เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 134 : ช้อปปิ้งในวันปีใหม่
- Home
- เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง
- ตอนที่ 134 : ช้อปปิ้งในวันปีใหม่
หลินฟานไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต
ในตอนเช้า หลังจากที่หลินฟานออกมาจากบ้านของหูเทียน เขาก็ขับรถบิ๊กจีไปรับหวงหลิงและฉิวจือเฉียนและพาไปที่ห้างสรรพสินค้า KM เพื่อซื้อของให้พวกเธอ
หลินฟานคิดว่าพวกเธอประหยัดเงินมากเกินไป
ฉิวจือเฉียนยังไม่เท่าไหร่ จากเงินทั้งหมด 2 ล้านหยวนที่หลินฟานให้ไป หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เธอใช้เงินไป 1.2 ล้านหยวน
แต่หวงหลิงนั้นแทบจะไม่ได้ใช้เงินของเขาเลย
จากเงิน 1 ล้านหยวน เธอใช้ไปแค่ 100,000 หยวนเท้่านั้นเอง
และเนื่องจากวันนี้เป็นวันปีใหม่ ห้างสรรพสินค้า KM จึงเต็มไปด้วยริบบิ้นและลูกโป่ง สำหรับต้อนรับเทศกาล
กิจกรรมส่วนลดต่างๆแสดงขึ้นบนหน้าจออิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่อง
ส่วนลดเหล่านี้ดึงดูดผู้คนให้มาช้อปกันเป็นจำนวนมาก
ทันทีที่หลินฟานเดินเข้าประตูห้าง KM มา เขาก็มองไปรอบๆและสังเกตุเห็นร้านนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์อยู่ไม่ไกล
ทั้งสามคนจึงเดินตรงเข้าไปดู
นาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์ เป็นนาฬิการะดับไฮเอนด์และทันสมัย ร้านค้าข้างในนั้นตกแต่งอย่างหรูหราและสวยงาม ทำเลที่ตั้งก็ดีมาก
ทุกคนที่เดินผ่านประตูเข้ามาจะต้องถูกร้านนี้ดึงดูดอย่างแน่นอน
แต่เมื่อพวกเขาเห็นราคาของนาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์ พวกเขาก็รู้สึกจนปัญญาและต้องเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ราคามันแพงเกินไป!
ตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างอ้วนกำลังดูนาฬิกาอยู่สองเรือน และยังตัดสินใจที่จะซื้อไม่ได้
“ยินดีต้อนรับ” พนักงานที่อยู่ข้างหน้าร้านยิ้มและพูด
จากนั้นกลิ่นหอมจางๆก็ค่อยๆลอยเข้ามา
ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง
เขาเห็น…
หญิงสาวสวยสองคนกำลังเดินเข้ามา
ทั้งสองคนคือฉิวจือเฉียนและหวงหลิง
วันนี้ฉิวจือเฉียนสวมชุดสีขาวคล้ายกับผิวของเธอ เธอเป็นเหมือนกับนางฟ้าบนท้องฟ้าที่ปราศจากความมัวหมอง
หวงหลิงชุดเดรสลูกไม้สีชมพู ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามราวกับตุ๊กตา
หลังจากที่ได้เห็นพวกเธอทั้งสอง ชายร่างอ้วนก็ไม่สามารถละสายตาไปได้เลย
เป็นผลให้เขาไม่ได้สังเกตเห็นหลินฟานที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเธอ
เมื่อฉิวจือเฉียนและหวงหลิงเข้ามาใกล้ๆ ชายวัยกลางคนก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง เขารีบชี้ไปที่นาฬิกาเรือนสีทองและพูดกับพนักงานขายทันที “เรือนนี่มันดูโอเค เอาอันนี้แหละ”
น้ำเสียงของเขาดูผ่อนคลายและไม่แยแส
ราวกับว่าคนที่ยืนตัดสินใจอยู่ในร้านเกือบครึ่งชั่วโมงนั่นไม่ใช่เขา
พนักงานขายพูด “นาฬิกาเรือนนี้มีราคา 253,888 หยวน ต้องการจ่ายผ่านบัตรใช่ไหมครับ?”
“ใช่” ชายวัยกลางคนหยิบบัตรธนาคารออกมามอบให้กับพนักงาน
“ติ๊ด!”
หลังจากเสียงรูดบัตรเบาๆ ชายวัยกลางคนก็ใส่นาฬิกาบนข้อมือทันที
หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่ฉิวจือเฉียนและหวงหลิง
ชายวัยกลางคนยิ้มแล้วพูดกับพวกเธอ “สาวงามสองคนนี้ไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่พวกเธอยังมีสายตาที่ดีอีกด้วย! นาฬิกาปาเต็กฟิลิปป์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือหรือสไตล์ก็ล้วนอยู่ในอันดับต้นๆของโลก เป็นราชาในเหล่านาฬิกานับหมื่น”
“ขอบคุณค่ะ” หวงหลิงและฉิวจือเฉียนตอบอย่างสุภาพ
“ขอแนะนำตัวนะ ฉันชื่อไคโบเหวิน เป็นผู้จัดการทั่วไปของเฟิงหยูมีเดีย ไม่รู้ว่าคนสวยทั้งสองจะมีโอกาสได้พบกันหรือเปล่า” ขณะที่เขาพูด ไคโบเหวินก็หยิบนามบัตรออกมายื่นให้พร้อมกับจงใจเผยให้เห็นนาฬิกาข้อมือที่เขาพิ่งซื้อมา
ในมุมมองของไคโบเหวิน เขาเพิ่งจะซื้อนาฬิกามูลค่า 253,888 หยวน
แถมยังเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะผู้จัดการทั่วไปของเฟิงหยูมีเดียอีก
สาวงามที่อยู่ตรงหน้าของเขาน่าจะรับนามบัตรด้วยความดีใจอย่างแน่นอน
เขาใช้เงินและตำแหน่งเป็นสิ่งล่อตาล่อใจพวกเธอ!
แต่นี่เป็นเพียงสิ่งที่ไคโบเหวินคิดไปเอง
ถึงก่อนหน้านี้หวงหลิงและฉิวจือเฉียนจะตอบเขากลับอย่างสุภาพ แต่ตอนนี้พวกเธอนั้นก็ไม่ได้รับนามบัตรของไคโบเหวินมา
ทำให้ไคโบเหวินต้องยืนอายอยู่ในท่ายืนนามบัตร
หลินฟานที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เขาชี้ไปยังนาฬิกาที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะพูด“พวกเธอคิดว่านาฬิกาสองเรือนนี้เป็นยังไง”
“สวยมาก!” หวงหลิงและฉิวจือเฉียนชื่มชมออกมาจากหัวใจ
พนักงานขายที่อยู่ข้างๆก็เริ่มแนะนำทันที “นี่คือปาเต็กฟิลิปป์ พีพี ซีรี่ย์ของเรา ทั้งสองเป็นรุ่นเดียวกันมีทั้งสีแดงและสีขาว ตัวเรือนทำมาจากโรสโกลด์ 18กรัม ฝังด้วยเพชรทั้งหมด 347 เม็ด หน้าปัดเป็นเปลือกหอยมุกสีขาวสไตล์บาหลี ทั้งหรูหราและบริสุทธิ์…”
หลินฟานสังเกตเห็นว่าหลังจากการแนะนำของพนักงานขาย ดวงตาของหวงหลิงและฉิวจือเฉียนก็เป็นประกายมากขึ้น
ดังนั้นเขาจึงพูด “ดีล่ะ เอาทั้งสองเรือนเลย”
“ฮะ?” พนักงานชะงักไป
“เอานาฬิกาสองเรือนนั้น” หลินฟานพูดซ้ำ
“เอ่อ…ได้ครับ ได้ครับ” พนักงานขายตอบซ้ำไปซ้ำมา
เขาเคยเห็นเหล่าคนรวยมามากมายแล้ว
แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาเห็นคนเดินเข้ามาในร้านแล้วทำการซื้อนาฬิกา 2 เรือนอย่างรวดเร็ว
คงเป็นเพราะเขายังไม่ได้บอกราคาของมันแน่ๆ!
พนักงานขายจึงรีบพูดทันทีว่า “ราคานาฬิกาเรือนนี้ ตกเรือนละ 518,888 หยวน คุณต้องการซื้อนาฬิกาสองเรือนนี้…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลินฟานก็ได้ยื่นบัตรเครดิตของเขาออกไป
“ติ๊ง!”
หลังจากการรูดบัตรเครดิตลงบนเครื่อง POS บิลก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาในไม่ช้า
ใช้เวลานานขนาดไหนกัน?
ตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาจากทางเข้าจนถึงจุดชำระเงิน… ไม่ถึงนาที!
ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีซองแดง 103 ซองเด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์มือถือของหลินฟาน
ในตอนนี้ พนักงานขายยังคงมึนงงอยู่เล็กน้อยก่อนจะถามออกไป “คุณจะเอาสีอะไรครับ?”
“ทั้งสองคนเลือกสีที่ชอบได้เลยนะ” หลินฟานหันไปหาหวงหลิงและฉิวจือเฉียน
เมื่อหวงหลิงและฉิวจือเฉียนรู้ว่าหลินฟานจะซื้อนาฬิกาเรือนนี้ให้กับพวกเธอ ใบหน้าของทั้งสองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ฉันเอาสีขาว” ฉิวจือเฉียนพูด
“ของฉันสีแดง” หวางหลิงพูด
เมื่อเห็นสิ่งนี้…
ไคโบเหวินที่กำลังถือนามบัตรอยู่ ก็รีบดึงนามบัตรออกและใช้ข้อมือปิดนาฬิกาที่เขาเพิ่งซื้อมาให้มิดที่สุด แล้วรีบเดินออกไปข้างนอกด้วยความรวดเร็วราวกับว่ากำลังหลบหนี
อับอาย!
น่าอับอายที่สุด!
ตั้งแต่เกิดมา เขาไม่เคยรู้สึกอับอายมากถึงขนาดนี้มาก่อน!
หลินฟานไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาพาฉิวจือเฉียนกับหวงหลิงไปซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางอีกมากมาย เขาใช้เงินในการซื้อของไปประมาณ 1.02 ล้านหยวน
สวรรค์มักจะมาตอนที่มันมืดสนิท
เมื่อหลินฟาน ฉิวจือเฉียนและหวงหลิง กลับมาถึงที่ชุมชนยี่เกอ
หลังจากที่ช๊อปปิ้งกันมาทั้งวันแต่หลินฟานก็ยังคงกระฉับกระเฉง รวดเร็วและรุนแรงเหมือนเช่นเคย
o( ̄ε ̄*)
(* ̄3)(* ̄3)(ε ̄*)
3=====88
…………
…
ตามปกติในช่วงวันปีใหม่ สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งปักกิ่งก็จะมีวันหยุดเช่นกัน
แต่วันนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอย่างมากมาย
นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงหลายคนได้มารวมตัวกัน
“ความยาวคลื่นถูกต้อง!”
“ความถี่ถูกต้อง!”
“การสั่นสะเทือนถูกต้อง!”
…………
“หลักการทำนายแผ่นดินไหวถูกต้อง!”
หลังจากคำพูดสุดท้ายได้จบลง ก็มีเสียงตะโกนแห่งความดีใจออกมามากมาย
โดยเฉพาะผู้อำนวยการเฟิงจือเซียง เขามีความสุขจนถึงขั้นต้องกระโดดดีใจเลยทีเดียว
เพราะนี่หมายความว่า เขาสามารถทำนายแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้แล้ว!
ถ้ามนุษย์ทำนายแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้!
ก็จะสามารถลดภัยพิบัติได้อย่างมากแน่นอน!
หลังจากที่เฟิงจื้อเซียงกลับมาบ้านแล้ว เขายังคงอารมณ์ดีอยู่ เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นอย่างผ่อนคลาย
แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เพ่งเล็งไปที่โพสๆหนึ่ง ที่พาดหัวข่าวไว้ว่า “หลินฟานจอมหลอกลวง!”