เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 194
“เพราะว่าเจ้าสวยที่สุดอย่างไร” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ
“ข้ายอมไม่สวยดีกว่า” ตงเฟิงโฮ่วทำหน้าจะร้องไห้ ทำไมแผนหญิงงามนี่ต้องมาตกอยู่ที่เขาด้วยล่ะ เขาเป็นชายแท้นะ! ทำไมต้องให้เขามาแต่งหญิงหลอกล่อเชวหลงเฟยด้วย ทำไม?
“รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวเชวหลงเฟยจะต้องผ่านมาทางนี้แน่ๆ” ชีอ้าวชวางลุกขึ้นยืนปัดเสื้อผ้า “เจ้าแค่ต้องแฝงตัวเข้าไปสืบว่าเจ้าหญิงเงือกอยู่ที่ไหนก็เท่านั้นเอง” ชีอ้าวชวางพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกชังเชวหลงเฟยมากเมื่อวานนางวางแผนว่าจะไปสืบที่อยู่ของเจ้าหญิงเงือกที่คฤหาสน์เจ้าเมือง แต่กลับต้องพูดไม่ออกเพราะฮาเร็มขนาดใหญ่ที่มีอยู่จำนวนมากในนั้น เชวหลงเฟยที่สมควรตายผู้นั้นสร้างอาคารที่อยู่ให้กับนางบำเรอของเขาทุกคน อีกทั้งรูปแบบและโครงสร้างของอาคารที่พักจำนวนมากนั้นแทบจะเหมือนกันทุกประการ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่มากถ้าอยากจะหาที่อยู่ของเจ้าหญิงเงือก แต่นางได้ยินมาว่าเหล่าฮาเร็มของเชวหลงเฟยมีความกลมเกลียวกันมาก ดังนั้นการที่ตงเฟิงโฮ่วแฝงตัวเข้าไปสืบน่าจะง่ายกว่า
พอเห็นว่าชีอ้าวชวางกำลังจะเดินจากไป ตงเฟิงโฮ่วก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมา “ถ้าหากเจ้านั่นจะทำอะไรข้า ข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ?”
“เจ้าสบายใจได้ เชวียหลงเฟยไม่เคยบังคับผู้หญิง” ชีอ้าวชวางทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเดินจากไป
ตงเฟิงโฮ่วมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางที่เดินจากไปด้วยความทรมานใจ
ในขณะที่ชีอ้าวชวางกำลังจะเดินไป ก็มีเงาหนึ่งมาขวางทางเอาไว้ เร็วมาก! ชีอ้าวชวางแปลกใจกับความเร็วของคนตรงหน้า
“สาวสวย ให้เกียรติไปดื่มชากับข้าได้หรือไม่?” น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้น
ชีอ้าวชวางเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าและแววตาแปลกใจ ดวงตาที่ราวกับดวงดาว ผมสีบลอนด์นุ่มสลวย ริมฝีปากบางเซ็กซี่ ความสมบูรณ์แบบทั้งหมดนี้กลับมารวมกันอยู่ที่ผู้ชายคนเดียว แบบนี้มันเกินไปจริงๆ เมื่อมองใบหน้าไร้ที่ติและการแต่งตัวที่หรูหรา บวกกับคำพูดที่ตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมนั้น ชีอ้าวชวางก็รู้ถึงตัวตนของคนตรงหน้าได้ทันที
เขาผู้นี้คือเจ้าเมืองปู้จี…เชวียหลงเฟยนั่นเอง!
เพียงแต่เป้าหมายในการสนทนาของเขาไม่ใช่ตงเฟิงโฮ่ว แต่เป็นชีอ้าวชวาง
รอยยิ้มของชายตรงหน้านี้ทำให้คนมองรู้สึกถึงสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ชีอ้าวชวางจำต้องยอมรับจริงๆ ว่าเขามีต้นทุนที่ดีมาก เขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่งเลย บางทีเจ้าหญิงเงือกอาจจะหลงใหลไปกับรอยยิ้มดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลินี้ก็เป็นได้
ชีอ้าวชวางเงียบอยู่นาน แต่เชวหลงเฟยกลับพูดประโยคที่ทำให้สีหน้าของชีอ้าวชวางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “เจ้ารอข้าอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”
ชีอ้าวชวางเงียบไปแล้วก้าวถอยหลังมองเชวียหลงเฟยที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอย่างเย็นชา นางสบประมาทชายผู้นี้มากเกินไปแล้ว!
“แคลร์ ฮิลล์ ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว เพิ่งได้เจอกันครั้งแรกนี่เอง ขอข้าแนะนำตัวหน่อยนะ ข้าชื่อเชวียหลงเฟย” เชวหลงเฟยจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า หญิงสาวผู้นี้คือคนที่มีปัญหาร้ายแรงกับวิหารแห่งแสงไม่ใช่หรือ? หญิงสาวที่วิหารแห่งแสงต้องการตัว ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตามน่ะหรือ?
สีหน้าของชีอ้าวชวางเรียบนิ่ง นี่อีกฝ่ายรู้ตัวตนของนางแล้วงั้นหรือ?!
เชวหลงเฟยพูดเบาๆ พร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “เจ้าคงจะกำลังแปลกใจว่าข้ารู้ตัวตนของเจ้าได้อย่างไรอยู่สินะ เหอะๆ พวกเพื่อนของเจ้าที่อยู่ที่โรงแรมนั่นก็คงจะกำลังเผชิญหน้ากับคนของวิหารแห่งแสงและกลุ่มสายฟ้าสีดำอยู่ ตอนนี้ก็คงจะมีเพียงการต่อสู้ระหว่างเราสองคนแล้วล่ะ” สายตาของเชวหลงเฟยมีประกายความตื่นเต้นออกมา เดิมทีเขาไม่ได้ให้ความสนใจหญิงสาวที่ชื่อแคลร์ ฮิลล์ผู้นี้เลย แต่หลังจากที่นางต่อสู้กับวิหารแห่งแสงก็ทำให้เขาสนใจนางจนได้รู้ว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลขุนนางใหญ่ผู้นี้ที่ในอดีตเคยเป็นหญิงบ้าผู้ชายมาก่อนกลายเป็นอัจฉริยะที่ใครๆ ต่างก็ติดตามแล้ว นางเป็นทั้งที่รักของอันพาแกรนด์ ทั้งนักบวชของวิหารแห่งแสง จนสุดท้ายที่นางได้มีการปะทะกับพระสันตปาปาและอาร์ชบิชอปทั้งสิบสอง มันทำให้เขาจดจำความแข็งแกร่งนั้นเอาไว้ เขาอยากจะต่อสู้กับหญิงสาวตรงหน้าเขาในตอนนี้ดูสักครั้ง
ชีอ้าวชวางเหลือบตามองตงเฟิงโฮ่ว ก็เห็นว่าตอนนี้ตงเฟิงโฮ่วกำลังถูกหญิงสาวผู้หนึ่งวิ่งไล่ตามจนเขาต้องหนีกระเจิดกระเจิง ภาพนั้นทำให้ชีอ้าวชวางอึ้งไปเลย ตงเฟิงโฮ่วเป็นผู้อัญเชิญไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ?
“อาชีพของหญิงสาวผู้นั้นเป็นสิ่งหักล้างกันกับผู้อัญเชิญ เขาจึงไม่สามารถอัญเชิญสัตว์เวทออกมาได้” คำพูดเรียบๆ ของเชวหลงเฟยไขข้อข้องใจเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ของตงเฟิงโฮ่วได้อย่างชัดเจน
เฮ้อ!
ชีอ้าวชวางรู้สึกไม่พอใจ มองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ดูท่าทางเชวหลงเฟยนี่จะจัดการทุกอย่างเอาไว้อย่างดีแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเลย!
ตอนนี้บรรดาชาวเมืองออกจากจัตุรัสแห่งนี้ไปจนหมด แต่พวกเขาไม่ได้ไปไกล มีคนจำนวนมากที่อยู่บนตึกสูงและมองมาทางนี้ และยังมีอีกจำนวนมากที่คอยมองอยู่ในบริเวณรอบๆ จัตุรัส
“ท่านเจ้าเมืองไร้คู่ต่อกร!”
“ท่านเจ้าเมืองสู้ๆ!”
“ท่านเจ้าเมืองเป็นหนึ่งในใต้หล้า!”
ทันใดนั้นบริเวณรอบๆ ก็เกิดความตื่นเต้นขึ้น ต่างคนต่างพากันส่งเสียงเชียร์ดังลั่น
เชวียหลงเฟยเหลือบตามองแล้วยกมือขึ้นตอบรับด้วยท่าทางมีความสุข ดูท่าทางคนๆ นี้จะไม่เพียงแต่เป็นคนเจ้าชู้ แต่เขายังเป็นคนหลงตัวเองอีกด้วย อีกทั้งจากที่ดูปฏิกิริยาของชาวเมืองทั้งหลายนี้แล้ว เชวหลงเฟยคงจะเป็นคนที่กระตือรือร้นอยากจะต่อสู้มาก แล้วเขาก็คงจะชอบให้ชาวเมืองมามุงดูชัยชนะของเขาเพื่อตอบสนองความหลงใหลของเขาด้วยเช่นกัน พอเห็นอย่างนี้ก็ดูออกเลยว่าชาวเมืองรักเจ้าเมืองของพวกเขามาก และเคารพเขาอย่างหน้ามืดตามัวเลย
“แคลร์ ฮิลล์ เข้ามาสิ แสดงให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าแข็งแกร่งอย่างที่เล่าลือกันหรือไม่ อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ” เชวียหลงเฟยพูดเสียงเรียบและรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของเขาทันที ทั่วร่างเขาปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแล้วยกมือขึ้นช้าๆ ทันใดนั้นก็มีดาบสีทองอร่ามปรากฏขึ้นในมือของเขา เชวหลงเฟยยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น จนทำให้ชีอ้าวชวางต้องชำเลืองมองลมหายใจที่มั่นคงราวกับภูผาของเขา
เชวียหลงเฟยคือคนเก่งชั้นยอดเลย! เขาคู่ควรกับการได้รับยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะของประเทศสวิท! อายุเขาเพียงแค่ยี่สิบเจ็ดปี แต่กลับประสบความสำเร็วในทุกด้านถึงขนาดนี้แล้ว
ชีอ้าวชวางเหลือบตามองแล้วยิ้มเยาะ นางสะบัดมือ จากนั้นดาบชังหลันก็ปรากฏขึ้นในมือ
ชีอ้าวชวางมองดาบชังหลันในมือแล้วลอบถอนหายใจ ช่างเป็นดาบที่ไร้ที่ติจริงๆ!
ลมทะเลพัดผ่านพาให้ผมและชุดของทั้งสองปลิวสะบัดตามแรงลม ทันใดนั้นสายตาของทั้งสองก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แล้วพลังที่มองไม่เห็นก็แผ่กระจายออกมา
เหล่านกทะเลที่เดิมทีกำลังหาอาหารอยู่ที่พื้นก็บินขึ้นไปบนฟ้าทั้งหมด ขนนกปลิวไปทั่วท้องฟ้าแล้วตกลงมาบนตัวและตรงหน้าของทั้งสองคน
ในขณะนั้น สถานการณ์ก็ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
ชีอ้าวชวางและเชวหลงเฟยต่างก็จ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
ทั้งสองควบคุมลมหายใจที่รุนแรงของตัวเองเอาไว้ไม่ให้แผ่กระจายออกไปยังชาวเมืองที่อยู่บริเวณรอบ สายตาของเชวหลงเฟยมีประกายความชื่นชม และในใจเขาก็มั่นใจในการคาดเดาของเขาแล้ว
“ท่านเจ้าเมืองไร้คู่ต่อกร!”
“กรี๊ด…ท่านเจ้าเมือง…”
เหล่าบรรดาหญิงสาวที่รักและชื่นชมเชวหลงเฟยพากันส่งเสียงกรี๊ดมาจากโดยรอบจัตุรัส ในใจของพวกเขาท่านเจ้าเมืองเก่งที่สุด ไม่มีเรื่องอะไรมาระคายท่านเจ้าเมืองของพวกเขาได้เลย
เคร้ง…
ราวกับว่าเวลาหยุดเดิน ทั้งสองเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน ดาบในมือของทั้งสองก็ส่องสว่างเสียจนผู้คนลืมตาไม่ได้
ทั้งสองปะทะกันอยู่กลางอากาศ
เสียงการปะทะดังก้องไปทั่ว
ทั้งจัตุรัสนั้นสั่นสะเทือนไปหมด ไม่สิ! ทั้งเกาะเลยต่างหากที่สั่นสะเทือน
เสียงการปะทะกันดังรุนแรงจนผู้คนต่างพากันปิดหูเอาไว้ บริเวณโดยรอบที่สั่นสะเทือนอยู่นั้นก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ทั้งสองคนที่ปะทะกันอยู่กลางอากาศแยกออกจากกันแล้วถอยไปจากตำแหน่งเดิม
ชีอ้าวชวางมองชายตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ในขณะที่เชวียหลงเฟยก็มองหญิงสาวตรงหน้าโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิดฝีมือสูสีกันทั้งคู่?!
ผู้คนที่อยู่รอบจัตุรัสต่างเงียบมองสถานการณ์ตรงหน้าตาค้าง
หญิงสาวผู้นั้นฝีมือสูสีกับท่านเจ้าเมืองงั้นหรือ?! ทุกคนมองกันอย่างไม่เชื่อสายตา มันจะเป็นไปได้อย่างไร?!
ทันใดนั้นวิกผมสีบลอนด์บนหัวของหญิงสาวก็ร่วงลงสู่พื้น เผยให้เห็นผมสีดำราวกับหมึกที่น่าหลงใหลของนาง วิกผมที่พื้นนั้นเห็นรอยมีดอย่างชัดเจนเลย
ว้าว…
เสียงเชียร์ดังกึกก้องทันที
“ท่านเจ้าเมือง!”
“ท่านเจ้าเมือง!”
“ไร้คู่ต่อกร! ไร้คู่ต่อกรจริงๆ!”
เสียงเชียร์ของเหล่าชาวเมืองแทบจะกลบทั้งสองคนที่อยู่กลางจัตุรัสไปหมดเลย
ทันใดนั้น เชวียหลงเฟยก็กระอักเลือดออกมา แล้วร่างกายก็ทรุดลงไป พยุงร่างไว้ไม่อยู่ เชวียหลงเฟยปักดาบไว้ที่พื้นช่วยพยุงร่างของเขา
เสียงเชียร์กึกก้องหยุดชะงักไปทันที
ทั้งจัตุรัสมีแต่ความเงียบงัน ทุกคนมองท่านเจ้าเมืองของพวกเขาที่ไม่เคยเพลี่ยงพล้ำให้ใครแต่ตอนนี้มาตกอยู่ในสภาพแบบนี้อย่างไม่เชื่อสายตา ท่านเจ้าเมืองแพ้หรือ? ท่านเจ้าเมืองผู้เป็นที่หนึ่งในใจของพวกเขาแพ้ให้กับหญิงสาวผู้นั้นในเวลาอันสั้นเพียงเท่านี้หรือ?! ตอนนี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่หญิงสาวผมดำผู้นั้น
ผมสีดำของชีอ้าวชวางปลิวตามสายลม ใบหน้าที่ไม่มีใครเทียบของนางตอนนี้เย็นชาและเย่อหยิ่งนางยืนเงียบๆ อยู่แบบนั้นก็สยบผู้คนได้แล้ว
“เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ว่ายังไม่พอ” น้ำเสียงเย็นชาพูดออกมาเบาๆ แต่กลับดังก้องอยู่ในใจของทุกคนราวกับฝันร้าย
“เจ้าแข็งแกร่งมาก” เชวียหลงเฟยยื่นมือไปเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วพูดเรียบๆ
“ยังอยู่หรือว่าตายเสียแล้วล่ะ?” ชีอ้าวชวางถามชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชา
“ก็ต้องยังอยู่สิ” เชวียหลงเฟยยิ้มเผยฟันขาวแล้วเขาก็เอานิ้วเข้าปากเป่าออกมาเป็นเสียง ทันใดนั้นหญิงสาวที่วิ่งไล่ตงเฟิงโฮ่วก็หยุดทันทีแล้วเข้ามาหาเขาอย่างว่าง่าย “ข้ายังสำราญไม่หนำใจเลย ชีวิตดีขนาดนี้ข้าจะตายได้อย่างไรล่ะ?”
ชีอ้าวชวางมองเชวียหลงเฟยที่ยิ้มสดใสอยู่ตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คนๆ นี้คิดอะไรอยู่กันแน่?
“ทุกคนแยกย้าย มีอะไรต้องทำก็ไปทำเถอะ!” เชวียหลงเฟยตะโกนบอกชาวเมืองรอบๆ ที่กำลังมองชีอ้าวชวางอย่างเกลียดชัง จากนั้นทั้งหมดก็หายไปกันอย่างรวดเร็ว
ตงเฟิงโฮ่วรีบไปข้างชีอ้าวชวางอย่างรีบร้อนราวกับไฟลนก้น “อ้าวชวาง ข้า ข้า ข้าไปที่โรงแรมนะ ฉู่ซิน ฉู่ซินยังอยู่ที่นั่น” เห็นได้ชัดตงเฟิงโฮ่วได้ยินที่เชวหลงเฟยบอกว่าคนของวิหารแห่งแสงและกลุ่มสายฟ้าสีดำไปล้อมที่โรงแรมไว้ ตอนนี้เขาจึงแทบอยากจะบินไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย