เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 111
ดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ค่อยๆ เปิดกลีบออก เสียงตื่นเต้นของดอกบัวสีทองดังขึ้นในใจของแคลร์ “ท่านแม่ ข้าอิ่มแล้ว ข้าจะไปฝึกต่อแล้ว ระดับในปัจจุบันของท่าน แม้ว่าท่านจะเจอกับคนที่มีระดับแข็งแกร่งกว่าท่านจนไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ท่านก็จะปลอดภัย ข้าไปก่อนแล้ว” ดอกบัวสีทองหายตัวไปทันทีโดยไม่รอให้แคลร์ตอบ ไม่ว่าแคลร์จะเรียกอย่างไร ดอกบัวสีทองก็ไม่ตอบเลย
แสงสีทองจางๆ ค่อยๆ หายไปจากร่างของแคลร์ แคลร์ลุกขึ้นยืน ช้าๆมองออกไปไกลๆ และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แผดเผาจากกลีบดอกไม้ที่ด้านหลังของนาง พลังยิ่งใหญ่ที่อธิบายไม่ได้วิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย แคลร์บีบมือขวาเบาๆ จะต้องมีวันที่ตราประทับสีดำนี้จะตื้นขึ้นได้สิ! นางไม่ใช่แกะตัวน้อยที่จะรอให้ใครฆ่าอย่างเชื่อฟังนะ เทพเจ้าแห่งความมืด! รอก่อนเถอะ สักวันหนึ่งข้าจะไม่ทำแค่ลบความอัปยศนี้ แต่ข้าจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม เป็นสองเท่าให้ได้!
“แคลร์!” ในที่สุดหลี่เยว่เหวินก็โล่งใจ นางรีบวิ่งไปพร้อมกับตะโกนเรียกไปด้วย
แคลร์ค่อยๆ หันไปมองคนข้างหลัง ทันใดนั้นรอยยิ้มแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึง ของทุกคน แคลร์อ้าแขนออก ใบหน้ายิ้มแย้ม และเดินถอยหลังไป
ข้างหลังแคลร์ก็คือเหว!
“แคลร์!”
เสียงที่ หวาดกลัวหลายๆ เสียงดังขึ้นในเวลาเดียวกัน และทุกคนก็วิ่งเข้าไปหานาง แคลร์กำลังจะทำอะไร? นางจะบ้าไปแล้วหรือ?? จะฆ่าตัวตายหรือไง? หัวใจของทุกคนแทบหยุดเต้น พวกเขารีบวิ่งไปที่ริมหน้าผาอย่างสุดชีวิต
เหลิ่งหลิงยวิ๋นรีบพุ่งไปข้างหน้าเตรียมจะบินลงไปใต้หน้าผาเพื่อรอรับแคลร์
แต่เมื่อทุกคนไปถึง ริมหน้าผา ลมหายใจร้อนก็พุ่งเข้าหาพวกเขาจนทำให้ พวกเขาตัวแข็ง
อากาศเคลื่อนไหวเบาๆและแสงสีทองปรากฏเบื้องหน้า เป็นประกายพราว
แคลร์ค่อยๆ ลอยขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาของนางก็ยิ้มอยู่เช่นกัน ร่างของนางลอยขึ้นอย่างช้าๆ
ทุกคนหยุดอยู่กับที่แล้วมองไปที่ฉากตรงหน้าด้วยความงุนงง
ที่หลังของแคลร์คือปีกเปลวไฟสีทองขนาดใหญ่คู่หนึ่ง!
เปลวไฟเปลี่ยนแปลงได้งั้นหรือ?!
แสงสีทองส่องสว่าง ใบหน้าและดวงตาของทุกคนตราตรึงไปกับความงดงามตรงหน้าจนพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสิ่งนี้! เปลวไฟเปลี่ยนเป็นปีกได้จริงๆ! เสื้อผ้าที่หลังของแคลร์ก็ยังคงสภาพเดิม เปลวไฟไม่ได้แผดเผาแคลร์และเสื้อผ้าของนางเลย
แคลร์กระพือปีกและบินขึ้นอย่างช้าๆ นางมองหน้าทุกคนพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของนาง “ข้าขอโทษทุกคนที่ทำให้เป็นห่วงนะ”
“ยัยเด็กตัวเหม็นนี่!” หลี่เยว่เหวินกลับมามีสติและตะโกนใส่แคลร์ที่บินอยู่ “เจ้ามาฝึกที่นี่กลางดึกโดยที่ไม่ได้นอนเนี่ยนะ เจ้ารู้ไหมว่าร่างกายของเจ้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่?”
“ข้าทำให้เจ้าเป็นห่วงเลยสินะ” แคลร์ยิ้มและกำลังจะบินลง แต่เห็นเงาสีขาวพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วจากที่ไกลๆ เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็สังเกตเห็นแล้วหันไปมองเงาสีขาวที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น นั่นคือคนที่มีความแข็งแกร่งไม่น้อยเลยด้วย!
ทุกคนที่อยู่บนพื้นมองตามสายตาของทั้งสองคนนั้นไปและเห็นคนที่บินเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็เข้าใจว่าคน ๆ นี้น่าจะเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์บนท้องฟ้าที่แคลร์ทำจึงตาม สิ่งนั้นมา
“ไปเถอะ เดี๋ยวจะมีคนมาอีก เดี๋ยวกลับไปเราค่อยคุยกัน” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดเบาๆ
“อืม” แคลร์พยักหน้า เมืองเฟิงหัวเป็นสถานที่ที่ซ่อนมังกรและเสือเอาไว้ ผู้คนที่ไปผจญภัยบนหุบเขาหลงทางได้ไม่ใช่คนธรรมดา อีกไม่ช้าคงจะมีคนมาอีกหลายคนแน่ๆ
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ชายคนนั้นก็เข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคนแล้ว เขาคือชายวัยกลางคนที่มีผิวพรรณที่น่ากลัว เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวมีริบบิ้นสีทองอยู่รอบเอว และให้ความรู้สึกบีบคั้นที่ไม่อาจบรรยายได้ เขาจ้องไปที่ปีกเปลวไฟที่ด้านหลังแคลร์
แคลร์และเหลิ่งหลิงยวิ๋นร่อนลงอย่างช้าๆ จากนั้นแคลร์ก็เก็บปีกเปลวไฟ
“ไปกันเถอะ” แคลร์พูดกับทุกคน
“เดี๋ยวก่อน สาวน้อย เจ้าเห็นหรือไม่ว่าใครทำให้เกิดเหตุการณ์บนท้องฟ้าเมื่อกี้นี้?” ชายวัยกลางคนถามอย่างเย็นชา ในใจของเขาไม่เชื่อว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาจะทำเช่นนั้นได้ เมื่อกี้มีฟ้าผ่า หลายครั้ง หากเป็นพวกเขา พวกเขาจะน่าจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน แต่ในขณะนี้คนเหล่านี้ทุกคนดูไม่เป็นไร เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็คงตามเหตุการณ์บนท้องฟ้ามาเช่นเดียวกับเขา พวกเขาคง อยู่ใกล้กว่าจึงมาถึงเร็วกว่าตนเอง
“ข้าไม่เห็น ไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้วตอนที่เรามาถึง” แคลร์ส่ายหัวเบาๆ และพูด
“เดี๋ยวก่อน สาวน้อย” แต่ชายผู้เย็นชาไม่คิดจะปล่อยแคลร์ไป
“อะไรหรือ?” แคลร์ถามเบาๆ
“เจ้าเป็นคนตระกูลโบราณหรือไม่?” ชายเย็นชาถาม เมื่อเขาถามเรื่องนี้ แสดงว่าเขาก็รู้เช่นกันว่าปีกเปลวไฟของแคลร์เมื่อกี้ไม่ใช่ พลังยุทธ์หรือเวทมนตร์
แคลร์ส่ายหัว นางไม่ได้คิดที่จะเข้าไปยุ่งกับชายเย็นชา จากนั้นแคลร์ก็หันไปอีกทางและ เริ่มเดินออกไปกับทุกคน
“เดี๋ยวก่อน!” แต่ชายเย็นชาก็บินไปตรงหน้าแคลร์และขัดขวางนางเอา ไว้
“มีอะไร?” แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีนิกายลี้ลับซ่อนอยู่ในทวีปนี้?” ชายผู้เย็นชาพูดด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง
แคลร์ผงะ ส่ายหัวแล้วมองไปที่คามิลล์
“นิก ายลี้ลับเป็นนิกายที่ทรงพลังและเป็นความลับในทวีป แถมยังอยู่ในจุดสูง สุดของทวีป ศิษย์ภายในนิยายล้วนไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาล้วนเป็นคนมาก ความสามารถที่ มีนามสกุลโบราณและ มีทักษะ โบราณเป็นของตัวเอง ภายในนิกายลี้ลับมี ทักษะโบราณหลายพันทักษะ หลายคนหวังว่าจะได้ฝึกฝนทักษะ เหล่านั้นและ หวังว่าจะสามารถเลือกทักษะ โบราณที่เหมาะกับพวกเขาได้อย่างอิสระ พลังเวทย์ และพลังยุทธ์มีอยู่จำกัด แต่ทักษะ โบราณมีมากมายไม่จบสิ้น นอกจากนี้เมื่อเข้าร่วมกับ นิกายลี้ลับแล้ว พวกเขา ต้องปฏิบัติตามกฎคือไม่ ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก ” คามิลล์พูดเช่นนั้นแล้วทุกคนก็ตกใจ เพราะคามิลล์ไม่เคยพูดเกินจริง หากเขาพูดเช่นนั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของนิกายลี้ลับที่ซ่อนอยู่นี้คงไม่สามารถจินตนาการได้เลย
ใบหน้าของเหลิงหลิงยวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้เรื่องนิกายลี้ลับ เพียงแค่เล็กน้อย พระสันตปาปาเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ เพราะนิก ายลี้ลับไม่เคยยุ่งเรื่องทางโลก ดังนั้นพระสันตปาปาจึงไม่ กังวลว่าพวกเขาจะคุกคามวิหารแห่งแสง แต่การที่นิก ายลี้ลับไม่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกนี้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีความสามารถ แต่พวกเขาแค่ไม่อยากยุ่ง หากนิก ายลี้ลับต้องการทำลายอาณาจักรจริงๆมันก็จะเป็นเรื่องง่ายดายในทันที
“ใช่ เจ้ารู้จักนิกายลี้ลับของเราดีทีเดียว” ชายผู้เย็นชายิ้มอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นก็มองแคลร์และพูด “ข้าคือหั่วซีหยู ผู้อาวุโสของโถงไฟแห่งนิกายลี้ลับ ข้ารู้สึกประหลาดใจที่เห็นสาวน้อยอย่างเจ้าในวันนี้ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนมีความสามารถมาก สาวน้อย เจ้าเต็มใจที่จะกลับไปที่นิก ายลี้ลับกับข้าและมาเป็นศิษย์โดยตรงของข้าหรือไม่?”
การเปิดรับลูกศิษย์ของผู้อาวุโสของโถงไฟแห่งนิก ายลี้ลับ น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน การเข้าสู่นิกายลี้ลับหมายถึงการยืนอยู่ใต้ร่มป้องกัน และร่มป้องกันนี้เป็นสิ่งที่วิหารแห่งแสงไม่สามารถทำลาย ได้ นั่นก็ หมายถึงการเริ่มต้นเดินบนถนนของผู้แข็งแกร่งนั่นเอง
“ไม่ล่ะ ขอบคุณสำหรับความกรุณา เรามีอะไรต้องทำอีก ข้าขอตัวไปก่อนนะ” แคลร์บอกปัดอย่างแผ่วเบาโดยไม่คิดแม้แต่น้อย
ใบหน้าของหั่วซีหยูเปลี่ยนไป เขาเอ่ยปากยอมรับลูกศิษย์ของเขาเป็นครั้งแรก ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น สาวน้อยผู้นี้ปฏิเสธเขาจริงๆ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อเจ้าเข้าสู่นิกายลี้ลับ อนาคตของเจ้าจะไร้ขีดจำกัดเลยนะ? ” หั่วซีหยูอธิบายด้วยความอดทน เขาคิดว่าสาวน้อยผู้นี้อาจไม่รู้จักพลังของนิกายลี้ลับก็ได้
“ข้าไม่สนใจ” แคลร์ตอบอย่างไม่แยแส นางไม่ต้องการถูกผูกมัดและนางก็มีอาจารย์ของตัวเองแล้ว ห้าม ยุ่งเรื่องทางโลกงั้นหรือ? นางทิ้งตระกูลฮิลล์ไปไม่ได้หรอก นางยังมีแม่ผู้อ่อนโยนและราเซียผู้เอาแต่ใจแต่ตรงไปตรงมาอยู่อีก
ในที่สุดท่าทางของหั่วซีหยูก็ไม่สามารถอดกลั้นได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีกี่คนที่ต้องการเข้าร่วมกับนิยายแต่ไม่สามารถเข้าได้ ข้าไม่ได้เจาะจงว่าเจ้าจะต้องมีนามสกุลโบราณเลย ข้ายกเว้นข้อนี้และ ยอมรับเจ้าเป็นศิษย์ เจ้าปฏิเสธได้อย่างไร!” หั่วซีหยูโกรธ ในความคิดของเขาสิ่งนี้คือ ของขวัญที่ดีมาก การยกเว้นคนที่ไม่ได้มีนามสกุลเก่าแก่และอีกฝ่ายเป็นแค่สาวน้อยตัวเล็กๆ เท่านั้น แต่นางกล้าปฏิเสธทันทีเลย
เมื่อแคลร์ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วและพูด “การยอมรับข้าเป็นศิษย์นั้นคือสิ่งที่ท่านต้องการ ข้าไม่รู้หรอกว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่ข้ามีอาจารย์แล้ว”
“ความสามารถของเจ้าเหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเป็นศิษย์ของข้า เจ้าต้องตามข้ามาเดี๋ยวนี้” หั่วซีหยูเมินคำพูดของแคลร์และบินไปข้างหน้ายื่นและมือออกไปจับแคลร์ไว้อย่างหยิ่งผยอง
เคร้ง!
จินเหยียนชักดาบออกมาเพื่อขวางเขา จินเหยียนโบกดาบและเหวี่ยงไปทางหั่วซีหยู แต่ในวินาทีต่อมาพลังที่ทรงอำนาจและน่ากลัวก็ระเบิดขึ้น หั่วซีหยูโกรธมากและโบกมือทันที พลัง ที่สามารถมองเห็นได้โจมตีไปที่จินเหยียน สีหน้า ของจินเหยียนเปลี่ยนไปทันที เขาระเบิดพลังยุทธ์และโบกดาบเพื่อสกัดกั้นมันไว้
จินเหยียนถูกพลังนั้นขับไล่อย่างต่อเนื่อง เขาทิ้งรอยไว้ที่พื้นเป็นแนวยาว
“หึ! ก็แค่นักดาบศักดิ์สิทธิ์” หั่วซีหยูยิ้มเยาะและพูดอย่างเหยียดหยาม ประโยคนั้นชี้ให้เห็นว่าเขารู้ ระดับความแข็งแกร่งของจินเหยียน แต่ น้ำเสียงของเขา ดูหมิ่น
“อย่าทำอะไรใครทั้งนั้น ” ใบหน้าของแคลร์เปลี่ยนเป็นเย็นชา ฟังจากน้ำเสียงของคามิลล์ แคลร์ก็รู้ว่านิกายลี้ลับนี้ไม่ใช่คนธรรมดา นิยายนี้อยู่ที่จุดสูงสุดของทวีป และสามารถทำให้คามิลล์ผู้หลงตัวเองพูดถึงนิก ายแบบนี้ได้ จะธรรมดาได้หรือ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากขัดแย้งกับนิกายที่ทรงพลังเช่นนี้
“ข้ายอม ยกเว้นข้อจำกัดและ จะรับเจ้าเป็นศิษย์ มันเป็นของขวัญที่ดีมากนะ ไปด้วยกันเถอะ!” หั่วซีหยูพูดอย่างเย็นชาและเย่อหยิ่ง เขายื่นมือออกไปจับมือของแคลร์
“ทั้งรังแกผู้คน ทั้งวางอำนาจ! นิกายลี้ลับแบบไหนกัน บังคับคนอื่นให้ทำใน สิ่งที่ไม่อยากทำแล้วยังบังคับให้ไปเป็นศิษย์อีก! นิกายลี้ลับเป็นนิกายไม่ดีเช่นนี้เองหรือ?” หลี่เยว่เหวินหยิบกริชออกมาขวางที่หน้าแคลร์ไว้แล้วด่า
อย่านะ! ยังไม่ทันที่แคลร์จะพูดออกไป หั่วซีหยูก็ระเบิดแล้ว
“เจ้ากล้ามากนะ!” หั่วซีหยูพูด จากนั้นคลื่นรุนแรงในมือของเขาที่มีพลังมหาศาลก็โจมตีหลี่เยว่เหวินอย่างรุนแรง เหลิ่งหลิงยวิ๋นกางเขตกั้นเวทย์ทันที ส่วนแคลร์ก็รีบดึงหลี่เยว่เหวินไปข้างหลังนาง กำแพงกั้นของเหลิ่งหลิงยวิ๋นกำลังอ่อนแอลง ในขณะนี้พลังนั้นได้ทำลายเขตกั้นและโจมตีใส่แคลร์โดยตรง
……………………………………………………………………………..