเพื่อนในสมัยมัธยม เขาพูด “ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน!”
หลินฟานพูดขึ้นอีกครั้ง “นายมาถึงเจียงเป่ยตอนไหน?”
“ฉันย้ายมาอยู่ที่เจียงเป่ยนานแล้ว” จางซ่งพูด
“อะไรนะ? ทำไมนายไม่บอกฉันล่ะ ฉันเองก็อยู่ที่เจียงเป่ยเหมือนกัน! ใช่แล้ว ห้องเรียนของเราพึ่งมีงานเลี้ยงรุ่นกันเมื่อไม่นานมานี้!” หลินฟานพูด
จางซ่งพูด “อย่าง…อย่างนั้นหรอ?”
ที่จริงแล้ว จางซ่งรู้เรื่องงานเลี้ยงก่อนแล้ว
แต่เขามีเรื่องที่ไม่ถูกกับเพื่อนบางคนในห้อง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ไปร่วมงาน
หลินฟานพูดต่อ”ที่ฉันไปงานเลี้ยงก็แค่อยากไปพบเพื่อนสนิทสักสองสามคน แต่พวกนายกลับไม่มีใครไปเลย ถ้ารู้แบบนี้ฉันก็จะไม่ไปเหมือนกัน”
“ตืดด!”
หลังจากหลินฟานพูดจบ ทันใดนั้นงมือถือของจางซ่งก็มีสายโทรเข้ามาพอดี
“ฮุ่ยหลิง มีอะไรหรือเปล่า?” จางซ่งพูดผ่านโทรศัพท์
ฮุ่ยหลิง มีชื่อเต็มๆว่าจางฮุ่ยหลิง เธอเป็นน้องสาวของจางซ่ง
“แม่หกล้ม และหัวของเธอก็มีเลือดออก…” เสียงในโทรศัพท์ดังขึ้น
“อะไรนะ พี่จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้!” จางซ่งพูดอย่างเป็นกังวล
หลินฟานที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคุยกันอย่างชัดเจน เขาจึงพูดอย่างเร่งรีบ “ฉันจะขับไปส่งเอง รถของฉันอยู่ตรงนั้น”
“ขอบคุณ” จางซ่งพูด
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินมาถึงรถ หลินฟานก็เปิดประตูรถLamborghiniและเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว
จางซ่งตกตะลึงเล็กน้อย
เขาคาดไม่ถึงว่ารถที่หลินฟานขับนั้นจะเป็นรถซุปเปอร์สปอร์ต
หลินฟานพูด “ขึ้นมาสิ”
จางซ่งได้สติและรีบขึ้นรถทันที
ถ้าจางซ่งไม่ได้รับโทรศัพท์สายเมื่อสักครู่นี้ เขาก็อยากจะถามเกี่ยวกับรถซูเปอร์คาร์คันนี้อยู่
แต่ตอนนี้ นอกจากความประหลาดใจแล้ว เขามีแต่ความกังวลที่อยู่ในหัวเท่านั้น
หลังจากที่หลินฟานถามที่อยู่จากจางซ่งแล้ว เขาก็เหยียบคันเร่งทันที
“บูม!”
ทันใดนั้น รถลัมโบร์กีนีก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ไม่นานนัก หลินฟานก็ขับมาถึงโรงงานแห่งเดียวในเมืองเจียงเป่ย
โรงงานนี้เป็นโรงงานเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายทศวรรษ ภายนอกของมันดูเก่ามาก
และบ้านของจางซ่งก็อยู่ในบริเวณที่พักของคนงานในโรงงาน
“ตึกกกๆๆๆ!”
จางซ่งรีบวิ่งเข้าไปในบ้านและถามออกไปอย่างกังวล “แม่เป็นอย่างไรบ้าง”
ผู้หญิงที่มีเลือดจางๆไหลออกมาจากผ้าก๊อซที่พันรอบศีรษะของเธออยู่ พูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ไม่เป็นไรมาก มันก็แค่แผลถลอกนิดหน่อย”
จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับจางฮุ่ยหลิงด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ฮุยหลิง ลูกก็เหมือนกัน จะตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น”
จางฮุ่ยหลิง