เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 100
เสียงหัวเราะที่น่าสมเพชดังไปทั่วทั้งบาร์แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย ทุกคนกำลังรอชมสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่ เถ้าแก่เจ้าของบาร์กัดฟันมองไป ทางนั้นและอยากจะยืนขึ้นเพื่อไปปกป้องพนักงานสาว แต่เขากลับลังเลอีกครั้งเมื่อเห็นคำเตือนที่น่ากลัวจาก ใบหน้ามีแผลเป็นนั้น คนเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆ ที่คนตัวเล็กๆ อย่าง เขาจะไปต่อกรได้ วันนี้พนักงานต้อนรับชายอีกคนไม่อยู่ ถ้าพนักงานชายอยู่เรื่องต่างๆ คงจะไม่ยุ่งยากขนาดนี้
“ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจนะคะ ลูกค้า…” พนักงานสาวพูดอย่างอ่อนแรง นางร้องไห้และมองไปที่เถ้าแก่เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ
“นัง บ้าเอ๊ย…” แต่ก่อนที่ประโยคนี้จะจบลง ก็มีแสงเย็นๆ สว่างวาบขึ้น จากนั้นเลือดก็สาดกระเซ็นขึ้นไปในอากาศ
“กรี๊ด…” เสียงกรีดร้องของพนักงานสาวดังขึ้น นางแทบจะล้มลงไปเลยเพราะตอนนี้มือที่จับนางอยู่เมื่อครู่ได้ ขาดออกจากร่างของคนๆ นั้นแล้ว!
ชายผู้มีแผลเป็นมองเลือดที่กระเซ็นอยู่ในอากาศ จากนั้นเขาก็ได้สติกลับมาเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั้น! มือของเขาถูกตัดไปแล้ว!
เสียงร้องโหยหวนกลบเสียงกรีดร้องของพนักงานสาว ดวงตาของเขาจ้องไปที่ชายหนุ่มที่เดินผ่านเขาไป ชายหนุ่มเดินไปที่บาร์ด้วยท่าทางไม่ใส่ใจและนั่งลงเบาๆ “เถ้าแก่ ไวน์หวาน”
เถ้าแก่รีบ รินไวน์หวานให้ทันที เมื่อกี้เขาเห็นภาพนั้นอย่างชัดเจนเลย! ชายหนุ่มผู้นี้ตัดแขนของชายผู้นั้นด้วยการเหวี่ยงดาบครั้งเดียว!
ทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะจนทั้งบาร์เงียบงัน พวกเขามองไปที่ชายหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันผู้นั้น
“ไอ้เลว! อ๊าก! เจ้ากล้าสับมือข้าได้ยังไง! อ๊าก… ข้าจะฆ่าเจ้า!” เสียงร้องอย่างร้อนรนของชายผู้มีแผลเป็นดังก้องไปทั่วบาร์ดึงให้ทุกคนกลับมาสู่ความเป็นจริง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์บาร์ไม่ได้หันไปมอง แต่จิบไวน์ที่เถ้าแก่มอบให้อย่างใจเย็น ชายผู้มีแผลเป็นลุกขึ้นและกำลังจะเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่บาร์นั้น แต่ในขณะที่เขาก้าวออกไป มีดสั้นเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาแทงที่เท้าของเขาอย่างแม่นยำและตอกให้เขาอยู่กับที่ เวลานี้ทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง
“น่าเสียดาย กริชของข้าสกปรกเลย” ในเวลานี้ประตู บาร์ถูกผลักเปิดออกอีกครั้ง และหญิงสาวสวยผมบลอนด์ดวงตาสีฟ้าก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนพร้อมกับสีหน้าเสียดาย
ทุกคนหันกลับไปมองที่ประตู ภายใต้แสงไฟนั้นมีกลุ่มคน ยืนอยู่ที่ประตู หลังจากเห็นพวกเขาได้อย่างชัดเจน ทุกคนก็อ้าปากค้าง ด้านหลังของสาวสวยมีชายคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าค่อนข้างคล้ายกับนาง เขามีผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้า ใบหน้าและดวงตาของทั้งสองคนเย็นชาและ ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวสั่น ข้างหลังของพวกเขาคือชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาที่มีดาบตรึงไว้ที่เอวของเขาและมีท่าที สงบนิ่ง คนในบาร์ รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็น นักรบระดับสูง ถัดไป คือชายที่สวมชุดดำและผมสีดำผู้มีใบหน้าที่ดุดัน และแผ่บรรยากาศเป็นอันตรายออกไปทั่ว ถัดไป จากนั้นคือชายหนุ่มรูปหล่อในชุดคลุมตัวยาวซึ่งเขาไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นนักเวทย์! มีเพียงเด็กสาวสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเท่านั้นที่ดูไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่เมื่อหญิงสาวที่ถือธนูผู้นั้นยื่นมือออกมา คนเหล่านั้นก็ต้องเปลี่ยนความคิดที่มี เมื่อครู่ มือที่หนาด้านของนางไม่เหมือนกับนักธนูทั่วไป คงจะเหลือเพียงชายคนสุดท้ายที่มีผมสีบลอนด์และใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลาที่ดูไม่เป็นอันตรายอะไร
ชายผู้นั้น ยิ้ม เขามองไปที่ทุกคน และพูดเบาๆ “ข้าขอโทษที่รบกวน วันนี้หัวหน้าของข้าอารมณ์ไม่ดีน่ะ” ชายหนุ่มผมบลอนด์ขอโทษทุกคนและเดินเข้าไปก่อน จนกระทั่งไปถึงชายที่เท้าของเขาถูกกริชตอกอยู่ เขาก็หยุดอยู่ข้างๆ ชายผู้นั้น โค้งตัวเล็กน้อยเพื่อหยิบกริชออกมา และค่อยๆ ปาดคอของชายที่มีรอยแผลเป็นพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เช็ดกริชด้วยผ้าเช็ดปากบนโต๊ะข้างๆแล้วส่งกลับไปให้หญิงผมบลอนด์ที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยท่าทางสง่างาม
ชายที่ใบหน้ามีแผลเป็นกระตุกและล้มลงไป เลือดที่ไหลออกมาสร้าง ลวดลายแปลกๆ บนพื้นและดูน่ากลัวมาก
ความหนาวเหน็บที่ดูน่ากลัวกระจายไปทั่วบาร์ในทันที ผู้ชายที่อ่อนโยนและสง่างามผู้นี้ช่าง น่ากลัวและอันตรายมาก!
บรรยากาศสยองขวัญทำให้ทุกคนในบาร์เหงื่อตกไปครู่หนึ่ง ทุกคนยืนขึ้นอย่างเงียบๆ และกำลังจะหนีออกจากสถานที่แสน อึดอัด ที่ทำให้รู้สึกกระวนกระวายนี้ ในขณะที่หลายคน กำลังจะลุกจากที่นั่ง ชายผมบลอนด์ผู้อ่อนโยนก็หันหน้ามาและยิ้มสดใส “อย่าลืมจ่ายเงินนะทุกคน”
ทันใดนั้นก็มีคนหลายคนที่ทนบรรยากาศ กดดันไม่ไหว พวกเขากรีดร้องและทิ้งเหรียญทองไว้ก่อนวิ่งหนีออกไป เขาเคยเห็นฆาตกร แต่ไม่เคยเห็นฆาตกรที่สามารถฆ่าคนด้วยท่าทีสง่างามเช่นนี้!
“หัวหน้า ทำไมเจ้าถึงวิ่งนำมาคนเดียวแล้วทิ้งพวกเราทั้งหมดไว้ข้างหลังล่ะ” คามิลล์ยิ้มเบาๆ และนั่งลงข้างๆ แคลร์ที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่
“ฮึ่ม!” แคลร์ส่งเสียงและไม่พูดอะไร จากนั้นก็หยิบแก้วขึ้นมา ดื่มต่อ
“ใจแคบจริงๆ ก็เจ้าแพ้พนันและ ข้าให้เจ้าแบกเสือดาวลมไปไม่กี่ไมล์เองไม่ใช่หรือ?” หลี่เยว่เหวินเดินไปข้างหน้าด้วยเสียงเย็นชา แล้วพูด “นี่เป็นฝึกน้ำหนักแขนของเจ้าไง ยกน้ำหนัก เดินเป็นหลักสูตรสำคัญในฝึกนะ”
“เจ้าขี้โกง!” แคลร์กัดฟันอย่างโกรธแค้น ตอนที่นางรู้ความจริง มันก็สายเกินไปแล้ว
“ถ้าเจ้าจับไม่ได้ ก็อย่ามาบอกว่าข้า ขี้โกง เจ้ายังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมาก” หลี่เยว่เหวินสอน
แคลร์หยุดพูดแล้วหันหน้าไปดื่มต่อ นางขี่เสือดาวลมมาโดยตลอด แต่วันนี้กลับถูกสลับตำแหน่งกัน
“ขอบคุณที่ช่วยข้า…” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นระหว่างการพูดคุยของคนทั้งสอง
แคลร์หันหน้าไป ก็เห็นพนักงานสาวหน้าซีดที่พยายามยิ้มอย่างเต็มที่ เมื่อนางหันไปอีกที ก็เห็นว่ามือของชายผู้นั้นยังคงจับอยู่ที่แขนของนางไว้แน่นทั้งๆ ที่ ขาดจากร่างไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่สีหน้าของนางจะดูไม่ดีเอามากๆ
“เอามันออก ” แคลร์สั่งจินเหยียนที่อยู่ด้านหลัง
จินเหยียนก้าวไปข้างหน้า เขาจับมือที่เกาะอยู่แล้วดึงออกไป
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก” พนักงานสาวขอบคุณอย่างเร่งรีบ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก สบายมาก” แคลร์โบกมืออย่างรำคาญเพื่อส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟออกไป จากนั้นนางก็มองไปที่เถ้าแก่และถาม “เถ้าแก่ มีชากุหลาบหรือไม่?”
“อา ขอโทษจริงๆ ที่นี่เรามีแค่ไวน์และน้ำเท่านั้น” เถ้าแก่พูดด้วยความกลัว หลังจากที่เห็นการกระทำนองเลือดของชายหนุ่มผู้นี้และเพื่อนของเขาแล้ว เถ้าแก่ก็พูดอย่างระมัดระวัง
“หัวหน้า สถานที่เล็กๆ นี้ไม่มีดอกไม้เลย” คามิลล์ถอนหายใจเบาๆ
ทุกคนด้านหลังหันไปมองคามิลล์ ชายผู้นี้แหละที่ทำให้แคลร์ติดนิสัยเสีย!เพราะ แคลร์อยากจะดื่มชากุหลาบ พวกเขาจึง ค้นหากันทั้งเมือง แต่ก็ไม่พบเลย
“คือว่า บ้านข้าปลูกกุหลาบ ถ้าพวกเจ้าไม่รังเกียจก็ไปบ้านข้าสิ ข้ามีดอกไม้แห้งอยู่” พนักงานสาวพูดอย่างระมัดระวัง
“โอ้ จริงหรือ? เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” แคลร์ลุกขึ้นทันที
หลี่เยว่เหวินมองและอยากจะตำหนิอะไรบางอย่าง แต่เมื่อนึกถึงอารมณ์ของแคลร์ในวันนี้แล้วก็ช่างมันไปเถอะ
“เถ้าแก่ เดี๋ยวถ้าน้องชายข้ากลับมา ข้าฝากเถ้าแก่บอกเขาว่าข้าพาผู้มีพระคุณกลับบ้านก่อน” พนักงานสาวบอกกับเถ้าแก่
“ได้ๆ” เถ้าแก่พยักหน้าและ มองกลุ่มคนที่น่ากลัวเดินจากไป
พนักงานสาวถอดผ้ากันเปื้อนแล้วพาทุกคนออกไป
“ยัยนี่ ช่างเอาแต่ จะเล่นจริงๆ” หลี่เยว่เหวินบ่นอย่างไม่พอใจ
“ช่วงนี้ฝึกหนักมากพอแล้ว วันนี้ขอให้นางได้พักหายใจหน่อยเถอะ” หลี่หมิงหยู่พูด ตั้งแต่ที่เกาะนั้นจนถึงตอนนี้ วิธีการฝึกของหลี่เยว่เหวินนั้นรุนแรงมากมาตลอด ทาง แม้ว่าแคลร์จะนอนหลับอยู่ แต่นาง ก็ต้องระวังไม่ให้คอของนางถูกตัด ในตอนเย็นหลี่เยว่เหวินก็มักจะลอบโจมตีแคลร์แล้ว บอกว่าเป็นการฝึกความตื่นตัว ด้วยเหตุนี้แคลร์จึงมักจะตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับรอยคล้ำใต้ตาเพื่อรับมือกับการลอบโจมตีของหลี่เยว่เหวินเสมอ การตื่นตัวของนางดีขึ้น แต่รอยคล้ำใต้ตาก็หนักขึ้นเช่นกัน
หญิงสาวเดินไปข้างหน้า แต่หางตาของนางกลับมองไปที่ชายที่เดินตามหลัง ผมสีบลอนด์ ดวงตาสีเขียวสวยที่มี รอยคล้ำใต้ตาอย่างหนัก แต่เขาไม่สามารถปกปิดความสง่างามที่ไม่มีใครเทียบได้เลย ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่ช่วยนาง จากคนชั่วร้ายเมื่อกี้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้เลยว่าวันนี้จะจบลงอย่างไร น้องชายของนางก็ไม่อยู่ด้วย ถ้าวันนี้ไม่ได้ชายผู้นี้ คงจะแย่แน่ๆ
แคลร์รู้สึกไม่สบายตัว ตอนนี้เสือดาวลมเดินตามอยู่ข้างหลัง มันตกใจมากตอนที่แคลร์อุ้มมัน และตอนนี้มันก็ไม่กล้าเข้าใกล้แคลร์เลย
“บ้านข้ามีข้ากับน้องชายเพียงสองคน วันนี้น้องชายของข้าไปที่หุบเขาหลงทาง เด็กนั่นบอกว่าช่วงนี้มีสัตว์แปลกๆ เกิดใหม่อะไรสักอย่าง เขาจะไปจับมันเพื่อเอาไป ขายในราคาสูงๆ” หญิงสาวเริ่มคุยกับแคลร์ นางไม่รู้จะพูดอะไรจึงบ่นเรื่องน้องชายของนาง
“สัตว์แปลกหรือ?” คามิลล์สนใจและถาม “น้องชายของเจ้าบอกหรือไม่ว่ามันคือสัตว์แปลกอะไร?”
“บอกสิ เด็กนั่นชอบพูดไปเรื่อย เขาพูดว่าเป็นสัตว์เทพอะไรสักอย่าง” หญิงสาวพูด “สัตว์เทพจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? มันจะถูกจับง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?”
สัตว์เทพ? หลี่เยว่เหวินและหลี่หมิงหยู่สบตากันและทั้งคู่ก็เห็นความสงสัยในดวงตาของกันและกัน
” น้องชายของข้าต่อสู้ปกป้อง ตัวเองได้นิดหน่อย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเอง เป็นยอดฝีมืออยู่ตลอด เขาคิดอะไรเพ้อฝันไปมากมายเลย” หญิงสาวพูดอย่างจนใจและพาทุกคนไปที่ชานเมือง
ในสวนเล็กๆ ที่รั้วไม้ซึ่ง ถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อย มีโต๊ะไม้และเก้าอี้เล็กๆ สองสามตัวอยู่ใต้ระแนงองุ่นที่ดูอบอุ่น
“ผู้มีพระคุณ เชิญนั่งลงก่อน ข้าจะชงชาให้” หญิงสาวพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “นั่งข้างนอกจะดีกว่า ข้างในบ้านรกจริงๆ”
แคลร์พยักหน้าเล็กน้อยและนั่งลงก่อน วัลโดรีบนั่งตามอย่างเงียบๆ เพราะ ดูเหมือนว่าจะมีที่นั่ง ไม่เพียงพอ เขาไม่อยากยืนจึงรีบคว้าโอกาสนั่งไว้ก่อน ส่วนคามิลล์ยิ้มแย้มและเดินตามหญิงสาวไปชงชากุหลาบ
…………………………………………………………………………….