เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 124
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว” แคลร์ตอบอย่างหงุดหงิด พี่สาวผู้นี้มีฝีมือมาก แต่ทางด้านการค้าขายเป็นศูนย์เลยจริงๆ
“แคลร์ เจ้านี่เก่งจริงๆ” หลี่เยว่เหวินชื่นชมจากใจจริง ยิ่งมองลูกพี่ลูกน้องของนางผู้นี้ นางก็ยิ่งชื่นชม
“จริงสิ ร้านขายอาวุธเปิดแล้วหรือยัง? ร้านเสื้อผ้าล่ะตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? คามิลล์เลือกคนได้แล้วหรือยังล่ะ?” แคลร์นั่งลงแล้วถาม
“เปิดแล้ว มีคนสนใจเยอะมาก พอเปิดร้านก็มีคำสั่งซื้อมากมายเลย ทุกคนล้วนแต่สั่งว่าอยากได้ดาบแบบที่เราเอาไปที่งานระดมทุนวันนั้น ร้านเสื้อผ้าก็ทำตามที่เจ้าบอก เราส่งชุดไปให้องค์หญิงก่อนสองสามชุด เสื้อผ้า แบบต่างๆ ก็จะมีการเปิดตัวใหม่ในทุกๆ สองสามเดือนตามที่เจ้าบอก” หลี่เยว่เหวินรายงาน “การแสดงที่งานประมูลได้ผลดีจริงๆ จินตนาการได้เลยว่าร้านจะเป็นที่นิยมมากแค่ไหน ส่วนคามิลล์ก็เลือกคนมาสองสามคนแล้ว ตอนนี้กำลังทำงานกันอย่างหนักอยู่ในห้องหนังสือน่ะ”
“อืม พวกผู้อาวุโสมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างหรือไม่? มีแนวโน้มว่าจะไม่พอใจแล้วหนีไปอยู่ฝ่ายตระกูลฮว๋าบ้างหรือเปล่า?” แคลร์ลูบคางแล้วนึกถึงเรื่องนี้
“เรื่องนี้เจ้าวางใจเถอะแคลร์ แม้ว่าผู้อาวุโสพวกนั้นจะไม่คิดอยากจะก้าวหน้า แต่พวกเขายึดมั่นเรื่องเกียรติของตระกูล มาก พวกเขาอยู่อย่างภาคภูมิใจที่ได้เกิดในตระกูลหลี่ ไม่มีทางที่จะทรยศแล้วออกไปหรอก อีกทั้งไม่เคยมีเรื่องทรยศเช่นนี้เกิดขึ้นเลยด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงคัดค้านเรื่องแม่ของเจ้าไง ตอนนี้น่ะ…” หลี่เยว่เหวินนั่งลงแล้วยกมุมปากขึ้น “ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองว่าเจ้าเป็นดาวแห่งการช่วยเหลือไปแล้ว พวกเขาต่างอยากจะสนิทกับเจ้า อยากจะไปทำงานที่ร้านขายอาวุธกับร้านขายเสื้อผ้า ตอนนี้พวกเขาแทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย แถมผู้อาวุโสเหล่านั้นก็อยากจะพบเจ้าและอยากพูดคุยกับเจ้า แต่ถูกข้ากันเอาไว้ตลอดน่ะ”
“ให้พวกเขาทำงาน เต็มที่กับโรงหล่อก็พอแล้ว” แคลร์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “พี่สาว…”
“หืม?” หลี่เยว่เหวินหันไปมองแคลร์ แต่กลับเห็นความเศร้าจางๆ อยู่ที่ใบหน้าของแคลร์ “ทำไมหรือ?” หลี่เยว่เหวินสังเกตเห็นบรรยากาศแปลกๆ
“ข้าจะเป็นคนทำความปรารถนาในใจของท่านแม่ เป็นจริงเอง การที่ตระกูลหลี่ฟื้นฟูขึ้นมาได้ ข้าเชื่อว่านี่คือ สิ่งที่ท่านแม่อยากจะเห็นที่สุด แต่ว่าเมื่อตระกูลหลี่ฟื้นฟูแล้ว ความแข็งแกร่งของลากัคก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ความสัมพันธ์ของลากัคกับอันพาแกรนด์ยิ่งนานวันก็ยิ่งตึงเครียด…”
“แคลร์!” แคลร์ยังพูดไม่ทันจบ หลี่เยว่เหวินก็ขัดคำพูดของนางไว้ก่อน “มองข้าสิ แคลร์”
แคลร์หันไปช้าๆ มองสีหน้าที่เคร่งขรึมของหลี่เยว่เหวินด้วยความงุนงง
“แคลร์ ถึงแม้เจ้าจะพูดว่าเจ้าอยาก กลับไปที่บ้านตระกูลฮิลล์ตอนนี้ ข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า เจ้าจะทำอะไรข้าก็จะไม่บังคับหรือห้ามทั้งนั้น ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้าเป็นทุกข์ ถ้าวันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ หากลากัคจะต้องปะทะกับอันพาแกรนด์ ข้าก็จะทำเต็มความสามารถของข้า…” หลี่เยว่เหวินยังพูดไม่จบ แคลร์ก็มีรอยยิ้มขึ้นมา
“พี่สาว เรื่องที่ข้าตัดสินใจแล้วข้าจะไม่เปลี่ยนแปลงหรอก แล้วข้าก็จะไม่เสียใจด้วย เอาไว้ถึงวันนั้นจริงๆ ค่อยว่ากัน ไม่ว่าจะมีสงครามหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่พี่กับข้าพูดกันข้าไม่นับ เรื่องอนาคตเรามองไม่เห็นหรอก ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ ข้าก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องคนที่ข้าห่วงใยเช่นกัน ดังนั้นพี่ไม่ต้องกังวล ข้าจะต้องแข็งแกร่ง ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ให้ได้” แววตาของแคลร์มีประกายแห่งความยืดหยัดอยู่ในนั้น
“ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน” หลี่เยว่เหวินมองแคลร์แล้วพูดอย่างหนักแน่น “อีกสองเดือนก็จะถึงงานแข่งขันแล้ว เจ้าเตรียมตัวอย่างไรบ้าง? ดาบชังหลันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่พิเศษหรือไม่?”
“ดาบห่วยๆ นี่น่ะหรือ?” แคลร์เอาดาบชังหลันออกมาจากแหวนมิติแล้วก็โบกไปมาในมือ จากนั้นก็ยกมุมปากแล้วพูด “ข้าไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนที่พิเศษเลย ของสิ่งนี้มันมีประโยชน์อะไรกัน?”
ดาบห่วยๆ? หลี่เยว่เหวินมุมปากกระตุก สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างจากความเพียรพยายามหลายชั่วอายุคนของตระกูลหลี่ถูกเรียกว่าดาบห่วยๆ เนี่ยนะ?
ทันใดนั้น จู่ๆ ก็เกิดความผิดปกติขึ้น
ดาบในมือของแคลร์เริ่มสั่น ดูเหมือนว่ามันกำลังประท้วงอยู่
“ทำไม? ข้าว่าเจ้า เจ้าไม่พอใจงั้นหรือ? ข้าก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะเจ๋งสักเท่าไหร่เลย” แคลร์เหยียดนิ้วแล้วเคาะไปที่ดาบอย่างไม่เกรงใจ
หลี่เยว่เหวินทำได้เพียงแค่อึ้งอยู่อย่างนั้นแล้วก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา ดาบชังหลันเดิมทีเป็นสิ่งที่มีจิตวิญญาณ การที่เป็นเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ว่าดาบชังหลันกับแคลร์ดูเหมือนเด็กที่เถียงกันแล้วไม่มีใครยอมใคร มีเสียงเคาะดัง เรื่อยๆ และ การสั่นสะเทือนก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ดาบชังหลันในมือของแคลร์ยิ่งสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดแคลร์ก็รู้สึกว่านี่ ไม่ปกติแล้ว ดาบชังหลันไม่เหมือนกำลังประท้วง แต่มันเหมือนกำลังเตือน!
แต่ว่า มันกำลังเตือนอะไรล่ะ?
แคลร์รีบลุกขึ้นยืนแล้วมองไปในความมืดยามค่ำคืน ขมวดคิ้วแล้วถาม “นั่นใคร?” มีสัญญาณเตือนอย่างรุนแรงเกิดขึ้นในใจ ใครกัน? ใครที่กำลังซ่อนตัวอยู่รอบๆ นี้ นางไม่สามารถรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายได้เลย หากดาบชังหลันไม่เตือน แคลร์ก็ไม่รู้เลยว่ามีคนซ่อนตัวอยู่แถวนี้
สีหน้าของหลี่เยว่เหวินก็เปลี่ยนไป แถวนี้มีคนอยู่งั้นหรือ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ความสามารถของคนผู้นั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว นางไม่สามารถสัมผัสได้เลย!
วืบ…
มีการโจมตีพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นในอากาศ เท้าของแคลร์เขย่งขึ้นเล็กน้อยเพื่อหลบอย่างรวดเร็ว นางหันไปมองก็เห็นคนใส่ชุดดำกำลังลอยอยู่ในอากาศ คนชุดดำนั้นปกปิดตัวเอง ไว้อย่างแน่นหนา แคลร์รู้สึกได้เพียงสายตาชาเย็นชาที่มองมา หลี่เยว่เหวินก็คุ้มกันอย่างเต็มที่ นางมองไปที่คนที่ลอยอยู่ในอากาศแล้วหลี่เยว่เหวินก็รู้สึกไม่ดี นางรู้ว่าคนตรงหน้าแข็งแกร่งมาก นาง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลย
ไม่รอให้แคลร์ได้สติดีนัก คนชุดดำที่ลอยอยู่ในอากาศก็ชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้ามาหาแคลร์ นางจึง เอาดาบออกไปกันไว้
เสียงดาบประทบกันแล้วมีประกายไฟเล็กๆ กระเด็นออกมา
เสียงอาวุธกระทบกันดังชัดเจนมากในค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้
“เจ้าคือใคร?” หลี่เยว่เหวินดึงกริชออกมาแล้วมองไปที่คนนั้นอย่างโกรธแค้น ในใจของนางก็เป็นกังวลอย่างมาก ฝีมือของคนผู้นี้ไม่อาจรู้ได้เลย จู่ๆ ก็เข้าโจมตีแคลร์ คิดจะทำอะไรกันแน่? คนของตระกูลฮว๋างั้นหรือ? ไม่มีทาง แคลร์ไม่ได้ออกไปปรากฏตัวที่ไหน ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะพุ่งเป้ามาที่แคลร์ ตระกูลฮว๋าก็ไม่มีใครรู้เรื่องการตายของฮว๋าหนานเทียนว่าเป็นฝีมือของแคลร์
ใบหน้าของแคลร์เคร่งขรึม ฝีมือของอีกฝ่าย เหนือการคาดหมายของนาง
“หากไม่อยากให้ตระกูลหลี่ต้องถูกทำลาย ก็ตามข้ามา” คนชุดดำพูด จากนั้นก็เก็บดาบแล้วหมุนตัวบินออกไป
หลี่เยว่เหวินและแคลร์ฟังออกเลยว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง! แม้ว่าจะตั้งใจกดเสียงต่ำแต่นางเป็นผู้หญิงแน่ๆ
แคลร์ไม่ลังเลใดๆ นางเก็บดาบแล้วกางปีกเปลวไฟสีทองตามไปเลย
“แคลร์! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หลี่เยว่เหวินเห็นแคลร์ตามคนชุดดำไปก็ร้องตะโกนอย่างร้อนใจ แต่แผ่นหลังของแคลร์กับคนชุดดำก็หายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว หลี่เยว่เหวินอยากจะตามไป แต่ก็เข้าใจดีว่าหากตนเองตามไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย หลี่เยว่เหวินรีบลงไปหามังกรดำ มีเพียงมังกรดำเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับคนชุดดำผู้นั้นได้
เวลานี้แคลร์กำลังตามหลังคนชุดดำไปติดๆ มีสิ่งหนึ่งที่แคลร์มั่นใจคือคนผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย ถ้าหากต้องการจะทำร้ายตนเองหรือตระกูลหลี่ เมื่อกี้นางก็คงลงมือไปแล้ว แต่นางกลับให้แคลร์ตามไป นางทำสิ่งนี้เพื่ออะไรกัน?
ที่นอกเมือง ลมพัดเย็นสบาย
ในที่สุดคนชุดดำก็หยุดแล้วลงไปที่พื้น แคลร์เองก็หยุดเช่นกัน
แคลร์ยังไม่ได้เอ่ยปากอะไร คนชุดดำก็สะบัดมือแล้วแท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ทรงพลังก็พุ่งออกมาจากมือของคนชุดดำ แคลร์ย่อตัวลง นางไม่กล้าประมาท จึงสะบัดมือปล่อยเปลวไฟออกไปตอบโต้
เสียงปะทะกันดังสนั่น เศษน้ำแข็งและเปลวไฟกระจายไปทั่วทุกทิศ
ในอากาศนั้น เปลวไฟทั้งหมดหายไป แล้วเศษน้ำแข็งเล็กๆ ก็เข้าโจมตีแคลร์ แคลร์พลิกมือของนางแล้วเรียกดาบเปลวเพลิงออกมาอย่างรวดเร็ว แคลร์แกว่งดาบเพื่อทำลายน้ำแข็งเหล่านั้น น้ำแข็งละลายไปทันทีและมีความร้อนผ่าวแผ่ไปทั่วบริเวณ
“เอ๊ะ?” คนชุดดำส่งเสียงออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าจะแปลกใจ กับวิธีที่แคลร์ใช้มาก
เวลาต่อมา แคลร์ก็แกว่งดาบโจมตีไปข้างหน้าของนาง
มีเสียงดังเกิดขึ้น คนชุดดำสะบัดมือแล้วในมือของนางก็มี ดาบขนาดใหญ่ที่ทำจากน้ำแข็งปรากฏขึ้น
ดาบทั้งสองต่อสู้กันอยู่กลางอากาศ
ความเยือกเย็นและความร้อนแรง
ดาบน้ำแข็งค่อยๆ แทงเข้าไปในเนื้อของด้ามเปลวเพลิงอย่างช้าๆ พูดได้เลยว่ากำลังจะตัดดาบเปลวเพลิงของแคลร์แล้ว
ความแตกต่างในฝีมือทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ นี่ไม่ใช่ เรื่อง แปลกอะไรเลย
แคลร์ตระหนักได้อีกครั้งว่าบนโลกใบนี้มีคนที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย เพียงแต่พวกเขายังไม่ปรากฏตัวเท่านั้นเอง
“ฮึ่ม!” แคลร์ส่งเสียงออกมา ดาบเปลวไฟสีทองก็ปล่อยลูกศรเปลวไฟสีขาวจำนวนมากออกไปโจมตีคนชุดดำ
คนชุดดำอึ้งแล้วแกว่งดาบให้แคลร์ถอย จากนั้นก็ปล่อยโล่น้ำแข็งออกมากั้นลูกศรเปลวไฟสีขาวเอาไว้
มือของแคลร์เริ่มสั่น นางเข้าใจดีว่าก่อนหน้านี้คนชุดดำผู้นี้ ไม่ได้ตั้งใจอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้นางดูเหมือนว่าจะเริ่มตั้งใจแล้ว
“เปลวไฟสีขาว…” คนชุดดำพูดออกมาแล้วกลิ่นอายที่ดูน่ากลัวก็แผ่ออกมา
แคลร์ตาโตขึ้นทันที นางรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่พื้นจึงรีบบินขึ้นไปในอากาศอย่างเร็วที่สุด เวลาต่อมาที่ใต้เท้าของแคลร์ในตำแหน่งที่นางยืนอยู่เมื่อครู่ ได้ กลายเป็นศูนย์กลางของ น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาด้วยความเร็ว
“ไป!” คนชุดดำพูดแล้วแท่งน้ำแข็งที่พื้นก็เหมือนมีชีวิตขึ้นมา มันหมุนไปโจมตีแคลร์ที่ลอยอยู่ในอากาศ
“ทำลายมัน!” สีหน้าแคลร์เปลี่ยนไป มือสองข้างจับดาบเปลวเพลิงแน่นแล้วใช้แรงทั้งหมดแกว่งดาบออกไป มังกรเพลิงสีทองปรากฏตัวขึ้น มันคำรามแล้วพุ่งเข้าไปหาแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นทันที
ในพริบตาก็มีประกายแสงสีทองและ เสียงดังเกิดขึ้น จากนั้นลมหายใจร้อนๆ ก็ระเบิดออกไปจากตรงที่แคลร์อยู่ ความร้อนนั้นทำให้แท่งน้ำแข็งนั้นละลาย มีประกายแสงเกิดขึ้นจากความร้อน แล้วจากนั้นก็ระเหยไป
………………………………………………………………………………