เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 107
“หือ?” ตงเฟิงโฮ่วตะลึง เขามองคามิลล์อย่างมึนงงและสงสัยอย่างมาก
คามิลล์นวดขมับของตนเอง จากนั้นก็กระซิบ “อัญเชิญสิ่งที่กินเนื้อออกมา”
“อ๋อ” ตงเฟิงโฮ่วเข้าใจได้ในทันที
ทุกคนเหงื่อตก ความสามารถในการเข้าใจและการสื่อสาร ของตงเฟิงโฮ่วนี้ยอดแย่เกินกว่าจเปรียบได้
ตงเฟิงโฮ่วโบกมือและพึมพำอะไรบางอย่างด้วยเสียงที่นุ่มนวล จู่ๆ ก็มีลมกรรโชกเข้ามาทาง ทุกคนโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า พวกเขาจึงรีบหลบไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจน ทุกคนก็ถึงกับตะลึง ดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่งอกขึ้นตรงนั้นและเริ่ม ส่ายไปมา รากแตกออกเป็นเท้าสองข้าง ดอกไม้สีม่วงขนาดใหญ่มีเลือดอยู่เต็มปากฟันแถวบนและล่างกำลังกลืนกินซากศพบนพื้นทีละร่าง เคี้ยวจนเนื้อและเลือดกระเซ็น ส่วนลำไส้ก็กระเด็นออกมาระหว่างฟันแล้วดอกไม้สีม่วงก็ดูดลำไส้กลับเข้าไปในปากของมัน หลังจากกินอาหารเสร็จ มันก็เลียเลือดที่พื้นอย่างสะอาดหมดจด ตอนที่ดอกไม้ยักษ์นี้ปรากฏตัวออกมา สิ่งแรกที่พวกมันอยากกินคือกลุ่มคนที่มีชีวิต! แต่พอพวกเขาเลี่ยงหลบไป พวกมันก็เลยกินซากศพบนพื้นดินก่อน ดอกไม้สีม่วงยกเท้าวิ่งไปที่ศพของนักรบผู้สง่างาม พวกมันกินร่างของเขาทั้งหมดในคำเดียว เดียวและกลืนลงไป พวกมันยังกินหัวของนักรบที่หล่นอยู่และไม่ปล่อยให้เหลือคราบเลือดทิ้งไว้ แม้กระทั่งเลือดที่ผสมกับสิ่งปฏิกูลสีดำก็หายไปจนหมด ในที่สุดคามิลล์ก็ไม่สามารถทนดูภาพ ดังกล่าวได้ ท้องของเขาปั่นป่วน นี่เป็นสิ่งที่น่าขยะแขยงและแตกต่างจากการฆ่าของวัลโดเมื่อครู่เป็นอย่างมาก! ทุกคนยังคงตกตะลึงในภาพ ที่น่าขยะแขยงนั้นจนดอกไม้กินเนื้อสีม่วง ยกเท้าขึ้นอย่างไม่คาดคิดและเริ่มพุ่งเข้าหาพวกเขา!
“โอ้… ตงเฟิงโฮ่วส่งมันกลับไป!” คามิลล์กลั้นอาการท้องปั่นป่วนและตะโกนใส่ตงเฟิงโฮ่ว
ตงเฟิงโฮ่วพูดอะไรบางอย่างแล้วดอกไม้กินเนื้อก็หายไปต่อหน้าต่อตา
ใบหน้าของคามิลล์โกรธจนเป็นสีเขียว เขาขอให้ตงเฟิงโฮ่วเรียกสิ่งมีชีวิตกินเนื้อ แต่เขาคิดอะไรแปลกประหลาดและ เรียกดอกไม้ที่น่าขยะแขยงนี่มา! นี่มันสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงจากมิติไหนกัน?
ไม่ใช่แค่คามิลล์ แต่ใบหน้าของทุกคนก็ดูแย่มาก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นฉากที่น่าขยะแขยงเช่นนี้
“คราวหน้าอย่าเรียกสิ่งที่น่ารังเกียจแบบนี้มาอีกนะ” ซัมเมอร์พูดด้วยใบหน้าซีดเซียว
“แต่สิ่งมีชีวิตนี่กินได้อย่างหมดจดเลย เลือดก็เลียจนสะอาด” หลี่เยว่เหวินพูดเสริม
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงมันแล้ว ไข่ กำลังจะแตกและสัตว์เทพใกล้จะออกมาแล้ว” แคลร์หยุดการสนทนาและพูด นางมองไปที่ไข่สีชมพูที่ลอยอยู่บนหนองน้ำ
มีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นช้าๆ และไข่อ้วนกลมก็เริ่มมีรอยแตก แสงหลากสีสันเริ่มหายไปอย่างช้าๆ แล้วแสงสีขาวราวกับหิมะก็โผล่ออกมาจากรอยแตกเหล่า นั้น
“จิ๊บๆ… ” ไป๋ตี้นั่งอยู่บนหัวของแคลร์ ในเวลานี้มัน หรี่ตามองสิ่งแปลกประหลาดตรงหน้า
ทันใดนั้นไข่อ้วนกลมก็หมุนอย่างรวดเร็ว เสียงแตกดังขึ้นไม่สิ้นสุดและเปลือกไข่ก็แตกออกอย่างรวดเร็ว มีเสียงกระทบแล้วเปลือกไข่ก็แตกอย่างสมบูรณ์ ตามด้วยแสงสีขาวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกคนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้และต่าง ยื่นมือออกไปเพื่อปิดแสงที่จ้า ผิดปกติโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นไม่นานแสงก็ค่อยๆ สลายไป ทุกคนก็ลืมตาขึ้น และมองไปยังสถานที่ที่ไข่ลอยอยู่
ไม่มีอะไรทั้งนั้น! มีเปลือกไข่เพียงไม่กี่ชิ้นบนหนองน้ำแต่ไม่มีอย่างอื่นเลย!
สัตว์เทพอยู่ที่ไหน? สัตว์เทพในตำนานที่ดึงดูดสัตว์เวทย์นั่นล่ะ?
มีความเงียบงันเกิดขึ้นรอบๆ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้น ต่างพยายามหาและสังเกตสิ่งที่แปลกปลอมรอบตัว พวกเขามองหาร่องรอยของสัตว์เทพที่เพิ่งกำเนิดใหม่ แต่ไม่พบอะไรเลย!
ทันใดนั้นความเงียบรอบตัวก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงหนึ่ง
“จิ๊บ!” ไป๋ตี้ที่นั่งอยู่บนหัวของแคลร์ส่งเสียงออกมาอย่าง ไม่พอใจ
ทุกคนหันหน้าไปมองที่หัวของแคลร์แล้วพวกเขาก็อ้าปากค้างปาก สิ่งมีชีวิตตัวเล็กขนดำที่มีปีกขนาดเล็กบินอย่างเงียบๆ อยู่บนหัวของแคลร์ มันมีหัวกลม มีขนยาวปกคลุมร่างกลมๆ กรงเล็บขนาดเล็กและปีกเล็กๆ คู่หนึ่งที่ด้านหลังกระพือปีกอย่างเงียบๆ มันก็จ้องไป๋ตี้ ด้วยดวงตากลมโต
ไม่มีลมหายใจ! ไม่แปลกใจเลยที่ทุกคนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมัน
“นี่มันอะไรกัน?” ทุกคนขมวดคิ้วและมองสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่บินอยู่บนหัวของแคลร์ด้วยความสับสน แคลร์หันหน้าไปและสิ่งมีชีวิตตัวเล็กก็ขยับ ตาม นางจึงมองไม่เห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ นั้น
“มันคืออะไร?” แคลร์ถามอีกครั้ง
“ไม่รู้” ทุกคนส่ายหัว “แต่มัน กำลังมองไป๋ตี้”
เมื่อแคลร์ได้ยินเช่น นั้นก็ดึง ไป๋ตี้ลงมากอดทันที สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆก็บินตามลงมาพร้อมกับกระพือปีกจ้องไปที่ไป๋ตี้ ไป๋ตี้ก็จ้อง ไปที่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กตรงหน้า
ในที่สุดแคลร์ก็เห็นรูปร่างหน้าตาของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ อ้วนๆ ปีกที่อยู่ด้าน หลังของมัน บินได้ โดยไม่มีเสียงใดๆ แต่ทำไมมันถึงไป๋ตี้ ล่ะ?
“จิ๊บ!” ในขณะที่ ทุกคนงุนงง เจ้าตัวนั้นก็พุ่งมา ไป๋ตี้จึง ตบสัตว์ตัวน้อยนั่นด้วยกรงเล็บของเขา
“ฮู่ๆ!” สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ยังพุ่งเข้าใส่แขนของแคลร์อย่างรุนแรงและกัดหัวของไป๋ตี้
“จี๊บๆ!” “ฮู่ๆ!” “จี๊บๆ!” “ฮู่ๆ!”
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทั้งสองดูเหมือนลูกบอลที่ กลิ้งไปรอบๆ แขนของแคลร์
ทุกคนนิ่ง แคลร์กระตุกมุมปาก
สถานการณ์ตอนนี้คืออะไรกัน?
แคลร์รู้สึกงุนงง สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ อ้าปากและกัดที่แขนของแคลร์ พลังอันรุนแรง และ สยดสยองที่นาง คุ้นเคยก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ทันใดนั้น ไป๋ตี้ก็ตบหัวของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนั้น
แคลร์เข้าใจว่าในตอนนี้สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ต้องการบังคับให้นางสร้างพันธะเหมือนกับที่ไป๋ตี้เคยทำ! ลูกบอลเล็กๆ นี้มีความลึกลับพอๆ กับไป๋ตี้! หรือว่าเขาจะสามารถ แปลงร่างเป็นคนเหมือนไป๋ตี้ได้ด้วย?
“ฮู่ๆ!”
“จิ๊บๆ!”
สงครามระหว่างลูกชิ้นกับลูกชิ้นกลมๆ ได้ย้าย ลงไปสู่พื้นดินและสิ่งเล็กๆ ทั้งสองก็กลิ้งไปมาราวกับ ลูกบอล
ทุกคนมองฉากตรงหน้า พวกเขาตะลึงและไม่สามารถเข้าใจ ได้ สถานการณ์นี้คืออะไรกัน?
แคลร์ จ้อง ที่บาดแผลบน แขนของนาง จากนั้นก็มองไปที่หนูน้อยทั้งสองที่กำลังต่อสู้กัน นางขยับไปข้างหน้าและแยกเด็กน้อยทั้งสองออกจากกัน แต่ทันทีที่พวกเขาแยกจากกัน ลูกชิ้นอ้วนกลม ตัวน้อยก็พุ่งเข้ามากัดแคลร์เพื่อพยายาม สร้างพันธะอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาถูก ไป๋ตี้ตีอีกครั้ง และทั้งสองก็ ต่อสู้กันต่อไป แคลร์พยายามแยกทั้งสอง อยู่หลายครั้งแต่สถานการณ์ก็จบลงเช่นเดิม ในที่สุดแคลร์ก็ยอมแพ้ นางลุกขึ้นยืนพิงต้นไม้ข้างๆ และมองหนูน้อยทั้งสองที่ต่อสู้กันอยู่
“แคลร์ นี่มันอะไรกัน?” ซัมเมอร์พูดตะกุกตะกัก
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” แคลร์ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือเด็กน้อยสองตัวนี้ดูเหมือนจะมีความเกลียดชังต่อกันนะ”
คำพูดนี้ยิ่งทำให้ทุกคนงุนงง เด็กน้อยที่เพิ่งเกิดมาดูเหมือนจะรู้จักไป๋ตี้ และดูเหมือนว่าไป๋ตี้จะมีความเกลียดชังเขาอย่างมากเช่นกัน จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรล่ะ?
“แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี?” คามิลล์ก็ทำอะไรไม่ถูก สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสองตัวบนพื้น ตัวหนึ่งสีขาวและตัวหนึ่งสีดำกำลังต่อสู้กันอยู่
“ไปกันเถอะ” แคลร์ยักไหล่และเดินนำไปข้างหน้า ทุกคนงุนงง จะปล่อยให้ไป๋ตี้และสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่เรียกว่าสัตว์เทพที่จริงๆ ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรไว้อย่างนั้นจะดีหรือ?
แคลร์ก้าวไปข้างหน้าและคนอื่นๆ ก็ตามไป ด้วยความสับสน
ไป๋ตี้และเจ้าลูกบอลหยุดการเคลื่อนไหวทันทีเมื่อเห็นว่าทุกคนเดินจากไป ตัวหนึ่งกระโดดขึ้นและวิ่งตามแคลร์ ในขณะที่อีกตัวก็กระพือปีกไล่ตาม
เด็กน้อยทั้งสองวิ่งไล่ตามอย่างรวดเร็วจากนั้นก็เกาะไหล่ซ้ายและขวาของแคลร์ ทั้งสองจ้องมองกันและ พร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
“นี่คือสัตว์เทพหรือ?” ซัมเมอร์ขมวดคิ้วถาม
ทุกคนไม่สนใจ แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนมีความคิดเห็นเดียวกัน เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ใช่!
มีเพียงแคลร์เท่านั้นที่รู้ อยู่ในใจว่าลูกบอลสีดำตัวเล็กๆ นี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
คนทั้งกลุ่มเดิน กลับไปถึง สถานที่ตั้งแคมป์ เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ซัมเมอร์ก็กระโดดขึ้น ด้วยความโกรธ พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่มังกรดำที่ไร้มารยาทนี้ กำลังหลับหูหลับตานอนอยู่ตรงนั้น!
“เจ้ามังกรไร้มารยาท !” ซัมเมอร์รีบวิ่งไปหาเบนและตะคอก ไม่รู้ว่านางเอาความกล้ามาจากที่ไหน นางคว้าไหล่ของเบนและเขย่าตัวเขาให้ตื่น
“ห้ะ? หือ? มีอะไรหรือ?” เสียงของเบนดังขึ้น และเขาก็ลืมตาขึ้นถาม
ซัมเมอร์ดึงสิ่งที่เบนใช้อุดหูออกแล้วตะโกนใส่เบน “เจ้านอนอยู่ที่นี่จริงๆ หรือ รู้หรือไม่ว่าเมื่อกี้พวกเราเกือบตาย แคลร์ก็บาดเจ็บสาหัสและเกือบตายด้วย”
“อะไรนะ?” มังกรดำตะลึง จากนั้นก็หันหน้าไปมองแคลร์ด้วยความประหลาดใจและพูด “นางก็ดีอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“นั่นเป็นเพราะเหลิ่งหลิงยวิ๋นอยู่ที่นี่ด้วยไง” ซัมเมอร์เห็นท่าทีของมังกรดำก็ยิ่งโกรธ
“เอาล่ะ ซัมเมอร์ เรามีข้อตกลงว่ามังกรดำไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ง่ายๆ แม้ว่าเมื่อกี้จะอันตรายมาก แต่ตอนนี้ทุกคนก็ไม่เป็นไรแล้ว” แคลร์หยุดความบ้าคลั่งของซัมเมอร์ นางนั่งลงและพูดเบาๆ
“เฮ้ แคลร์ ลูกบอลสีดำบนไหล่ของเจ้ามาจากที่ไหน? สีดำลูกสีขาวลูก มันน่าสนใจจริงๆ” เบนเห็นสิ่งเล็กๆทั้งสองอย่างบนไหล่ของแคลร์และถามอย่างสงสัย
“เก็บมา” แคลร์ตอบ
“ฮู่ๆ!” ลูกบอลสีดำโบกอุ้งเท้า ดูเหมือนมันจะไม่พอใจกับคำตอบ ของแคลร์ พอมัน ร้อง ไป๋ตี้ก็ขู่และส่งเสียงร้องเช่นกัน จากนั้นก็โบกอุ้งเท้า เตือน