เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง - ตอนที่ 63 : ไปซื้อของที่ห้างหยินซานอีกครั้ง
- Home
- เศรษฐีผู้ร่ำรวย เริ่มจากการได้รับซองแดง 7 พันล้านซอง
- ตอนที่ 63 : ไปซื้อของที่ห้างหยินซานอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้นกับแสงพระอาทิตย์ที่อบอุ่น
เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์จึงไม่มีการเรียนแต่อย่างใด
และการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่แข่งกันมา 3 วันติดต่อกัน ก็ได้สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวานนี้ ดังนั้น หม่าจง, เจิ้งจินเป่าและซงหยี่ จึงนอนอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อยและไม่มีวี่แววว่าจะลุกขึ้นจากที่นอนด้วยเช่นกัน
ตอนนี้หลินฟานหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆหมอน แล้วมองดูมันเหมือนกับทุกที
มีการแจ้งเตือนทางข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอเหมือนกับทุกวัน
“ยอดเงินเข้าบัญชี 141.200 หยวน เวลา 0:00 น.”
ในตลอดสามวันที่ผ่านมานี้ ซองแดงที่หลินฟานเปิดในตอนเที่ยงของทุกวัน เขาได้รับแต่เงินสดเท่านั้น
รวมกับ การหายใจ การกระทำต่างๆ และการนอนหลับในสามวันที่ผ่านมา ทำให้หลินฟานได้รับเงินมาอีก 4.4 ล้านหยวน
ถึงแม้ว่าเขาจะใช้เงินไปถึง 20 ล้านหยวน ในการซื้อน้ำยาทางการแพทย์มา 2 ขวด
แต่ตอนนี้หลินฟานก็ยังคงเหลือเงินอยู่อีก 142.6 ล้านหยวนอยู่ดี
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว หลินฟานก็ขับ Mercedes-Benz Big G ไปยังจังหวัดชิงซีในทันที
เพราะสัปดาห์ที่แล้ว หลินฟานให้สัญญากับหวังเซี่ยวตงเอาไว้ว่า ถ้าหากเขามีเวลาว่าง ก็จะไปงานแต่งงานของหวังเซี่ยวตงอย่างแน่นอน
เมื่อในอดีตหวังเซี่ยวตงเป็นเพื่อนร่วมห้องในสมัยมัธยมต้นของหลินฟาน
ตอนนั้นครอบครัวของหลินฟานยากจนเป็นอย่างมาก ไม่มีแม้แต่เงินที่จะเอาไปซื้อสมุดและปากกามาใช้
แต่หวังเซี่ยวตงก็มักจะแบ่งปันทั้งสมุดและปากกาให้กับหลินฟานอยู่เสมอ และหลินฟานก็เก็บน้ำใจเหล่านั้นที่เคยได้รับจากเซี่ยวตงเอาไว้ตลอด
และในตอนนี้หวังเซี่ยวตงก็กำลังจะแต่งงาน
หลินฟานเองก็ไม่มีธุระอะไรในวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากนี้เขาเองก็อยากจะกลับไปหาพ่อแม่และน้องสาวของเขาด้วยเหมือนกัน นี่สินะที่เรียกว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาหลินฟานก็ได้กลับมาถึงบ้าน
เนื่องจากหลินเถาและต้าเหว่ยสัวได้ดื่มน้ำยารักษาไป จึงทำให้สภาพร่างกายของพวกเขาทั้งสองนั้นดีขึ้นเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าพวกเขาได้ย้อนพวกเขากลับไปยังสมัยวัยรุ่นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ตอนเที่ยงวันนี้พวกเขาได้กินข้าวไปคนละสองชาม
ในตอนบ่าย หลินฟานนั่งดูทีวีอยู่กับครอบครัวและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะดังออกมาเป็นระยะๆ เป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากจริงๆ
“แอ๊ด!”
ทันใดนั้นเอง ประตูบ้านก็ได้ถูกเปิดเข้ามา
จากนั้นหลินเสี่ยวเหยาที่กำลังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่ ก็ได้เดินเข้ามาในบ้าน
และหลังจากที่เธอเห็นหลินฟาน เธอก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “พี่ชาย พี่กลับมาตอนไหนเนี่ย?”
หลังจากที่พูดจบ เธอก็พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของหลินฟานอย่างความเร็ว
“พี่กลับมาถึงได้สักพักแล้วล่ะ” หลินฟานบีบแก้มของหลินเสี่ยวเหยาแล้วพูด “ผอมลงอีกแล้วงั้นหรอ พี่บอกว่าให้กินข้าวให้มากกว่าเดิมไง”
หลินเสี่ยวเหยาโวยวาย “พ่อคะ แม่คะ! ดูพี่ชายสิ พี่เขาพูดแบบนี้อีกแล้ว!”
“พี่ชายของลูกพูดถูกแล้ว ลูกต่างหากที่ควรกินให้มากกว่านี้”ต้าเหว่ยสัวพูด
หลินฟานมองดูหลินเสี่ยวเหยาที่ดูอ่อนล้าแล้วได้หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะถามว่า “ทำไมวันนี้น้องกลับมาเร็วจังเลย ไม่ไปเรียนภาคค่ำอย่างนั้นหรอ”
หลินฟานเข้าใจสถานการณ์ของโรงเรียนมัธยมต้นชิงซีดี
เพราะโดยปกติแล้ว จำเป็นต้องไปเรียนพิเศษด้วยตนเองในทุกวันและกลับมาได้แค่วันอาทิตย์เท่านั้น
หลินเสี่ยวเหยาพูดออกมาอย่างเหนื่อยๆ “วันนี้มีสอบประจำเดือน ฉันเลยไม่ได้ไปเรียนภาคค่ำแล้ว”
หลินฟานพยักหน้า
“พี่ชาย วันนี้พาฉันออกไปเที่ยวหน่อยสิ!” หลินเสี่ยวเหยาพูดอย่างตื่นเต้น
หลินฟานได้พูดว่า “ได้สิ น้องอยากไปเที่ยวที่ไหนล่ะ”
“ห้างหยินซาน!”หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากหลินเสี่ยวเหยารู้ว่าหลินฟานเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของห้างสรรพสินค้าหยินซาน เธอจึงตั้งตารออย่างมากที่จะได้ไปเที่ยวห้างหยินซานกับหลินฟานอีกครั้ง
เพราะในความคิดของเธอ มันเหมือนกับว่าจะช้อปปิ้งเท่าไหร่ก็ได้ในพื้นที่ที่เป็นเหมือนบ้านของตัวเอง!
แต่เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่หลินฟานไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยๆ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลินฟานเองก็พึ่งจะกลับมาบ้าน แต่ก็จากไปทันทีหลังจากที่กินอาหารกลางวันเสร็จ
แต่คราวนี้ ในที่สุดหลินฟานก็ได้กลับมาบ้านอีกครั้ง หลินเสี่ยวเหยาเองก็ต้องการคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ได้
หลินฟานได้บีบใบหน้าที่น่ารักของหลินเสี่ยวเหยาอีกครั้งแล้วยิ้ม ” เรารีบไปห้างหยินซานกันเถอะ”
เมื่อหลินเสี่ยวเหยาได้ขึ้นมานั่งบน Mercedes-Benz Big G เธอก็มองไปรอบๆรถด้วยแววตาที่สดใสระยิบระยับราวกับน้ำทะเลที่ถูกแสงตกกระทบ
ในครั้งล่าสุดที่หลินฟานกลับมานั้น เธอก็ได้เห็น Mercedes-Benz Big G คันนี้แล้ว แต่ครั้งนั้นเธอไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปนั่งบนรถ
ทำให้ตอนนี้ เธอรู้สึกสนุกและตื่นเต้นกับการนั่งบนรถคันนี้มาก
ระหว่างรอสัญญาณไฟจราจร
หลินเสี่ยวเหยาได้มองไปยังรถที่อยู่รอบข้างและพูดอย่างตื่นเต้น “พี่ชาย รถของเราสูงจังเลย”
หลินฟานยิ้มและพยักหน้า
“บูม!”
เมื่อสัญญาณไฟได้เปลี่ยนสีเขียว หลินฟานก็เหยียบคันเร่งและรถก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้มาถึงห้างหยินซาน
คราวนี้ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในระหว่างการช้อปปิ้งเหมือนครั้งก่อน และหลินเสี่ยวเหยาก็ได้ซื้อเสื้อผ้ามาอย่างมากมายหลายชุด
แต่อยู่ดีๆหลินฟานก็ได้หยุดชะงักทันที และหันไปสนใจร้านเครื่องประดับ บัลแกเรีย ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขามากนัก
หัวใจของหลินฟานกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไป
จากนั้นหลินเสี่ยวเหยาก็ถามขึ้นมา “พี่ชาย เรากำลังจะไปร้านเครื่องประดับกันหรอ?”
“ใช่แล้ว พี่อยากมาดูว่ามีอะไรที่เหมาะสมกับน้องสาวของพี่และพ่อกับแม่ของเราบ้าง แล้วพี่ก็ว่าจะซื้อของขวัญสำหรับงานแต่งงานของเพื่อนร่วมห้องในวันพรุ่งนี้ด้วย” หลินฟานกล่าว
“เยี่ยมเลย!” เมื่อหลินเสี่ยวเหยาได้ยินว่าเธอกำลังจะได้ซื้อของอีกครั้ง ดวงตาที่สวยงามของเธอก็สว่างขึ้นมาในทันที
แต่เมื่อเธอได้มาที่หน้าเคาน์เตอร์กระจกและเห็นราคาที่น่ากลัวของเครื่องประดับแต่ละชิ้น เธอก็รีบพูดทันทีว่า “พี่คะ ทำไมของที่นี่แพงจัง เราเปลี่ยนไปร้านอื่นดีกว่ามั้ย”
หลินเสี่ยวเหยาเคยไปร้านเครื่องประดับกับเพื่อนมาก่อนบ้าง และเธอก็พอจะรู้ราคาอยู่บ้างเช่นกัน
แต่ราคาเครื่องประดับที่อยู่ต่อหน้าของเธอตอนนี้ มันสูงกว่าร้านที่เธอเคยไปถึง 10 เท่า!
แม้ว่าหลินเสี่ยวเหยาจะรู้ว่าตอนนี้พี่ชายของเธอมีรถสปอร์ต Mercedes-Benz และรวยมากขนาดไหน
แต่หลินเสี่ยวเหยาก็ไม่ใช่คนที่จะใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายขนาดนั้น
ในตอนนี้พนักงานขายได้ยิ้มขึ้นและพูดว่า “เครื่องประดับทุกชิ้นจากร้าน บัลแกเรีย ทำมาจากวัสดุคุณภาพสูงแล้วถูกออกแบบโดยนักออกแบบที่มีชื่อเสียงทั้งสิ้น”
“ดังนั้น ราคาของเราจึงสูงกว่าร้านเครื่องประดับธรรมดาทั่วไป”
“แต่ละสไตล์ของเราล้วนเป็นสินค้าแฟชั่น ล้ำสมัย และมีคุณภาพสูง ในแง่นี้มันเหนือกว่าร้านเครื่องประดับทั่วไปอย่างมาก”
หลินฟานได้ชี้ไปยังสร้อยคอในตู้กระจกที่อยู่ไม่ไกลและพูดขึ้น “เสี่ยวเหยา น้องคิดว่าสร้อยเส้นนั้นเป็นยังไงบ้าง”
จากนั้น หลินเสี่ยวเหยาก็เหลือบมองไปในทิศทางที่หลินฟานชี้
เธอเห็น…
รูปทรงสร้อยคอเส้นนั้นชั่งดูเบาบางและแปลกใหม่ โดยเฉพาะจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวที่ได้ส่งแสงสะท้อนแสงออกมา มันทำให้สร้อยเส้นนี้ดูเปร่งประกายมากกว่าทุกเส้นที่อยู่ในร้าน
จากนั้นพนักงานก็หยิบสร้อยคอออกมาแล้วเริ่มแนะนำทันที “สร้อยคอนี้มีชื่อว่า เจ้าหญิงแสงจันทร์ เป็นผลงานของดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง จอร์นเลน
“ตัวสร้อยทำมาจากทองคำขาว 99 % ทั้งทันสมัย และมีความแข็งแรงทนทานอย่างยิ่ง”
“ตัวจี้นั้น ออกแบบมาให้ดูเหมือนกับเจ้าหญิงแสนสวยที่กำลังนั่งอยู่บนเรือจันทร์ และสีที่ใช้ตกแต่งก็เป็นสีผสมมายา ”
“ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เจ้าหญิงแสงจันทร์ ยังรายล้อมไปด้วยเพชรถึง 4 เม็ด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของใบโคลเวอร์สี่แฉก ที่มีความหมายว่าจะนำความโชคดีมาสู่เจ้าหญิงอย่างไม่รู้จบ”
ด้วยการแนะนำของพนักงาน รวมกับการได้เห็นสร้อยเส้นนี้อย่างใกล้ๆแล้ว ดวงตาของหลินเสี่ยวเหยาก็สว่างจ้าขึ้นมาในทันที
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง สัญลักษณ์ หรือความหมาย…
ฉันชอบสร้อยเส้นนี้จังเลย
นี่มันเกือบจะสมบูรณ์แบบ!
และท่าทางการแสดงออกของ… หลินเสี่ยวเหยาก็ได้ถูกหลินฟานมองดูอยู่ตลอดเวลา
หลินฟานยิ้มและพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “โอเคครับ งั้นก็เอาสร้อยเส้นนี้แล้วกัน”
จากนั้นหลินฟาน ก็ขอให้พนักงานนำสร้อยข้อมือมรกตที่อยู่ไม่ไกลออกมาด้วย รวมถึงไฟแช็กที่ประดับด้วยอัญมณี และเป็ดแมนดารินสองตัวที่ทำมาจากทองคำบริสุทธิ์
และจากนั้นเขาก็ยื่นบัตรธนาคารให้พนักงานเพื่อทำการจ่ายเงิน
“ติ๊ด!”
เสียงที่นุ่มนวลได้ดังออกมา การชำระเงินก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้น
หลินฟานเห็นว่าหลินเสี่ยวเหยายังคงจ้องมองไปที่สร้อยคออย่างไม่ละสายตา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มก่อนจะพูดออกมา ” ไหนลองสวมให้พี่ดูหน่อยสิ ”
“ได้เลย!” หลินเสี่ยวเหยาพูดอย่างตื่นเต้น
จากนั้นเมื่อเธอได้มองดูเจ้าหญิงแสงจันทร์ที่อยู่ตรงคอของเธอ ดวงตาของเธอก็เปร่งประกายออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นสวยงาม
ต่อมาหลินเสี่ยวเหยาก็ถ่ายเซลฟี่ด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอแล้วถามว่า ” สร้อยเส้นนี้ราคาเท่าไหร่หรอคะ?”
“188,888 หยวน” พนักงานตอบกลับ
“ตึง!”
หลังจากพนักงานพูดจบ โทรศัพทหลินเสี่ยวเหยาก็ได้ตกลงกับพื้น