เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 139 : ร้านบาร์บีคิว
หลังจากหลินฟานมาถึงยังตำแหน่งที่เขาได้รับแล้ว เขาก็ค่อยๆหันมองไปรอบ ๆ และในที่สุดเขาก็เห็นสถานที่ที่คล้ายกับร้านบาร์บีคิวอยู่ไกล้ๆ
จากนั้นเขาก็เห็นจี้เจิ้งยี่ที่ยืนอยู่หน้าร้านบาร์บีคิวกำลังวางโต๊ะเล็กๆ สองสามโต๊ะอย่างระมัดระวัง
ร้านบาร์บีคิว?
นี่ควรจะเรียกว่าแผงขายบาร์บีคิวมากกว่า
หลินฟานจอดรถบูกัตติเวย์รอนเอาไว้ในที่จอดรถสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล เขาหยิบกระเช้าดอกไม้ออกมาแล้วเดินข้ามถนนไปอย่างช้าๆ
“เสี่ยวยี่ ขอแสดงความยินดีกับการเปิดร้านใหม่ของนายด้วยนะ!” หลินฟานกล่าวพร้อมกับยื่นกระเช้าดอกไม้ออกมาข้างหน้า
จี้เจิ้งยี่ตำหนิเล็กน้อย: “ฉันแค่อยากให้นายมาชมร้านของฉัน ไม่เห็นจะต้องซื้ออะไรมาฝากเลย!”
จากนั้นเขาก็หยิบผ้ามาเช็ดโต๊ะอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “นายนั่งได้เลยนะ! เดี๋ยวฉันขอไปล้างมือก่อน แล้วฉันจะแสดงฝีมือการทำบาร์บีคิวให้นายเห็นเอง!”
หลินฟานหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “นายทำบาร์บีคิวเป็นด้วยหรอเนี่ย! ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายทำอาหารที่สามารถกินเข้าไปได้ด้วย ฉันหวังว่าวันนี้ฉันจะได้กินของอร่อยนะ!”
ซึ่งเมื่อจี้เจิ้งยี่ได้ยินในสิ่งที่หลินฟานพูด เขาก็สัมผัสไปที่ด้านหลังศีรษะของตัวเองด้วยความเขินอายเล็กน้อย
ในขณะนั้น ผู้หญิงที่มีใบหน้ากลมและสวมผ้ากันเปื้อนอยู่ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาพร้อมกับหม้อที่มีไม้เสียบเนื้อมากมาย
จี้เจิ้งยี่รีบแนะนำทันที “นี่แฟนฉันถังหลี่”
“ถังหลี่ นี่คือหลินฟานจากหมู่บ้านของเรา!” จี้เจิ้งยี่พูดอีกครั้ง “เขาเอากระเช้าดอกไม้มาให้เราด้วย!”
ซึ่งเมื่อถังหลี่ได้ยินเรื่องนี้ ฟันสีขาวของเธอก็ค่อยๆแสดงออกมา เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมาก จากนั้นเธอก็พูดว่า “ขอบคุณที่มาในวันเปิดร้านของเรา! คุณนั่งรอสักครู่ก่อนนะ ฉันขอเอาหม้ออันนี้ไปวางไว้ก่อน”
“คุณต้องการความช่วยเหลือจากฉันไหม” หลินฟานถาม
“ไม่เป็นไรๆ แค่นี้เอง” ถังหลี่กล่าว
หลินฟานมองดูความขยันขันแข็งของถังหลี่และพูดว่า “เจิ้งยี่ นายไปพบกับแฟนที่ดีแบบนี้ได้ยังไงกัน? แล้วนายจะแต่งงานกันเมื่อไหร่หรอ?”
จี้เจิ้งยี่กล่าวว่า “ถังหลี่ของฉันดูดีมากเลยใช่ไหมล่ะ เราวางแผนกันไว้แล้วว่าจะแต่งงานกันในปีหน้า”
“งั้นก็อย่าลืมโทรมาชวนฉันด้วยล่ะ!” หลินฟานกล่าว
หลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพัก การเตรียมการของบาร์บีคิวก็ได้เสร็จสิ้น
“ฟู่!”
หลังจากเกิดเสียงย่างเนื้อ ควันก็ค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และกลิ่นหอมของเนื้อก็ค่อยๆ ลอยมา
จากนั้นส่วนของตีนไก่ หมูเสียบไม้ กระดูกกรอบ… ก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะของหลินฟาน
และทันทีที่หลินฟานได้นำมันเข้าปาก
จี้เจิ้งยี่ก็ถามขึ้นมาว่า “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
หลินฟานยกนิ้วให้และพูดว่า “อร่อยสุดยอด!”
“กริ๊ง!”
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลินฟานก็ได้ดังขึ้นมา
และคนที่โทรเข้ามาก็คือเจียวหยางผู้ว่าของจังหวัดเจียงเป่ยนั่นเอง
“น้องหลิน พี่มาถึงยังที่ที่น้องส่งตำแหน่งมาให้พี่แล้วนะ แต่พี่มองไม่เห็นร้านที่ดูเหมือนเปิดใหม่เลย?” เจียวหยางถาม
ซึ่งเมื่อหลินฟานได้ยิน เขาก็หันไปมองที่ถนนทันที
และในไม่ช้า เขาก็เห็นรถออดี้จำนวนหลายคัน
หลินฟานจึงรีบลุกขึ้นกวักมือและพูดว่า “ฉันอยู่ตรงนี้ ตรงร้านบาร์บีคิว แต่พี่ต้องไปจอดรถในที่จอดรถสาธารณะข้างหน้านี้ก่อนนะ”
ซึ่งในเวลาเดียวกัน เจียวหยางที่นั่งอยู่ในรถออดี้ก็ได้มองหลินฟาน
เขาอึ้งไปชั่วขณะ เพราะเขาไม่ได้คาดหวังว่าร้านอาหารที่ดำเนินการโดยเพื่อนสนิทของ หลินฟานจะเป็นแผงขายบาร์บีคิวแบบนี้
แต่อย่างไรก็ตาม เจียวหยางก็เรียกสติของเขาให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว
เพราะไม่ว่าจะเป็นร้านแบบไหน แต่ถ้าสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับหลินฟานใกล้ชิดกันได้ก็ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น
ดังนั้นเจียวหยางจึงรีบตรงไปยังที่จอดรถสาธารณะ
จากนั้นนำหัวหน้าทีมสืบสวน หัวหน้าทีมธุรกิจ และคนอื่นๆอีกมากมาน ก็หยิบกระเช้าดอกไม้ออกมา แล้วเดินตรงไปที่แผงบาร์บีคิว
ซึ่งทันทีที่พวกเขามาถึง จากแผงขายบาร์บีคิวที่แต่เดิมเต็มไปด้วยกลิ่นเนื้อและกลิ่นควัน ก็ถูกกลบไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ทันที
“ขอบคุณ ขอบคุณพวกคุณมากๆที่มาร่วมงานในวันเปิดร้านของเรา…” ถังหลี่ขอบคุณพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเธอก็รีบไปดึงโต๊ะทั้งสองโต๊ะให้มาต่อกัน
ถึงแม้ว่าจี้เจิ้งยี่ที่กำลังย่างบาร์บีคิวเสียบไม้อยู่นั้นจะเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หลินฟานและเคยเห็นคนกลุ่มนี้มาก่อน
แต่เนื่องจากตอนนั้นมีคนมากเกินไป เลยทำให้จี้เจิงยี่จำอะไรได้ไม่ค่อยมากนัก
ดังนั้นในเวลานี้ เขาเลยไม่รู้จักใครเลย แม้กระทั่งเจียวหยาง
หลินฟานยิ้มและพูดว่า “พี่เจียว พี่รีบมานั่งและกินบาร์บีคิวที่เพื่อนรักของฉันทำก่อนสิ มันอร่อยมากเลยนะ!”
เจียวหยางพูดว่า: “ฮ่าฮ่า! ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ!”
จากนั้นเจียวหยางและผู้ติดตามกลุ่มใหญ่ก็นั่งลงล้อมรอบโต๊ะเล็กๆที่อยู่ข้างถนน
ต้องบอกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถมากจริงๆ
และเนื่องจากฐานะของเจียวหยางกับคนอื่นๆแล้ว จึงเป็นเวลานานมากที่เขาไม่ได้มาทานอาหารที่แผงขายริมถนนเช่นนี้
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้แสดงความรังเกียจออกมาเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม พวกเขาดูเป็นธรรมชาติกันอย่างมาก
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มแสดงความคิดเห็นและชมเชยรสชาติของบาร์บีคิวเป็นครั้งคราว
เจียวหยางกล่าวว่า “อืม! รสชาติเยี่ยมมาก โดยเฉพาะตีนไก่นี่ เนื้อของมันนุ่มและยืดหยุ่น เผ็ดปานกลาง อร่อยเหาะ!”
นักธุรกิจข้างๆ พูดว่า: “ฉันชอบบาร์บีคิวเนื้อแกะร้านนี้มาก ดูฉ่ำมันแต่ไม่เลี่ยนเลย!”
“กระดูกเปราะกำลังดี เคี้ยวหนึบสนุกมาก!” หัวหน้าทีมสืบสวนยิ้มอย่างเต็มใจ
…………
ถ้ามีใครรู้ว่ากลุ่มผู้นำของเมืองเจียงเป่ยได้มาลิ้มรชชาติของแผงบาร์บีคิวที่นี่ล่ะก็ ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะแสดงสีหน้ากันแบบไหน?
หลินฟานยิ้มทันทีที่ได้ยินแล้วพูดว่า “ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆได้เลย! และในอนาคตก็ฝากดูแลธุรกิจของเพื่อนฉันด้วยนะ”
“ได้สิ!”ไอรีนโนเวล
“แน่นอน!”
ทุกคนตอบกันอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเจียวหยางก็พูด “ขอบคุณมากสำหรับการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมของน้องหลิน พวกเรามาร่วมแสดงความยินดีและแสดงความเคารพให้กับหลินฟานกันเถอะ!”
หลังจากนั้น เจียวหยาง หัวหน้ากลุ่มสืบสวน หัวหน้ากลุ่มธุรกิจ ฯลฯ ต่างก็ยกแก้วขึ้นมา
แล้วดื่มกันหมดในคราวเดียว
“ไม่ต้องถึงขั้นต้องมาเคารพหรอก” หลินฟานพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่ม
ซึ่งในระหว่างดื่มและกินบาร์บีคิวกันนั้น บรรยากาศภายในร้านก็ครึกครื้นกันอย่างมาก
และเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง
ก็เริ่มมีแขกคนอื่นๆ มาที่แผงขายบาร์บีคิวกันมากขึ้น
ซึ่งในตอนแรกนั้น ถังหลี่และจี้เจิ้งยี่ก็กะจะเข้ามาพูดคุยกับพวกเขาด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยุ่งและเริ่มเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดจากการที่มีเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผากของพวกเขา
แต่อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของพวกเขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความท้อแท้เลย พวกเขาแสดงรอยยิ้มออกมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
และตอนนั้นเอง ชายที่มีรอยสักทั้งสี่คนซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังของเจียวหยางนั้น ก็เริ่มมองหน้ากันอย่างมีลับลมคมใน
ก่อนที่จะ…
“ตุ๊บบบบ!”
ชายหัวโล้นจากกลุ่มรอยสักทุบโต๊ะอย่างรุนแรงและอุทานว่า “หายไปไหนวะ!”
แขกที่อยู่รอบๆ รวมถึงถังหลี่กับจี้เจิ้งยี่ที่กำลังเคลียร์โต๊ะอยู่นั้นก็สะดุ้งด้วยความตกใจทันที
ถังหลี่แทบจะทำชามและตะเกียบที่ถืออยู่ในมือตกลงพื้น และจี้เจิ้งยี่ที่กำลังเติมถ่านก็เกือบจะถูกไฟไหม้มือ
ถังหลี่รีบเดินไปดูอย่างเร่งรีบว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเมื่อเธอมองไปยังรูปลักษณ์ที่ดุร้ายของทั้งสี่คน เธอก็รู้สึกกลัวอยู่ในใจและพูดว่า “ไม่ทราบว่า…เกิดอะไรขึ้นหรอคะ?”
“พวกเรามากินบาร์บีคิวที่นี่ แต่กระเป๋าเงินของพวกเรากลับหายไป ในนั้นมีทั้งหมด 10,000 หยวน!” ชายหัวล้านตะโกน
ลืมกระเป๋าสตางค์?
นอกจากนั้น ยังมีเงินอีกหมื่นหยวนอยู่ในกระเป๋าด้วยหรอ?
เป็นไปไม่ได้
มันไม่มีทางที่เงินหมื่นหยวนจะอยู่ในกระเป๋าสตางค์ได้เลย
กระเป๋าสตางค์ธรรมดาไม่มีทางใส่เงินจำนวนนั้นได้หมดแน่ และยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นยุคสกุลเงินดิจิทัล ใครเขาจะนำเงินสดจำนวนมากขนาดนั้นพกติดตัวกัน?
เห็นได้ชัดว่าไอ้หัวล้านคนนี้กำลังพูดเรื่องไร้สาระ
ถังหลี่กล่าวด้วยความตื่นตระหนก: “คุณคะ… คุณลองมองหามันดูก่อนไหม มันน่าจะอยู่แถวๆนี้แหละ”
“หา? จะหาไปทำไมล่ะ! ก็หลังจากที่เธอมาเก็บไวน์บนโต๊ะของฉัน กระเป๋าสตางค์ก็หายไปทันที!”
“เพื่อนๆของฉันก็บอกว่าเห็นเธอหยิบไป! รีบส่งกระเป๋าสตางค์ของเธอมาดี๋ยวนี้เลย!” หัวล้านตะโกนอย่างเสียงดัง
จากนั้นชายทั้งสี่คนก็ค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาถังหลี่
ราวกับว่า… ถ้าถังหลี่ไม่ยอมมอบกระเป๋าสตางค์ของเธอให้ เธอจะต้องโดนทำร้ายแน่
ถังหลี่กลัวมาก เธอถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบจะล้มลงกับพื้น