เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 159 : คำเชิญ
ณ ขณะนี้……
หลินฟานที่กำลังรอสัญญาณไฟจราจรอยู่ก็แสดงอาการสงสัยออกมาหลังจากที่ได้ยินเสียงเตือนในหัวของเขา
“ออร่าเสน่ห์ ไม่สามารถลืมได้?”
หลินฟานอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พบคนที่กำลังมองเขาอยู่เลย
แล้วคนที่หลงรักเขาคือใคร?
แล้วมันเกิดออร่าเสน่ห์ขึ้นมาได้ยังไง?
หลินฟานส่ายหัวและเลิกคิดเรื่องนี้ไป
“กริ๊ง!”
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างที่นั่งก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลินฟานค่อยๆยื่นมือไปกดรับสายโทรศัพท์
“คุณ… สวัสดีครับ คุณหลิน”
เสียงที่เปร่งออกมาจากโทรศัพท์เป็นภาษาจีนทื่อๆ
หลินฟานพูด “สวัสดี”
และหลังจากที่ได้ยินคำตอบของหลินฟาน คนในโทรศัพท์ก็หยุดพูดไปครู่หนึ่ง
จากนั้นไม่นาน เขาก็พูดคำจีนอย่างตะกุกตะกักต่อว่า “หลิน…คุณหลิน ฉันเป็นประธานชื่อโอรัม ยินดีต้อนรับคุณหลินเข้าเป็นผู้ร่วมถือหุ้นนะครับ…”
“ไม่ทราบว่า… คุณหลิน… ชอบของขวัญที่ฉันส่งไปให้หรือเปล่าครับ”
สำหรับในตอนนั้น ตอนที่หลินฟานได้รับกระเป๋ากับเสื้อผ้ากองเท่าภูเขา เขาก็ได้เตรียมใจให้พร้อมไว้รอเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแบบนี้ในอนาคตแล้ว
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร
ซึ่งหลังจากที่ได้หุ้นมา 5% ของหลุยส์วิตตอง ทำให้เขาก็มีประสบการณ์อย่างมาก
“ฉันชอบของขวัญที่คุณส่งมาให้นะ ขอบคุณมาก” หลินฟานพูด
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบ เขาก็ดีใจสุดๆ
โอรัมพูดอย่างมีความสุข “คุณหลิน คุณ…ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นก็ได้…ไว้ในอนาค….. ฉันจะส่งของขวัญไปให้คุณอีก”
เห็นได้ชัดว่าเขาพูดภาษาจีนตะกุกตะกักพอสมควร
จากนั้น หลังจากที่มีการพูดคุยอีกไม่กี่คำจบลง โอรัมก็กดวางสาย
ซึ่งในเวลานี้ หลินฟานก็ได้มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยแล้ว
เขานั่งอยู่ในห้องเรียนและร่วมหัวเราะกับเพื่อนร่วมชั้นบ้าง ฟังครูบรรยายบ้าง นอนบ้าง…
หลินฟานรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสบายใจสุดๆ
ซึ่งเมื่อตอนที่รับประทานอาหารตอนเที่ยง หลินฟานก็ได้รับ 32,102 หยวนมาจากซองแดง
และในชั่วพริบตา คาบเรียนของวันนี้ก็ได้จบลง
“กริ๊ง!”
ในขณะนี้ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของหลินฟานก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาเหลือบไปมองสายที่โทรเข้ามาและก็ได้รู้ว่าเป็นถานเซิงหยู่ที่เคยเจอในงานแสดงรถยนต์เฟอร์รารีเมื่อไม่นานนี้นั่นเอง
“พี่ฟาน คืนนี้พี่ว่างมั้ย ฉันจัดเกมขึ้นมาเลยอยากชวนพี่ให้มาลองเล่น และก็ว่าจะชวนพี่เจียซินด้วย” ถานเซิงหยู่พูดเข้าประเด็นทันที
ที่บูธเฟอร์รารี ถานเซิงหยู่ได้ช่วยหลินฟานเอาไว้นิดหน่อย
และถึงแม้ว่าจะเพิ่งพูดคุยกับเขาได้นิดเดียว แต่หลินฟานก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนดี
นอกจากนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีในตอนกลางคืน
หลินฟานจึงพูด “ว่างสิ ฉันจะไป”
จากนั้นหลินฟานก็มองไปยังซ่งเจียซินที่กำลังเก็บหนังสือเรียนอยู่และพูดว่า “นายเชิญเจียซินหรือยัง”
“ยังเลย พี่เป็นคนแรกที่ฉันโทรหา” ถานเซิงหยู่พูด
“โอเค งั้นนายไม่ต้องโทรไปหาเจียซินนะ เดี๋ยวฉันจะไปเข้าไปคุยกับเธอให้” หลินฟานพูด
“ได้เลยครับ ขอบคุณมากนะพี่ฟาน” ถานเซิงหยู่พูดอย่างมีความสุข
เนื่องจากซ่งเจียซินเป็นตัวละครระดับพี่ใหญ่ในกลุ่ม และถานเซิงหยู่เป็นแค่บุคคลระดับกลาง หากเขาติดต่อไปเอง…อาจจะเป็นการรบกวนได้ไอรีนโนเวล
เพราะฉะนั้น ด้วยความช่วยเหลือของหลินฟาน มันจึงไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้ว
และหลังจากที่วางสาย หลินฟานก็เดินไปหาซ่งเจียซินทันที
“นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัย ทำไมถึงเดินมาหาฉันได้ล่ะ” ซ่งเจียซินยิ้ม
ฉากนี้ ทำให้นักศึกษาที่นั่งอยู่ข้างๆเธอทุกคนต่างก็มีสีหน้าแปลกๆ
นั่นเป็นเพราะ……
ซ่งเจียซินไม่เคยยิ้มออกมาเลย เธอถึงได้มีฉายาว่าราชินีบนภูเขาน้ำแข็ง
แต่ตอนนี้เธอกลับยิ้มและพูดตลกๆกับหลินฟาน
มัน… น่าเหลือเชื่อ
หลินฟานพูด “เธออย่าแซวฉันสิ ถานเซิงหยู่บอกว่าเขาจัดเกมขึ้นมาในคืนนี้ เลยต้องการให้ทุกคนมารวมกัน เธอจะไปที่นั่นด้วยหรือเปล่า”
“ห๊ะ? ถานเซิงหยู่จัดเกมขึ้นมาในคืนนี้อย่างนั้นหรอ ฉันจะไม่ไปได้ยังไงกัน มันฟังน่าสนุกขนาดนี้ ” ซ่งเจียซินพูด
คำเหล่านี้ที่เธอพูดออกไป…
ถ้ามีคนในกลุ่มได้ยินเข้าล่ะก็ ฉันเกรงว่าพวกนั้นจะต้องอ้าปากด้วยความประหลาดใจแน่นอน
เพราะนอกจากกิจกรรมการแข่งรถแล้ว
ซ่งเจียซินไม่เคยไปร่วมกิจกรรมอื่นๆเลย
แต่ตอนนี้เธอกลับบอกว่าจะเข้าร่วม แถมยังบอกว่าน่าสนุกอีก?
หลินฟานพยักหน้าและพูดว่า “งั้นเราไปกันเถอะ”
จากนั้น ทั้งสองคนก็เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปทางลานจอดรถด้วยกัน
และเมื่อพวกเขามาถึง ซ่งเจียซินก็มองไปยังรถปากานี เฟิงเสิน, เคอนิกเส็กก์ ซีซีอาร์ และรถคันอื่นๆอีกมากมายในลานจอดรถพร้อมกับพูดติดตลกว่า “พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นที่จอดรถสุดพิเศษของนายแล้วหรอ?”
สุดยอดจริงๆเลยนะ
และเนื่องจากหลินฟานจอดรถสปอร์ตมากมายไว้ที่นี่ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าจอดรถคันอื่นไว้แถวนี้เลย
เพราะเนื่องจากพวกเขากลัวว่าจะไปทำให้รถของหลินฟานเป็นรอย
และถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็…คนเหล่านั้นอาจต้องขายบ้านขายทุกอย่างเพื่อนำเงินมาจ่ายอย่างแน่นอน
หลินฟานแตะจมูกของเขาเบาๆก่อนจะกดเปิดประตูรถปากานี เฟิงเสิน จากนั้น พวกเขาก็เข้าไปนั่งในรถ
“บูม!”
ซึ่งทันทีที่ซ่งเจียซินนั่งลง หลินฟานก็เหยียบคันเร่งทันที
มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนกับสัตว์ที่ดุร้าย
…………
ในเวลานี้ ซุนลูกั่วกำลังนั่งถือหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มหนาและศึกษาอย่างเงียบๆ เขาจดบันทึกเป็นระยะๆ
คนส่วนใหญ่มักจะชอบคิดว่าลูกคนรวยนั้นกิน ดื่ม และสนุกสนานเท่านั้น
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย……
พวกเขาชอบการเรียนรู้และขยันมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปด้วยซ้ำ
และพวกเขาก็ไม่ต้องการเพียงแค่สืบทอดธุรกิจของครอบครัวเท่านั้น แต่พวกเขายังอยากจะพัฒนาธุรกิจของครอบครัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก!
“กริ๊ง!”
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของซุนลู่กั่วก็ดังขึ้นมา
และเนื่องจากเขาไม่ชอบถูกรบกวนในขณะที่อ่านหนังสือ เขาจึงขมวดคิ้วทันที
จากนั้นซุนลู่กั่วก็เหลือบมองไปที่การแจ้งเตือนการโทรและกดรับสาย
“เซิงหยู่มีอะไร?”
เสียงนี้ทำให้ถานเซิงหยู่รู้ถึงความไม่พอใจของซุนลู่กั่ว
ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างระมัดระวัง “นายน้อยซุน คือ… คืนนี้ฉันได้จัดเกมขึ้นมา เลยอยากเชิญทุกคนให้มาร่วมเล่นกัน พี่ว่างจะมาร่วมด้วยหรือเปล่า”
ซุนลู่กั่วขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาพูดว่า “คืนนี้ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ…”
“อา…โอเคครับ ธุรกิจของน้อยซุนสำคัญมากด้วยสิ งั้นฉันไปกับพี่ฟานและคนอื่นๆก่อนเลยนะ” ถานเซิงหยู่กล่าว
“หือ? พี่ฟาน? นายกำลังพูดถึงพี่ฟานคนไหน?” ซุนลู่กั่วรีบถาม
ถานเซิงหยู่ตอบ “ก็พี่ฟานที่เข้าร่วมการแข่งรถบนเชิงเขาเผิงไหลครั้งล่าสุดไงครับ”
หลังจากที่ซุนลูกั่วได้ยินเรื่องนี้ เขาก็วางหนังสือลงบนโต๊ะทันที
จากนั้นเขาก็ถามว่า “นายจะไปเจอกันที่ไหน?”
“โฟร์ซีซั่นส์เวิลด์!” ถานเซิงหยู่รีบพูด
“โอเค ฉันจะรีบตามไป” ซุนลู่กูั่วกล่าว
หลังจากวางสาย…
ถานเซิงหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ “พี่ฟานสุดยอดมากจริงๆนั่นแหละ พี่ซุนถึงได้เปลี่ยนใจไวขนาดนี้”
หลังจากได้รับประสบการณ์ในครั้งนี้แล้ว เขาก็โทรไปหาหลิวหยูหางต่อ
“นายน้อยหลิว คืนนี้ฉันจัดเกมขึ้นที่โฟร์ซีซั่นส์เวิลด์ พี่จะมาร่วมด้วยหรือเปล่า พี่ฟานของเราก็ตกลงที่จะมาร่วมด้วยเหมือนกันนะ”ถานเซิงหยู่กล่าว
จากนั้น เสียงหัวเราะอันอบอุ่นของหลิวหยูหางก็ดังขึ้นมาทางโทรศัพท์ทันที
“ให้ตายสิ นายยังจะถามอีกหรอ ไม่รู้รึไงว่าฉันชอบอะไรมากที่สุด ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบไปอย่างแน่นอน!”
ถานเซิงหยู่พูดอย่างมีความสุข: “โอเคครับ งั้นฉันจะรอพี่นะ”
หลินฟานที่กำลังรอสัญญาณไฟจราจรอยู่ก็แสดงอาการสงสัยออกมาหลังจากที่ได้ยินเสียงเตือนในหัวของเขา
“ออร่าเสน่ห์ ไม่สามารถลืมได้?”
หลินฟานอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่พบคนที่กำลังมองเขาอยู่เลย
แล้วคนที่หลงรักเขาคือใคร?
แล้วมันเกิดออร่าเสน่ห์ขึ้นมาได้ยังไง?
หลินฟานส่ายหัวและเลิกคิดเรื่องนี้ไป
“กริ๊ง!”
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างที่นั่งก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
หลินฟานค่อยๆยื่นมือไปกดรับสายโทรศัพท์
“คุณ… สวัสดีครับ คุณหลิน”
เสียงที่เปร่งออกมาจากโทรศัพท์เป็นภาษาจีนทื่อๆ
หลินฟานพูด “สวัสดี”
และหลังจากที่ได้ยินคำตอบของหลินฟาน คนในโทรศัพท์ก็หยุดพูดไปครู่หนึ่ง
จากนั้นไม่นาน เขาก็พูดคำจีนอย่างตะกุกตะกักต่อว่า “หลิน…คุณหลิน ฉันเป็นประธานชื่อโอรัม ยินดีต้อนรับคุณหลินเข้าเป็นผู้ร่วมถือหุ้นนะครับ…”
“ไม่ทราบว่า… คุณหลิน… ชอบของขวัญที่ฉันส่งไปให้หรือเปล่าครับ”
สำหรับในตอนนั้น ตอนที่หลินฟานได้รับกระเป๋ากับเสื้อผ้ากองเท่าภูเขา เขาก็ได้เตรียมใจให้พร้อมไว้รอเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแบบนี้ในอนาคตแล้ว
ดังนั้น เขาจึงไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร
ซึ่งหลังจากที่ได้หุ้นมา 5% ของหลุยส์วิตตอง ทำให้เขาก็มีประสบการณ์อย่างมาก
“ฉันชอบของขวัญที่คุณส่งมาให้นะ ขอบคุณมาก” หลินฟานพูด
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบ เขาก็ดีใจสุดๆ
โอรัมพูดอย่างมีความสุข “คุณหลิน คุณ…ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนั้นก็ได้…ไว้ในอนาค….. ฉันจะส่งของขวัญไปให้คุณอีก”
เห็นได้ชัดว่าเขาพูดภาษาจีนตะกุกตะกักพอสมควร
จากนั้น หลังจากที่มีการพูดคุยอีกไม่กี่คำจบลง โอรัมก็กดวางสาย
ซึ่งในเวลานี้ หลินฟานก็ได้มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยแล้ว
เขานั่งอยู่ในห้องเรียนและร่วมหัวเราะกับเพื่อนร่วมชั้นบ้าง ฟังครูบรรยายบ้าง นอนบ้าง…
หลินฟานรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสบายใจสุดๆ
ซึ่งเมื่อตอนที่รับประทานอาหารตอนเที่ยง หลินฟานก็ได้รับ 32,102 หยวนมาจากซองแดง
และในชั่วพริบตา คาบเรียนของวันนี้ก็ได้จบลง
“กริ๊ง!”
ในขณะนี้ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของหลินฟานก็ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาเหลือบไปมองสายที่โทรเข้ามาและก็ได้รู้ว่าเป็นถานเซิงหยู่ที่เคยเจอในงานแสดงรถยนต์เฟอร์รารีเมื่อไม่นานนี้นั่นเอง
“พี่ฟาน คืนนี้พี่ว่างมั้ย ฉันจัดเกมขึ้นมาเลยอยากชวนพี่ให้มาลองเล่น และก็ว่าจะชวนพี่เจียซินด้วย” ถานเซิงหยู่พูดเข้าประเด็นทันที
ที่บูธเฟอร์รารี ถานเซิงหยู่ได้ช่วยหลินฟานเอาไว้นิดหน่อย
และถึงแม้ว่าจะเพิ่งพูดคุยกับเขาได้นิดเดียว แต่หลินฟานก็รู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนดี
นอกจากนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีในตอนกลางคืน
หลินฟานจึงพูด “ว่างสิ ฉันจะไป”
จากนั้นหลินฟานก็มองไปยังซ่งเจียซินที่กำลังเก็บหนังสือเรียนอยู่และพูดว่า “นายเชิญเจียซินหรือยัง”
“ยังเลย พี่เป็นคนแรกที่ฉันโทรหา” ถานเซิงหยู่พูด
“โอเค งั้นนายไม่ต้องโทรไปหาเจียซินนะ เดี๋ยวฉันจะไปเข้าไปคุยกับเธอให้” หลินฟานพูด
“ได้เลยครับ ขอบคุณมากนะพี่ฟาน” ถานเซิงหยู่พูดอย่างมีความสุข
เนื่องจากซ่งเจียซินเป็นตัวละครระดับพี่ใหญ่ในกลุ่ม และถานเซิงหยู่เป็นแค่บุคคลระดับกลาง หากเขาติดต่อไปเอง…อาจจะเป็นการรบกวนได้ไอรีนโนเวล
เพราะฉะนั้น ด้วยความช่วยเหลือของหลินฟาน มันจึงไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้ว
และหลังจากที่วางสาย หลินฟานก็เดินไปหาซ่งเจียซินทันที
“นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัย ทำไมถึงเดินมาหาฉันได้ล่ะ” ซ่งเจียซินยิ้ม
ฉากนี้ ทำให้นักศึกษาที่นั่งอยู่ข้างๆเธอทุกคนต่างก็มีสีหน้าแปลกๆ
นั่นเป็นเพราะ……
ซ่งเจียซินไม่เคยยิ้มออกมาเลย เธอถึงได้มีฉายาว่าราชินีบนภูเขาน้ำแข็ง
แต่ตอนนี้เธอกลับยิ้มและพูดตลกๆกับหลินฟาน
มัน… น่าเหลือเชื่อ
หลินฟานพูด “เธออย่าแซวฉันสิ ถานเซิงหยู่บอกว่าเขาจัดเกมขึ้นมาในคืนนี้ เลยต้องการให้ทุกคนมารวมกัน เธอจะไปที่นั่นด้วยหรือเปล่า”
“ห๊ะ? ถานเซิงหยู่จัดเกมขึ้นมาในคืนนี้อย่างนั้นหรอ ฉันจะไม่ไปได้ยังไงกัน มันฟังน่าสนุกขนาดนี้ ” ซ่งเจียซินพูด
คำเหล่านี้ที่เธอพูดออกไป…
ถ้ามีคนในกลุ่มได้ยินเข้าล่ะก็ ฉันเกรงว่าพวกนั้นจะต้องอ้าปากด้วยความประหลาดใจแน่นอน
เพราะนอกจากกิจกรรมการแข่งรถแล้ว
ซ่งเจียซินไม่เคยไปร่วมกิจกรรมอื่นๆเลย
แต่ตอนนี้เธอกลับบอกว่าจะเข้าร่วม แถมยังบอกว่าน่าสนุกอีก?
หลินฟานพยักหน้าและพูดว่า “งั้นเราไปกันเถอะ”
จากนั้น ทั้งสองคนก็เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปทางลานจอดรถด้วยกัน
และเมื่อพวกเขามาถึง ซ่งเจียซินก็มองไปยังรถปากานี เฟิงเสิน, เคอนิกเส็กก์ ซีซีอาร์ และรถคันอื่นๆอีกมากมายในลานจอดรถพร้อมกับพูดติดตลกว่า “พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นที่จอดรถสุดพิเศษของนายแล้วหรอ?”
สุดยอดจริงๆเลยนะ
และเนื่องจากหลินฟานจอดรถสปอร์ตมากมายไว้ที่นี่ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าจอดรถคันอื่นไว้แถวนี้เลย
เพราะเนื่องจากพวกเขากลัวว่าจะไปทำให้รถของหลินฟานเป็นรอย
และถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็…คนเหล่านั้นอาจต้องขายบ้านขายทุกอย่างเพื่อนำเงินมาจ่ายอย่างแน่นอน
หลินฟานแตะจมูกของเขาเบาๆก่อนจะกดเปิดประตูรถปากานี เฟิงเสิน จากนั้น พวกเขาก็เข้าไปนั่งในรถ
“บูม!”
ซึ่งทันทีที่ซ่งเจียซินนั่งลง หลินฟานก็เหยียบคันเร่งทันที
มันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเหมือนกับสัตว์ที่ดุร้าย
…………
ในเวลานี้ ซุนลูกั่วกำลังนั่งถือหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มหนาและศึกษาอย่างเงียบๆ เขาจดบันทึกเป็นระยะๆ
คนส่วนใหญ่มักจะชอบคิดว่าลูกคนรวยนั้นกิน ดื่ม และสนุกสนานเท่านั้น
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย……
พวกเขาชอบการเรียนรู้และขยันมากกว่าคนธรรมดาทั่วไปด้วยซ้ำ
และพวกเขาก็ไม่ต้องการเพียงแค่สืบทอดธุรกิจของครอบครัวเท่านั้น แต่พวกเขายังอยากจะพัฒนาธุรกิจของครอบครัวให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก!
“กริ๊ง!”
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือของซุนลู่กั่วก็ดังขึ้นมา
และเนื่องจากเขาไม่ชอบถูกรบกวนในขณะที่อ่านหนังสือ เขาจึงขมวดคิ้วทันที
จากนั้นซุนลู่กั่วก็เหลือบมองไปที่การแจ้งเตือนการโทรและกดรับสาย
“เซิงหยู่มีอะไร?”
เสียงนี้ทำให้ถานเซิงหยู่รู้ถึงความไม่พอใจของซุนลู่กั่ว
ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างระมัดระวัง “นายน้อยซุน คือ… คืนนี้ฉันได้จัดเกมขึ้นมา เลยอยากเชิญทุกคนให้มาร่วมเล่นกัน พี่ว่างจะมาร่วมด้วยหรือเปล่า”
ซุนลู่กั่วขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาพูดว่า “คืนนี้ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ…”
“อา…โอเคครับ ธุรกิจของน้อยซุนสำคัญมากด้วยสิ งั้นฉันไปกับพี่ฟานและคนอื่นๆก่อนเลยนะ” ถานเซิงหยู่กล่าว
“หือ? พี่ฟาน? นายกำลังพูดถึงพี่ฟานคนไหน?” ซุนลู่กั่วรีบถาม
ถานเซิงหยู่ตอบ “ก็พี่ฟานที่เข้าร่วมการแข่งรถบนเชิงเขาเผิงไหลครั้งล่าสุดไงครับ”
หลังจากที่ซุนลูกั่วได้ยินเรื่องนี้ เขาก็วางหนังสือลงบนโต๊ะทันที
จากนั้นเขาก็ถามว่า “นายจะไปเจอกันที่ไหน?”
“โฟร์ซีซั่นส์เวิลด์!” ถานเซิงหยู่รีบพูด
“โอเค ฉันจะรีบตามไป” ซุนลู่กูั่วกล่าว
หลังจากวางสาย…
ถานเซิงหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ “พี่ฟานสุดยอดมากจริงๆนั่นแหละ พี่ซุนถึงได้เปลี่ยนใจไวขนาดนี้”
หลังจากได้รับประสบการณ์ในครั้งนี้แล้ว เขาก็โทรไปหาหลิวหยูหางต่อ
“นายน้อยหลิว คืนนี้ฉันจัดเกมขึ้นที่โฟร์ซีซั่นส์เวิลด์ พี่จะมาร่วมด้วยหรือเปล่า พี่ฟานของเราก็ตกลงที่จะมาร่วมด้วยเหมือนกันนะ”ถานเซิงหยู่กล่าว
จากนั้น เสียงหัวเราะอันอบอุ่นของหลิวหยูหางก็ดังขึ้นมาทางโทรศัพท์ทันที
“ให้ตายสิ นายยังจะถามอีกหรอ ไม่รู้รึไงว่าฉันชอบอะไรมากที่สุด ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบไปอย่างแน่นอน!”
ถานเซิงหยู่พูดอย่างมีความสุข: “โอเคครับ งั้นฉันจะรอพี่นะ”