เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 186
ตามที่หมอแว่นบอกก่อนหน้านี้ ตอนนี้เป็นช่วงเย็นของวันแล้ว ทำให้มีรถมากมายขับอยู่บนท้องถนน
หลินฟานขับวนอยู่พักหนึ่งเพราะไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะไปถึงประตูโรงแรมพาเลซได้ในที่สุด
นี่คืออาคารที่สูงตระหง่าน ผนังของโรงแรมด้านนอกเป็นสีน้ำเงินและมีกระเบื้องสีเขียว
มีสิงโตที่ดูน่าเกลียดสองตัวถูกตั้งเอาไว้ทั้งสองด้านตรงทางเข้า เมื่อมองผ่านประตูสีแดงสดเข้าไป ก็ได้เห็นกับพื้นที่โล่งกว้าง ต้นสนเขียวขจี ภูเขาจำลองพร้อมกับสายน้ำที่ไหลอย่างเอื่อยเฉื่อย… โรงแรมแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิก
ถ้าไม่ใช่เพราะมีสิงโตที่ดูน่าเกลียดสองตัวถูกตั้งเอาไว้ด้านทางเข้าของโรงแรมพาเลซ เกรงว่าทุกคนจะคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่คล้ายกับพระราชวังแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ขณะนั้นเอง กลุ่มชายหญิงที่แต่งตัวหรูหราหลายคนก็เดินเข้ามาชมโรงแรมด้วยเช่นกัน
อาเหม่ยที่ยืนอยู่ที่ประตู เงยหน้าขึ้นมองของตกแต่งต่างๆก่อนจะอุทานออกมา “ว้าว! สวยจัง!”
ซูหนิงจิงพูดอย่างลังเล”นี่ เราเปลี่ยนที่ทานอาหารกันดีไหม?”
สำหรับซูหนิงจิงที่ใช้เงินอย่างประหยัดมาโดยตลอดแล้ว เธอไม่อยากจะเสียเงินไปกินข้าวในที่หรูๆแบบนี้
หลินฟานรู้ความคิดของเธอดี เขายิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงอยากเปลี่ยนที่กินละ กินข้าวในร้านอาหารของตัวเองมันก็ประหยัดดีไม่ใช่หรอ?”
ซูหนิงจิงอดไม่ได้ที่จะกระพริบปริบๆในทันใด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
ตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงแปลกใจดังขึ้นมาจากข้างหลังของเธอ
“หือ! ซูหนิงจิง! คุณมาที่นี่เพื่อทานอาหารเย็นด้วยหรอ?”
หมอแว่นไม่คิดเลยว่า หลังจากที่แยกจากซูหนิงจิงมาแล้วจะได้กลับมาพบกับเธออีก
หรือว่านี่…จะเป็นเพราะพระเจ้าต้องการสร้างโอกาสให้ตัวเขาเอง!
ในที่สุด โชคของฉันก็ดีขึ้นมาแล้ว!
ซูหนิงจิงหันกลับมาและพูดอย่างไม่คาดฝัน “ใช่ค่ะ”
หมอแว่นพูดออกมาอย่างมีความสุข “บังเอิญอะไรอย่างนี้! คุณก็ถูกดึงดูดด้วยชื่อเสียงของโรงแรมพาเลซงั้นหรอ? ร้านอาหารนี้ดีมากจริงๆ!”
“สภาพแวดล้อมหรูหราและเต็มไปด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิก…เหมือนกับพระราชวังจริงๆเลย!”
“ที่สำคัญกว่านั้น ผมได้ยินมาว่าสูตรอาหารในร้านอาหารของพวกเขานั้นถูกถ่ายทอดมาจากเชฟในวังหลวงด้วยนะ รสชาติมันยอดเยี่ยมมาก!”
ขณะที่หมอแว่นกำลังพูดออกมา เขาก็ได้กลิ่นของอาหารลอยออกมาและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “นั่นเป็นเหตุผลที่ร้านอาหารพาเลซเป็นที่นิยมมาก! ถ้าจะเข้าไปกินอาหารที่นี่ต้องเป็นการจองล่วงหน้าเท่านั้นด้วยนะ คุณได้จองไว้หรือเปล่า?”
“แต่ไม่เป็นไร! เจ้าของร้านอาหารนี้กับฉันเป็นเพื่อนซี้กัน ผมคุยให้ได้!” หมอแว่นอดไม่ได้ที่จะตบหน้าอกของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
อันที่จริง เขาจะไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าของร้านได้ซะที่ไหนกัน?
เขาแค่รู้จักหัวหน้าแผนกเล็กๆในโรงแรมพาเลซเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าซูหนิง หมอแว่นจึงตัดสินใจพูดเกินจริงออกมา
จากนั้น หมอแว่นก็เหลือบมองไปที่หลินฟานด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
เขาคิดในใจ: แม้ว่านายจะขับปอร์เช่ คาเยนน์ก็ตาม แต่ฉันรู้จักเจ้าของโรงแรมพาเลซl! ถ้าเทียบกันแล้ว ฉันยังสูงกว่านายอยู่ขั้นหนึ่ง!
หลินฟานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า “ผมไปเป็นเพื่อนซี้กับคุณตอนไหน?”
“นายพูดอะไร?”
หมอแว่นสตั้นไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายชื่ออะไร เพื่อนซี้อะไรของนาย?”
หลินฟานพยักหน้าเห็นด้วยกับคำของหมอแว่น
หลังจากนั้น หมอแว่นก็เดินนำหน้าเข้าโรงแรมไป
“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมพาเลส” พนักงานสองคนที่ยืนอยู่ที่ประตูยิ้มต้อนรับ
หมอแว่นพูด “มีที่นั่งว่างหรือเปล่า? เอาเป็นห้องดีที่สุดนะ?”
พนักงานพูด “ขอโทษค่ะ แขกท่านนี้ โรงแรมของเราถูกจองเต็มแล้ว ถ้าคุณไม่ติดอะไร โปรดนั่งรอสักครู่ก่อน”
เดิมที หมอแว่นคิดว่ายังมีห้องอาหารว่างอยู่
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังว่าห้องจะถูกจองจนเต็มแล้ว
ดังนั้น เขาจึงรีบพูดอย่างดื้อรั้น “เจ้าของโรงแรมของพวกคุณและฉันเป็นเพื่อนซี้กัน! บอกหัวหน้าของพวกคุณ จางเฉิงเจี๋ย ให้เขาจัดหาห้องให้เรา”
พนักงานเคยเห็นคนมาทุกประเภท พวกเขามองออกเลยว่าหมอแว่นนั้นไม่ได้รู้จักกับเจ้าของโรงแรม
ไม่อย่างนั้น หัวหน้าจางเฉิงเจี๋ย จะต้องจัดห้องให้พวกเขาไปแล้วไม่ใช่หรอ?
และถ้ารู้จักกับเจ้าของโรงแรมจริงๆ เกรงว่าจะไม่ใช้แค่หัวหน้างานอย่างจางเฉิงเจี๋ยที่ออกมาต้อนรับ แม้แต่ผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไปก็คงจะรีบออกมาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น
แม้ว่าบริกรจะคิดอย่างดูถูกอยู่ในใจ
แต่อย่างไรก็ตาม เธอยังคงยิ้มแล้วพูดว่า “ขออภัย วันนี้หัวหน้าจางเฉิงเจี๋ยไม่อยู่ ดังนั้นฉันเกรงว่าจะไม่สามารถจัดห้องให้คุณได้”
“ถ้าอย่างงั้น โปรดนั่งรอสักครู่ก่อนนะคะ?”
เมื่อหมอแว่นได้ยินแบบนั้น เขาก็พูดอย่างกระอักกระอ่วนใจต่อว่า “หัวหน้าที่รู้ตัวตนของฉันไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้… ซูหนิง เราจะนั่งรอไปก่อนหรือเปลี่ยนไปกินร้านอาหารอื่นกันดี?”
“ตึก ตึก ตึก!”
ทันใดนั้น มีเสียงวิ่งดังขึ้นมาแต่ไกล
ชายในชุดสูทวิ่งเหยาะๆเข้ามา
พนักงานสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูรีบพูด “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการทั่วไป”
เจิ้งคง ผู้จัดการทั่วไปไม่ได้สนใจคำทักทายของทั้งสองคนเลย เขาเข้าไปหาหลินฟาน อย่างเร่งรีบ ก่อนจะก้มลงและพูดด้วยน้ำเสียงเคารพและตื่นเต้นว่า “สวัสดีครับ เจ้านาย!”
มีสองเหตุผลที่ร้านอาหารพาเลซได้รับความนิยม
อย่างแรกเลยคืออาหารและสภาพแวดล้อมของโรงแรมพาเลซนั้นดีมาก
ประการที่สองคือ เจิ้งคงนั้นดูแลโรงแรมมาอย่างดี เขาทุ่มเทพลังงานเกือบทั้งหมดให้กับงานของที่โรงแรมพาเลซ
ไม่มีลูกน้องคนใหนที่ทำเรื่องดีๆแล้วไม่ต้องการให้เจ้านายรู้
และเจิ้งคงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เขาต้องการที่จะพบเจ้านายของเขามาตลอด ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับงาน
น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสได้โชว์ผลงาน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า ขณะที่เขากำลังลงบันไดมาตรวจสอบสถานการณ์ของโรงแรมในวันนี้ เขาจะได้โอกาศทำในสิ่งที่เขาต้องการ
หลินฟานพูด “ผู้จัดการทั่วไป? คุณคือผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมพาเลซหรอ?”
เจิ้งคงรีบพูดตอบกลับ “ใช่ครับ ผมชื่อเจิ้งคง หรือจะเรียกผมว่าเสี่ยวคงก็ได้ครับ”
หลินฟานพยักหน้าแล้วพูด “งั้นฉันจะเรียกคุณว่าเจิ้งคงแบบนี้แหละ”
ท้ายที่สุด เจิ้งคงนั้นเป็นชายอายุ 40 ปีแล้ว จะให้เขาเรียกชื่อเสี่ยวคงก็อาจจะแปลกไปหน่อย
หลินฟานพูดต่อ “โรงแรมมีการจัดการที่ดีมาก!”
“ขอบคุณหัวหน้าสำหรับคำชมครับ” เจิ้งคงพูดอย่างตื่นเต้น
ทั้งที่เป็นแค่ประโยคสั้นๆ
แต่เจิ้งคงนั้นรู้สึกปลาบปลื้มมาก ราวกับว่าเขากำลังได้ยินเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลก
หลินฟานถามต่อ “ยังมีที่ว่างไหม เพื่อนของฉันและฉันกำลังจะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน”
“ใช่แล้ว! โรงแรมของเราได้จองห้องที่หรูหราที่สุดไว้ให้แล้ว! ได้โปรดตามมา” เจิ้งคงพูดด้วยความเคารพ
หมอแว่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “เขา…เขาเป็นเจ้านายคุณหรอ?”
เจิ้งคงคิดว่าหมอแว่นเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนของหลินฟาน
ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไป “แน่นอนว่าเขาคือเจ้าของโรงแรมพาเลซของเรา!”
“เปรี้ยง!”
ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา มันก็เหมือนกับมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นที่หูของหมอแว่นในทันที
แม้ตอนที่เจิ้งคงเรียกหลินฟานว่าเจ้านาย เขาก็คาดเดาบางอย่างเอาไว้ในใจแล้ว
แต่เมื่อได้ยินคำยืนยันจากเจิ้งคง เขาก็ยังรู้สึกตกใจมากอยู่ดี
หลินฟานเป็นเจ้าของโรงแรมพาเลซ?!
และฉันก็เพิ่งพูดไปว่าฉันเป็นเพื่อนซี้กับเจ้าของโรงแรมพาเลซ
ไม่แปลกใจที่หลินฟานจะถามว่า เขาไปเป็นเพื่อนซี้กับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
นี่……
นี่มัน……
ฉันคุยโม้ให้กับคนที่เป็นเจ้าของจริงๆฟังอย่างนั้นหรอเนี่ย! ?
ในตอนนี้ หมอแว่นแทบรอไม่ไหวที่จะเดินหนีไปให้เร็วที่สุด
ดังนั้น หมอแว่นจึงไม่ได้ไปที่ห้องสุดหรูกับหลินฟานและคนอื่นๆ เขาก้มหน้าหันหลังและเดินออกจากโรงแรมพาเลซอย่างรวดเร็ว
อับอาย!
น่าอับอายจริงๆ!
หลินฟานขับวนอยู่พักหนึ่งเพราะไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่จะไปถึงประตูโรงแรมพาเลซได้ในที่สุด
นี่คืออาคารที่สูงตระหง่าน ผนังของโรงแรมด้านนอกเป็นสีน้ำเงินและมีกระเบื้องสีเขียว
มีสิงโตที่ดูน่าเกลียดสองตัวถูกตั้งเอาไว้ทั้งสองด้านตรงทางเข้า เมื่อมองผ่านประตูสีแดงสดเข้าไป ก็ได้เห็นกับพื้นที่โล่งกว้าง ต้นสนเขียวขจี ภูเขาจำลองพร้อมกับสายน้ำที่ไหลอย่างเอื่อยเฉื่อย… โรงแรมแห่งนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิก
ถ้าไม่ใช่เพราะมีสิงโตที่ดูน่าเกลียดสองตัวถูกตั้งเอาไว้ด้านทางเข้าของโรงแรมพาเลซ เกรงว่าทุกคนจะคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่คล้ายกับพระราชวังแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ขณะนั้นเอง กลุ่มชายหญิงที่แต่งตัวหรูหราหลายคนก็เดินเข้ามาชมโรงแรมด้วยเช่นกัน
อาเหม่ยที่ยืนอยู่ที่ประตู เงยหน้าขึ้นมองของตกแต่งต่างๆก่อนจะอุทานออกมา “ว้าว! สวยจัง!”
ซูหนิงจิงพูดอย่างลังเล”นี่ เราเปลี่ยนที่ทานอาหารกันดีไหม?”
สำหรับซูหนิงจิงที่ใช้เงินอย่างประหยัดมาโดยตลอดแล้ว เธอไม่อยากจะเสียเงินไปกินข้าวในที่หรูๆแบบนี้
หลินฟานรู้ความคิดของเธอดี เขายิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงอยากเปลี่ยนที่กินละ กินข้าวในร้านอาหารของตัวเองมันก็ประหยัดดีไม่ใช่หรอ?”
ซูหนิงจิงอดไม่ได้ที่จะกระพริบปริบๆในทันใด ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
ตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงแปลกใจดังขึ้นมาจากข้างหลังของเธอ
“หือ! ซูหนิงจิง! คุณมาที่นี่เพื่อทานอาหารเย็นด้วยหรอ?”
หมอแว่นไม่คิดเลยว่า หลังจากที่แยกจากซูหนิงจิงมาแล้วจะได้กลับมาพบกับเธออีก
หรือว่านี่…จะเป็นเพราะพระเจ้าต้องการสร้างโอกาสให้ตัวเขาเอง!
ในที่สุด โชคของฉันก็ดีขึ้นมาแล้ว!
ซูหนิงจิงหันกลับมาและพูดอย่างไม่คาดฝัน “ใช่ค่ะ”
หมอแว่นพูดออกมาอย่างมีความสุข “บังเอิญอะไรอย่างนี้! คุณก็ถูกดึงดูดด้วยชื่อเสียงของโรงแรมพาเลซงั้นหรอ? ร้านอาหารนี้ดีมากจริงๆ!”
“สภาพแวดล้อมหรูหราและเต็มไปด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิก…เหมือนกับพระราชวังจริงๆเลย!”
“ที่สำคัญกว่านั้น ผมได้ยินมาว่าสูตรอาหารในร้านอาหารของพวกเขานั้นถูกถ่ายทอดมาจากเชฟในวังหลวงด้วยนะ รสชาติมันยอดเยี่ยมมาก!”
ขณะที่หมอแว่นกำลังพูดออกมา เขาก็ได้กลิ่นของอาหารลอยออกมาและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “นั่นเป็นเหตุผลที่ร้านอาหารพาเลซเป็นที่นิยมมาก! ถ้าจะเข้าไปกินอาหารที่นี่ต้องเป็นการจองล่วงหน้าเท่านั้นด้วยนะ คุณได้จองไว้หรือเปล่า?”
“แต่ไม่เป็นไร! เจ้าของร้านอาหารนี้กับฉันเป็นเพื่อนซี้กัน ผมคุยให้ได้!” หมอแว่นอดไม่ได้ที่จะตบหน้าอกของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
อันที่จริง เขาจะไปมีความสัมพันธ์กับเจ้าของร้านได้ซะที่ไหนกัน?
เขาแค่รู้จักหัวหน้าแผนกเล็กๆในโรงแรมพาเลซเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม เพื่อแสดงความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าซูหนิง หมอแว่นจึงตัดสินใจพูดเกินจริงออกมา
จากนั้น หมอแว่นก็เหลือบมองไปที่หลินฟานด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
เขาคิดในใจ: แม้ว่านายจะขับปอร์เช่ คาเยนน์ก็ตาม แต่ฉันรู้จักเจ้าของโรงแรมพาเลซl! ถ้าเทียบกันแล้ว ฉันยังสูงกว่านายอยู่ขั้นหนึ่ง!
หลินฟานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า “ผมไปเป็นเพื่อนซี้กับคุณตอนไหน?”
“นายพูดอะไร?”
หมอแว่นสตั้นไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายชื่ออะไร เพื่อนซี้อะไรของนาย?”
หลินฟานพยักหน้าเห็นด้วยกับคำของหมอแว่น
หลังจากนั้น หมอแว่นก็เดินนำหน้าเข้าโรงแรมไป
“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมพาเลส” พนักงานสองคนที่ยืนอยู่ที่ประตูยิ้มต้อนรับ
หมอแว่นพูด “มีที่นั่งว่างหรือเปล่า? เอาเป็นห้องดีที่สุดนะ?”
พนักงานพูด “ขอโทษค่ะ แขกท่านนี้ โรงแรมของเราถูกจองเต็มแล้ว ถ้าคุณไม่ติดอะไร โปรดนั่งรอสักครู่ก่อน”
เดิมที หมอแว่นคิดว่ายังมีห้องอาหารว่างอยู่
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังว่าห้องจะถูกจองจนเต็มแล้ว
ดังนั้น เขาจึงรีบพูดอย่างดื้อรั้น “เจ้าของโรงแรมของพวกคุณและฉันเป็นเพื่อนซี้กัน! บอกหัวหน้าของพวกคุณ จางเฉิงเจี๋ย ให้เขาจัดหาห้องให้เรา”
พนักงานเคยเห็นคนมาทุกประเภท พวกเขามองออกเลยว่าหมอแว่นนั้นไม่ได้รู้จักกับเจ้าของโรงแรม
ไม่อย่างนั้น หัวหน้าจางเฉิงเจี๋ย จะต้องจัดห้องให้พวกเขาไปแล้วไม่ใช่หรอ?
และถ้ารู้จักกับเจ้าของโรงแรมจริงๆ เกรงว่าจะไม่ใช้แค่หัวหน้างานอย่างจางเฉิงเจี๋ยที่ออกมาต้อนรับ แม้แต่ผู้จัดการและผู้จัดการทั่วไปก็คงจะรีบออกมาต้อนรับด้วยความกระตือรือร้น
แม้ว่าบริกรจะคิดอย่างดูถูกอยู่ในใจ
แต่อย่างไรก็ตาม เธอยังคงยิ้มแล้วพูดว่า “ขออภัย วันนี้หัวหน้าจางเฉิงเจี๋ยไม่อยู่ ดังนั้นฉันเกรงว่าจะไม่สามารถจัดห้องให้คุณได้”
“ถ้าอย่างงั้น โปรดนั่งรอสักครู่ก่อนนะคะ?”
เมื่อหมอแว่นได้ยินแบบนั้น เขาก็พูดอย่างกระอักกระอ่วนใจต่อว่า “หัวหน้าที่รู้ตัวตนของฉันไม่อยู่ที่นี่ในวันนี้… ซูหนิง เราจะนั่งรอไปก่อนหรือเปลี่ยนไปกินร้านอาหารอื่นกันดี?”
“ตึก ตึก ตึก!”
ทันใดนั้น มีเสียงวิ่งดังขึ้นมาแต่ไกล
ชายในชุดสูทวิ่งเหยาะๆเข้ามา
พนักงานสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูรีบพูด “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการทั่วไป”
เจิ้งคง ผู้จัดการทั่วไปไม่ได้สนใจคำทักทายของทั้งสองคนเลย เขาเข้าไปหาหลินฟาน อย่างเร่งรีบ ก่อนจะก้มลงและพูดด้วยน้ำเสียงเคารพและตื่นเต้นว่า “สวัสดีครับ เจ้านาย!”
มีสองเหตุผลที่ร้านอาหารพาเลซได้รับความนิยม
อย่างแรกเลยคืออาหารและสภาพแวดล้อมของโรงแรมพาเลซนั้นดีมาก
ประการที่สองคือ เจิ้งคงนั้นดูแลโรงแรมมาอย่างดี เขาทุ่มเทพลังงานเกือบทั้งหมดให้กับงานของที่โรงแรมพาเลซ
ไม่มีลูกน้องคนใหนที่ทำเรื่องดีๆแล้วไม่ต้องการให้เจ้านายรู้
และเจิ้งคงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เขาต้องการที่จะพบเจ้านายของเขามาตลอด ดังนั้นเขาจึงทุ่มเทพลังทั้งหมดให้กับงาน
น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เขาไม่มีโอกาสได้โชว์ผลงาน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า ขณะที่เขากำลังลงบันไดมาตรวจสอบสถานการณ์ของโรงแรมในวันนี้ เขาจะได้โอกาศทำในสิ่งที่เขาต้องการ
หลินฟานพูด “ผู้จัดการทั่วไป? คุณคือผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมพาเลซหรอ?”
เจิ้งคงรีบพูดตอบกลับ “ใช่ครับ ผมชื่อเจิ้งคง หรือจะเรียกผมว่าเสี่ยวคงก็ได้ครับ”
หลินฟานพยักหน้าแล้วพูด “งั้นฉันจะเรียกคุณว่าเจิ้งคงแบบนี้แหละ”
ท้ายที่สุด เจิ้งคงนั้นเป็นชายอายุ 40 ปีแล้ว จะให้เขาเรียกชื่อเสี่ยวคงก็อาจจะแปลกไปหน่อย
หลินฟานพูดต่อ “โรงแรมมีการจัดการที่ดีมาก!”
“ขอบคุณหัวหน้าสำหรับคำชมครับ” เจิ้งคงพูดอย่างตื่นเต้น
ทั้งที่เป็นแค่ประโยคสั้นๆ
แต่เจิ้งคงนั้นรู้สึกปลาบปลื้มมาก ราวกับว่าเขากำลังได้ยินเสียงที่ไพเราะที่สุดในโลก
หลินฟานถามต่อ “ยังมีที่ว่างไหม เพื่อนของฉันและฉันกำลังจะไปทานอาหารเย็นด้วยกัน”
“ใช่แล้ว! โรงแรมของเราได้จองห้องที่หรูหราที่สุดไว้ให้แล้ว! ได้โปรดตามมา” เจิ้งคงพูดด้วยความเคารพ
หมอแว่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “เขา…เขาเป็นเจ้านายคุณหรอ?”
เจิ้งคงคิดว่าหมอแว่นเองก็เป็นหนึ่งในเพื่อนของหลินฟาน
ดังนั้นเขาจึงตอบกลับไป “แน่นอนว่าเขาคือเจ้าของโรงแรมพาเลซของเรา!”
“เปรี้ยง!”
ทันทีที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา มันก็เหมือนกับมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นที่หูของหมอแว่นในทันที
แม้ตอนที่เจิ้งคงเรียกหลินฟานว่าเจ้านาย เขาก็คาดเดาบางอย่างเอาไว้ในใจแล้ว
แต่เมื่อได้ยินคำยืนยันจากเจิ้งคง เขาก็ยังรู้สึกตกใจมากอยู่ดี
หลินฟานเป็นเจ้าของโรงแรมพาเลซ?!
และฉันก็เพิ่งพูดไปว่าฉันเป็นเพื่อนซี้กับเจ้าของโรงแรมพาเลซ
ไม่แปลกใจที่หลินฟานจะถามว่า เขาไปเป็นเพื่อนซี้กับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
นี่……
นี่มัน……
ฉันคุยโม้ให้กับคนที่เป็นเจ้าของจริงๆฟังอย่างนั้นหรอเนี่ย! ?
ในตอนนี้ หมอแว่นแทบรอไม่ไหวที่จะเดินหนีไปให้เร็วที่สุด
ดังนั้น หมอแว่นจึงไม่ได้ไปที่ห้องสุดหรูกับหลินฟานและคนอื่นๆ เขาก้มหน้าหันหลังและเดินออกจากโรงแรมพาเลซอย่างรวดเร็ว
อับอาย!
น่าอับอายจริงๆ!