เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 123
“นี่คือลูกพี่ลูกน้องของข้าชื่อว่าหลานเยว่ นางเป็นน้องสาวของหลานหลิง” หลี่หมิงหยู่แนะนำตามที่แคลร์บอก
“คำนับองค์รัชทายาทเพคะ” แคลร์ทำความเคารพอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
“เหอะๆ คุณหนูหลาน สวัสดี” องค์รัชทายาทยิ้มเล็กน้อยแล้วก็แอบแปลกใจ เด็กสาวผู้นี้อายุน้อยมาก แต่มีคุณสมบัติที่สวยงามเช่นนี้ คาดได้เลยว่าเมื่อนางเติบโตขึ้นจะงดงามมากแค่ไหน นางจะต้องไม่แพ้หลานหลิงผู้เป็นพี่สาวของนางแน่นอน
“ฝ่าบาทเพคะ นี่คือดาบที่พี่สาวของข้าจะชดใช้ให้เพคะ” แคลร์หยิบกล่องในมือของหลี่หมิงหยู่แล้วยื่นให้องค์รัชทายาท
“นี่…” องค์รัชทายาทรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย
“พี่สาวของข้าบอกว่านางทำให้ดาบของฝ่าบาทเสียหายในวันนั้น นางรู้สึกเสียใจจริงๆ เพคะ” แคลร์ยกกล่องขึ้นมาและ ไม่ได้มีท่าทีจะเอาคืน
องค์รัชทายาทหยิบกล่องมา แต่ดวงตาของเขายังไม่นิ่งเลย หลี่หมิงหยู่รู้สึกขำ เป็นอย่างที่แคลร์คาดไว้ องค์รัชทายาทกำลังมองหาหลานหลิง
“ฝ่าบาท หากไม่ยุ่งอะไร อยู่รับประทานอาหารกลางวันด้วยกันนะพะย่ะค่ะ” หลี่หมิงหยู่ยิ้ม
“ก็ดีเหมือนกัน ว่าแต่คุณหนูหลานไม่อยู่หรือ?” ในที่สุดองค์รัชทายาทก็อดกลั้นไม่ได้และถามออกมา
“นางมาที่ประเทศของเราเป็นครั้งแรก จึงรู้สึกไม่ค่อยสบาย นางพักผ่อนอยู่ในห้องพะย่ะค่ะ” หลี่หมิงหยู่พูดโกหกไป
“อ๋อ เป็นเช่นนี้นี่เอง” องค์รัชทายาทนิ่ง ความน่าเชื่อของประโยคนี้ดูจะไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ว่าหลานหลิงทำเช่นนี้ทำไม ไม่มีใครได้พบนางเลย แม้แต่เขาเองก็ไม่ได้พบหรือ? หรือว่านางจะไม่สบายจริงๆ
ในตอนเที่ยง ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลหลี่ต่างก็ประหลาดใจ ที่ได้รับประทานอาหารกับองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น? ตอนนี้องค์รัชทายาทนั่งอยู่ด้านหน้าสุด เขากำลังพูดคุยและหัวเราะอยู่กับหลี่หมิงหยู่
แคลร์ทานอาหารอย่างสงบ หางตาเห็นองค์รัชทายาทดูเหม่อลอยก็เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไร แคลร์แอบถอนหายใจ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าองค์รัชทายาทเองก็เป็นเช่นคนธรรมดาที่หลงใหลหลานหลิงเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็มีอาการเบื้องต้น อยู่ แต่แคลร์ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะว่านางมองออกว่าองค์รัชทายาทไม่ใช่คนธรรมดา เขารู้วิธีจัดการกับสถานการณ์ เมื่ออยู่ในสถานการณ์จริงจัง เขาจะต้องเลิกตามหลานหลิงและรักษาสถานการณ์เอาไว้แน่นอน คนเช่นนี้แหละ จึงจะเป็นราชาอย่างแท้จริง
จนกระทั่งจบมื้ออาหาร องค์รัชทายาทก็ยังคงไม่ได้พบคนที่อยากพบ แต่ว่าจะพูดออกไปตรงๆ ก็ดูไม่ดี จึงต้องลากลับไปเช่นนี้
ประตูบ้านของตระกูลหลี่ยังคงมีผู้คนพลุกพล่าน ดอกไม้ ของขวัญ และคำเชิญมาไม่ขาดสาย หลี่หมิงหยู่ต้องจัดการอย่างยากลำบาก ผู้อาวุโสของตระกูลหลี่รู้สึกตื่นเต้นมาก เป็นเวลานานแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ตระกูลหลี่จะเปล่งประกายอีกครั้งได้หรือไม่? สายตาที่คนเหล่านี้มองหลี่หมิงหยู่และแคลร์แตกต่างไปจากเดิมแล้ว เมื่อก่อนพอเจอแคลร์ พวกเขาก็จะทั้งเกลียดทั้งกลัว ตอนนี้เปลี่ยนเป็น ประจบและคาดหวังแล้ว พวกเขาเห็นความหวังที่ตระกูลหลี่จะเปล่งประกายอีกครั้ง! ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์เหล่านั้นจะกลับมาอีกครั้งใช่หรือไม่? คิดแล้วก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้นมาก พวกเขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าใคร จะเป็นคนที่นำ ความรุ่งโรจน์กลับคืนมาได้
ตกกลางคืน แคลร์ยืนเงียบๆ อยู่คนเดียวบนหลังคา มีลมพัดผ่านใบหน้าของนางเบาๆ ความคิดของนางล่องลอยไปไกล การฟื้นฟูตระกูลหลี่ครั้งนี้กลับเป็นการทำให้ ประเทศลากัคมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น นี่มันถูกหรือผิดกันนะ? หากท่านปู่รู้เข้า เขาจะทำโทษนางหรือไม่? แล้วหากท่านแม่รู้เข้า นางจะยินดีหรือไม่?
“คุณภรรยา เจ้ากังวลอะไรอยู่หรือ? ท่าทางเช่นนี้ไม่เหมาะกับเจ้าเลยสักนิด” จู่ๆ เสียงที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามาในหูของแคลร์
ทันใดนั้นม่านตาของแคลร์ก็ขยายออก พอนางหันกลับมาก็เห็นคนที่ลอยอยู่ข้างๆ
“เฟิงอี้เซวียน…” แคลร์มองคนตรงหน้าด้วยความงุนงง ผมยาวสีแดงเพลิงยังคงดูพลิ้วไหว ดวงตาสีเข้มจ้องมองมาที่แคลร์ เขาลอยอยู่ในอากาศมองและยิ้มให้นาง อยู่ แคลร์ไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเขาเข้ามาใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่!
เดี๋ยวนะ! แคลร์มองไปที่เฟิงอี้เซวียนด้วยดวงตาเบิกกว้าง ตอนนี้เขาลอยอยู่ในอากาศ? มีลมอ่อนๆ หมุนอยู่รอบๆ เฟิงอี้เซวียนงั้นหรือ?! เมื่อมอง อย่างละเอียด ด้านหลังของเฟิงอี้เซวียนมีปีกอยู่คู่หนึ่ง มันโปร่งใสจนมองไม่เห็น! มันคือปีกที่เกิดจากอากาศที่ควบแน่น! แคลร์มองตรงไปที่เฟิงอี้เซวียน เขาไม่เหมือนกับตอนก่อนหน้านี้แล้ว แคลร์มองไปที่เฟิงอี้เซวียนอย่างตั้งใจ แล้วเขา ก็ลงมายืนข้างๆ แคลร์แล้วยิ้ม
“เจ้าดูแตกต่างไปจากเดิมนะ” แคลร์พูดอย่างจริงจัง ใช่ เฟิงอี้เซวียนให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากเดิมไปหมด มันต่างจากเฟิงอี้เซวียนก่อนหน้านี้ไปมากเลย เขาเปลี่ยนไปแล้ว! เขาแข็งแกร่งมากด้วย!
“ผนึกของข้าคลายออกแล้ว” เฟิงอี้เซวียนยิ้ม “ต่อไปข้าสามารถปกป้องคุณภรรยาได้แล้ว ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถลบตราประทับที่มือของเจ้าได้” แม้ว่าเฟิงอี้เซวียนจะยิ้มอยู่ แต่ในแววตานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
“เจ้าไม่ใช่นักเวทย์ธาตุน้ำแข็งหรอกหรือ?” แคลร์มองไปที่ปีกของเฟิงอี้เซวียนด้วยความสับสน
“ตอนนี้เป็นทั้งธาตุลมและธาตุน้ำแข็งเลย” เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างเด็ดขาด “เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าเก่งมากใช่หรือไม่? ตอนนี้ข้าเป็นนักเวทย์สองธาตุแล้วนะ”
“เจ้าปลดผนึกแล้วหรือ?” สายตาของแคลร์งุนงงแล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าจำได้ว่าสุ่ยเหวินโม่เคยพูดว่าเจ้าไม่สามารถทนพลังของผนึกที่จะปลดออกได้ในตอนนั้น เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับผนึกล่ะ?”
“ตอนนี้ที่ข้ายืนต่อหน้าเจ้าก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ?” เฟิงอี้เซวียนยักไหล่แล้วพูดอย่างผ่อนคลาย “ผนึกของข้าถูกปิดผนึกไว้ตั้งแต่ข้าเกิด เพราะว่าทุกๆ สองสามรุ่นในตระกูลเฟิงของเราจะมีคนที่แปลกคนหนึ่ง เป็นคนที่ครอบครองพลังลมที่แข็งแกร่ง แต่เนื่องจากพลังนั้นแข็งแกร่งมากเกินไป คนส่วนมากยังไม่ทันได้ใช้ก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ โดยใบมีดลมนับพันที่ระเบิดออกมาจากร่างของพวกเขา ดังนั้นเมื่อมีคนที่มีพลังเช่นนี้ถือกำเนิด ขึ้น คนๆ นี้ก็จะถูกปิดผนึกพลังตั้งแต่แรกเกิดเลย” เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างสบายๆ แต่แคลร์เข้าใจดีว่าพฤติกรรมของเฟิงอี้เซวียนนั้นเสี่ยงแค่ไหน ไม่แปลกใจที่สุ่ยเหวินโม่จะพยายามห้ามไม่ให้เขาปลดผนึก หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อย เขาก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆได้เลย
“ฮ่า ตอนนี้ข้าสบายดีแล้ว ว้าว คุณภรรยา เจ้ายังสวมถุงมือที่ข้าให้ไว้อยู่เลย ฮ่าๆ วันหนึ่งข้าจะถอดถุงมือนี้ให้เจ้าเอง…” เฟิงอี้เซวียนคว้ามือขวาของแคลร์แล้วหัวเราะอย่างมีความสุข ประโยคหลังนั้นพูดออกไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียว หมัดของแคลร์ก็ทักทายใบหน้าหล่อเหลาของเฟิงอี้เซวียนเข้าแล้ว
เฟิงอี้เซวียนเอามือกุมใบหน้าร้องแล้วย่อตัวลง
แคลร์เก็บหมัดด้วยสีหน้าเย็นชาและพูด “หากเจ้าพูดมั่วซั่วอีก ข้าจะต่อยเจ้าให้ทั่วหน้า และถ้าเจ้ามาแตะเนื้อต้องตัวข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้า”
เฟิงอี้เซวียนปิดหน้าและคร่ำครวญ “ที่นี่ไม่มีคนอื่นนี่…”
สายตาของแคลร์เย็นชา เฟิงอี้เซวียนรีบปิดปากสนิททันที
แคลร์มองเฟิงอี้เซวียนที่ยังคงนั่งยองๆ อยู่ที่พื้น แต่หัวใจของนางกลับรู้สึกซับซ้อน เขาเสี่ยงชีวิตไปปลดผนึกมาจริงๆ
“จริงสิ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร? เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่” แคลร์นึกถึงเรื่องนี้
“หึหึ…” เฟิงอี้เซวียนลุกขึ้นมายิ้มอย่างภูมิใจ “ข้าต้องรู้แน่นอนสิ เจ้าเข้าเมืองมาเมื่อไหร่ข้าก็รู้ และข้าก็รู้ด้วยว่าอีกสองเดือนเจ้าจะเป็นตัวแทนของตระกูลหลี่ในการแข่งขัน”
แคลร์มีประกายในแววตาตา ใช่แล้ว ตระกูลเฟิงคือหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมือง เรื่องพวกนี้จะไม่รู้ ได้อย่างไรล่ะ?
“ใช่ อีกสองเดือนข้าจะเป็นตัวแทนตระกูลหลี่เข้าร่วมกระแข่งขัน” แคลร์พยักหน้าเบาๆ
“ถึงตอนนั้น ข้าจะเป็นตัวแทนของตระกูลเฟิง เหวินโม่เป็นตัวแทนตระกูลสุ่ยและตระกูลฮว๋าที่เป็นคู่แข่งของตระกูลหลี่มายาวนานจะส่งฮว๋าอี้หลินเข้าร่วม คนผู้นี้ดุร้ายและเจ้าเล่ห์ แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ธรรมดาเลย เมื่อก่อนข้าและเหวินโม่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย แต่ว่าคราวนี้ ฮึ่ม!” เฟิงอี้เซวียนพูดเช่นนี้และปิดท้ายด้วยน้ำเสียง เย็นชา เห็นได้ชัดว่าเฟิงอี้เซวียนและสุ่ยเหวินโม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานจากน้ำมือของฮว๋าอี้หลินมาก่อนแน่ๆ
แคลร์เงียบลงแล้วครุ่นคิด
“หวังว่าข้าจะได้พบกับเขานะ ข้าจะจัดการเขาซะ” เฟิงอี้เซวียนกัดฟันและพูดอย่างเย็นชา เขาไม่อยากให้แคลร์ พบกับคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากเช่นนั้น มันอันตรายเกินไป เพราะว่าถึงแม้การแข่งขันนี้จะ เป็นเพียงการแข่งขันกระชับมิตร แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่สามารถ ตามใครมารับผิดชอบได้ เขาไม่อยากให้แคลร์เจอคนบ้าคลั่งอย่างฮว๋าอี้หลินทันทีที่เข้าร่วม
“เขาเป็นนักเวทย์หรือนักรบ?” แคลร์ถาม
“ทั้งสอง ที่จริงแล้ว แคลร์ คนผู้นั้นไม่สามารถเรียกว่าเป็นนักเวทย์หรือนักรบได้เลย เคล็ดวิชาทักษะโบราณของเขาสามารถจัดการกับน้ำได้และเขาก็สามารถเปลี่ยนน้ำให้เป็นรูปร่างต่างๆแถมยังบีบอัดน้ำในอากาศเพื่อโจมตีได้ด้วย เขาเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก” สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
“ข้าเข้าใจแล้ว” แคลร์พยักหน้า นางต้องสอบถามให้ชัดเจน หากจับสลากได้เผชิญหน้ากับเขา นางจะได้สามารถประเมินของนาง และคู่ต่อสู้ได้
“แคลร์ ข้าต้องกลับแล้ว ข้ามีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อีกสองเดือนเจอกันนะ คุณภรรยา เจ้าต้องดูแลร่างกายของเจ้าด้วยนะ” เฟิงอี้เซวียนไม่รอให้แคลร์ตอบ และ บินขึ้นไปในอากาศ เขามองแคลร์พร้อมกับกระพือปีกลมที่อยู่ข้างหลังเขาและจากไป
แคลร์มองแผ่นหลังของเฟิงอี้เซวียนที่หายไปในยามค่ำคืน นางไม่ได้พูดอะไร เป็นเวลานาน
“เขาช่างเป็นห่วงเจ้าจริงๆ นะ จงใจมาบอกเจ้าเกี่ยวกับฮว๋าอี้หลินเลย” จู่ๆเสียงของหลี่เยว่เหวินก็ดังมาจากด้านหลัง
“พี่สาว” แคลร์มองกลับไปและ เห็นใบหน้าเฉยเมยของหลี่เยว่เหวิน
“เด็กผู้นั้นคือเฟิงอี้เซวียนหรือ?” แม้ว่าจะถาม แต่น้ำเสียงของนางก็มีความมั่นใจอยู่แล้ว
“อืม” แคลร์พยักหน้า
“เด็กผู้นี้ที่ไปที่อันพาแกรนด์เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนั้นแล้วพ่ายแพ้ต่อเจ้าจนกลายเป็นเรื่องตลกน่ะหรือ เขากลับมาที่นี่ก็ถูกแม่หญิงทีเร็กซ์ผู้เป็นแม่ของเขาไล่ล่า อยู่นานเลยล่ะ” รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลี่เยว่เหวิน
แคลร์นิ่ง หากหลี่เยว่เหวินไม่พูด นางก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
“แต่ว่าคราวนี้ถ้าหากเจ้าได้ประลองกับเขาจริงๆ เขาจะจัดการอย่างไรล่ะ?” หลี่เยว่เหวินกอดอกแล้วถาม
ประลองกับเฟิงอี้เซวียนหรือ มันจะเป็นอย่างไรนะ?
แคลร์มองไปที่ความมืดยามค่ำคืน เงียบๆ
“จริงสิ แคลร์ ตระกูลอินเทอร์ตกลงว่าจะให้หุ้นเรา 5% โดยไม่มีเงื่อนไขแล้ว พวกเขา เห็นด้วยมากๆ เลยล่ะ” หลี่เยว่เหวินพูดด้วยความดีใจ
…………………………………………………………………………….