เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 149 : ผลิตภัณฑ์ใหม่
หลังจากที่หลินฟานสนทนากับล่ามจนจบ เขาก็กดวางสาย
แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็ได้ส่งข้อความไปหาฉิวจือเฉียน
และหลังจากนั้นไม่นาน ฉิวจือเฉียนกับหวงหลิงก็เดินลงมาจากชั้นที่ 25
แล้วเมื่อพวกเธอเห็นเสื้อผ้ากับกระเป๋ากองเท่าภูเขาในห้องนั่งเล่น ดวงตาทั้งสองคู่ก็เปล่งประกายออกมาในทันที
“แอลวีคราฟตี้ รุ่นลิมิเต็ดที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันก่อน!”
“แอลวีไทรบัต!”
…………
ทั้งสองกรีดร้องออกมาด้วยด้วยตวามตื่นเต้นดีใจ
พวกเธอเคยเป็นแอร์โฮสเตสมาก่อนและรู้จักแบรนด์ดังทุกประเภท
ซึ่งหลังจากที่ลาออกแล้ว พวกเธอก็ยังติดตามเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนมอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนรุ่นไหนของเสื้อผ้าและกระเป๋า พวกเธอก็จะสามารถจดจำได้อย่างรวดเร็ว
ของพวกนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่มีราคาแพงและประเมินค่าไม่ได้ทั้งนั้น!
แถมพวกมันยังถูกวางกองบนพื้นอย่างกระจัดกระจาย และด้วยจำนวนขนาดนี้…น่าจะมากกว่าแสนหยวน!
นี่… ไม่อยากจะเชื่อเลย!
หลินฟานมองดูท่าทางตกใจของพวกเธอและพูดอย่างผ่อนคลาย: “เสื้อผ้าและกระเป๋าเหล่านี้เป็นของฉันทั้งหมด พวกเธอสามารถเอามันไปใช้ได้ตามต้องการเลยนะ”
“โอ้พระเจ้า!”
ในตอนที่หลินฟานได้บอกให้ฉิวจือเฉียนกับหวงหลิงลงมา
พวกเธอก็พอจะคาดเดาได้ ว่ามันจะต้องมีอะไรแน่ๆ
แต่หลังจากที่หลินฟานได้พูดประโยคนี้ออกมา พวกเธอก็ยังตกใจมากอยู่ดี
“ที่รัก… ทำไมจู่ๆถึงซื้อได้เสื้อผ้าและกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นจากหลุยส์วิตตองมามากมายขนาดนี้ล่ะ?” ฉิวจือเฉียนอดไม่ได้ที่จะถาม
“เปล่า ผมไม่ได้ซื้ออะไรเลย มันถูกส่งมาโดยประธานของหลุยส์วิตตองต่างหาก และไม่ใช่แค่นี้ เขายังบอกอีกว่าทุกครั้งที่หลุยส์วิตตองออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เขาจะทำการส่งมาให้ คงเพราะผมมีหุ้น 5% ของหลุยส์วิตตองมั้ง “หลินฟานกล่าว
หลินฟานไม่ได้พูดว่าหุ้น 5% ของหลุยส์วิตตองที่เขาได้รับนั้นมาจากซองแดง 1,300 ซองเมื่อสองวันก่อน
เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องระบบของซองแดง… ซึ่งเป็นความลับทั้งหมดของเขา
“ฮะ!”
ฉิวจือเฉียนและหวงหลิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจอีกครั้ง
ทุกครั้งที่หลุยส์วิตตองออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะส่งของมาให้…หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เธอจะมีผลิตภัณฑ์ของหลุยส์วิตตองใช้ต่อๆไปในอนาคต?
และ…หลินฟานยังถือหุ้น 5% ของหลุยส์วิตตอง!
นั่นมันหลุยส์วิตตองเลยนะ!
มูลค่าทางตลาดเกินกว่าหนึ่งล้านล้านหยวน!
5% ของหุ้น ก็คือมากกว่า 5 หมื่นล้านหยวน!
นี่มัน… จะเหนือจินตนาการไปไหนเนี่ย!
อย่างไรก็ตาม พวกเธอยังไม่รู้ว่าหลินฟานไม่เพียงแต่ถือหุ้น 5% ของหลุยส์วิตตองเท่านั้น เพราะหลินฟานยังเป็นผู้ถือหุ้น 5% ของเพนกวินอีกด้วย!
มิฉะนั้น การแสดงออกของพวกเธอคงจะต้องตกใจมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างแน่นอน
และหลังจากผ่านไปนาน ฉิวจือเฉียนกับหวงหลิงก็ค่อยๆสงบลง พวกเธอเลือกเสื้อผ้าและกระเป๋าที่ชื่นชอบก่อนที่พวกเธอจะเดินกลับไปที่ชั้น 25 อย่างมีความสุข
แต่ทันใดนั้น หวงหลิงก็ได้ถามขึ้นมา: “พี่ฟาน เสื้อผ้าและกระเป๋าหลุยส์วิตตองทั้งหมดทำไมถึงได้มากองอยู่ที่ชั้นห้า… หรือว่าพี่ได้ซื้อชั้นห้านี้ไปแล้ว?”
หลินฟานส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่แค่ชั้นห้า แต่ทั้งอาคารในชุมชนยี่เกอแห่งนี้ ฉันได้ซื้อเอาไว้ทั้งหมดแล้ว”
“ซื้อทั้งหมดเลยหรอ?”
ทั้งสองคนเบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้ง และกรีดร้องด้วยความตกใจอีกรอบ
บางคนต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการซื้อบ้านอยู่เป็นเวลานาน
แต่ไม่ใช่กับหลินฟาน!
เขาโยนกุญแจสำรองออกมาแล้วพูดว่า “ถ้าในอนาคตเธอจะพาใครมา ก็ให้เขาไปอยู่ในห้องพวกนั้นก็ได้”
ทันใดนั้น หวงหลิงและฉิวจือเฉียนก็มองไปที่หลินฟานด้วยความกระตือรือร้น
เพื่อให้การดำรงชีวิตของพวกเธอเรียบง่ายและสะดวกสบาย
หลินฟานคือคนที่ซื้ออาคารทั้งหมดได้โดยที่ไม่คิดอะไร
ถ้ามีผู้ชายแบบนี้เป็นแฟน คุณจะต้องทำอย่างไรล่ะ?
วินาทีถัดมา ทั้งสองก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของหลินฟานโดยทันที
ค่ำคืนนี้ พวกเขาไม่ได้นอนกันทั้งคืน
…………
วันถัดไป
เนื่องจากเป็นวันเสาร์ หลินฟานจึงนั่งอยู่บนโซฟาและรูดโทรศัพท์เล่นอย่างสบายใจ
“ติ๊ง!”
และในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ได้สั่นขึ้นมา
ซึ่งคนที่ส่งข้อความมาก็คือชูหยุนเยว่
ชูหยุนเยว่: บริษัทของเรากำลังเตรียมที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นเร็ว ๆ นี้ นายว่างที่จะมาดูหรือเปล่า
หลินฟานไม่ลังเลเลย เขาตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว
หลินฟาน: โอเค
จากนั้นหลินฟานก็พูดคุยกับฉิวจือเฉียนและหวงหลิงที่เหนื่อยล้ามากๆอีกสองสามคำ ก่อนที่เขาจะขับรถลัมโบร์กินี่และตรงไปที่อาคารเฟยหยางอย่างรวดเร็ว
เมื่อก่อน โฆษณาที่อยู่ตรงทางเข้าของอาคารเฟยหยาง จะเป็นโฆษณารถยนต์และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
แต่ปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยโลโก้ขนาดใหญ่ของฮัวจือดีไปแล้ว
ซึ่งเมื่อหลินฟานขึ้นลิฟต์ไปถึงยังชั้นที่ 17 กลิ่นหอมที่คุ้นเคยก็ค่อยๆลอยเข้ามา
และครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่ ตอนนั้น บริษัทฮัวจือดีจะค่อนข้างว่างเปล่านิดหน่อย
แต่ช่วงนี้คนแน่นและคึกคักอย่างมาก
หลังจากที่เห็นหลินฟาน คนสวยที่แผนกต้อนรับก็รีบลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคารพนับถือ: “สวัสดี คุณหลิน”
ตั้งแต่ตอนนั้น ชื่อเสียงและประสิทธิภาพของบริษัทฮีวจือดีก็เป็นที่รู้จักกันมากมาย
ทำให้โบนัสและเงินเดือนของพนักงานทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และสาวงามที่แผนกต้อนรับก็รู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลินฟาน
นอกจากนี้หลินฟานยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานชูหยุนเยว่และเป็นผู้ถือหุ้น 30% ของบริษัทอีก
ไม่ว่าจะด้านใด หลินฟานก็สมควรได้รับความเคารพ
จากนั้น หลินฟานก็พยักหน้าและพูดว่า “สวัสดี”
คนสวยที่แผนกต้อนรับพูดอีกครั้ง: “คุณหลินมาหาท่านประธานหรอคะ ตอนนี้ท่านประธานอยู่ในห้องทำงานค่ะ”
“โอเค” หลินฟานได้ตอบกลับ
เขาเดินตรงไปที่ห้องทำงาน
“ก๊อก ก๊อก!”
ซึ่งหลังจากที่มีเสียงเคาะประตูๆ เสียงอันไพเราะในห้องทำงานของประธานก็ดังขึ้น
“เข้ามาได้”
ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าชูหยุนเยว่กำลังจะเซ็นอนุมัติเอกสารที่สำคัญมากๆอยู่ เธอเลยจดจ่ออยู่กับเอกสารจนเธอไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมามองได้เลย
หลินฟานมองดูเธอจากระยะไกล
และครั้งสุดท้ายที่เขาได้พบกับชูหยุนเยว่ก็คือที่บ้านของหูเทียน
ซึ่งในวันนี้ ชูหยุนเยว่ได้สวมชุดสูทปกขาวที่เน้นรูปร่างอันอวบอิ่มของเธอ
ใบหน้าที่เงียบสงบและสวยงามของเธอบ่งบอกให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าและความตื่นเต้น
เห็นได้ชัดว่าฮัวจือดียุ่งมากจริงๆในช่วงเวลานี้
แต่ในขณะเดียวกัน ใบหน้าของเธอก็ดูพอใจอย่างมาก
คนที่จริงจังกับงานนั้นมีสเน่ห์ที่สุด
ในเวลานี้ ชูหยุนเยว่ได้แสดงเสน่ห์ที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้ออกมา
และในขณะเดียวกัน ชูหยุนเยว่ก็ค่อยๆยกศีรษะของเธอขึ้นมา
ซึ่งเมื่อเธอเห็นว่าคนๆนั้นคือหลินฟาน ใบหน้าแสนสวยของเธอก็ไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มเอาไว้ได้
“หลินฟาน นายมาถึงแล้วทำไมไม่บอกล่ะ นั่งลงก่อนสิ! เดี๋ยวฉันรินชาให้”
ขณะที่เธอกำลังพูด ชูหยุนเยว่ก็โยนกระดาษทิ้งแล้วลุกขึ้นไปชงชาด้วยตัวเองทันที
แม้ว่าเธอจะตั้งใจทำงานมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าหวานใจของเธอนั้นสำคัญกว่า
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชาก็ได้ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าของหลินฟาน
จากนั้นหลินฟานก็หยิบแก้วชาขึ้นมาและจิบเบาๆ
ชูหยุนเยว่ถามอย่างเร่งรีบ “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
“หวาน เรียบ หรู หอม อร่อย” หลินฟานกล่าว
“ถ้าชอบก็ดีแล้ว” ชูหยุนเยว่กล่าวอย่างมีความสุขราวกับว่าเธอได้รับคำชมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
หลินฟานถามว่า “ว่าแต่ เธอจะทำน้ำหอมแบบไหน?”