เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 203
“สวยงามมาก” ชีอ้าวชวางชื่นชมอย่างจริงใจ
ฮึ! เอลฟ์ที่เดินอยู่ข้างหน้าส่งเสียงเย็นชาราวกับว่าคำชมนั้นมันเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว
“เชิญทางนี้” น้ำเสียงของหัวหน้าเอลฟ์ยังคงความหยิ่งผยองเอาไว้อยู่
ชีอ้าวชวางมองตามทิศทางที่ผู้นำเอลฟ์บอก เห็นเอลฟ์หลายตัวที่มีใบหน้างดงามยืนอยู่บนต้นไม้เขียวชอุ่ม ด้านหลังของเอลฟ์เหล่านั้นคือที่อยู่อาศัยของพวกเขาซึ่งล้วนแต่เป็นบ้านที่มีรูปทรงสวยงามทั้งสิ้น ด้านหน้านั้นคือต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด ประตูสูงเปิดออกกว้าง และเอลฟ์ที่อยู่ทั้งสองฝั่งก็ยืนถือคันธนูและลูกศรอยู่อย่างเป็นระเบียบ เอลฟ์ทั้งหมดนั้นมองไปที่ชีอ้าวชวางและเหลิ่งหลิงยวิ๋นด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ชีอ้าวชวางไม่ได้สนใจสายตาไม่เป็นมิตรของเอลฟ์เหล่านี้แล้วเดินตามเอลฟ์ผู้หยิ่งผยองเข้าไปในประตูสูงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ทุกอย่างเป็นธรรมชาติทั้งหมด ทั้งกำแพง เก้าอี้ และเชิงเทียนต่างก็เป็นไม้ และสิ่งที่ส่องแสงอยู่ที่เชิงเทียนนั้นก็คืออัญมณีสวยงาม มีเอลฟ์หญิงที่ดูสวยงามและใจกว้างนั่งอยู่ด้านบนสุดของห้องโถง นางสวมชุดสีเขียวเรียบง่ายและสวมมงกุฎสีทองขนาดเล็กบนศรีษะอย่างสง่างาม นี่คือราชินีเอลฟ์นั่นเอง ตอนที่นางเห็นชีอ้าวชวางและพรรคพวก สีหน้าของนางก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ไม่ได้มีการดูถูก แต่ก็ไม่ได้ต้อนรับ นางเพียงแค่นั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น
“ท่านแม่ พวกมนุษย์มากันแล้ว นี่คือแคลร์ ฮิลล์”เมื่อเอลฟ์ผู้หยิ่งผยองพูดออกมาก็ทำให้ได้รู้ตัวตนของเขาเลยว่าแท้จริงแล้วเอลฟ์ผู้นั้นคือเจ้าชายของเผ่าเอลฟ์! พอเป็นแบบนี้ก็เข้าใจท่าทีหยิ่งและทัศนคติที่รังเกียจมนุษย์ได้เลย
“แคลร์ ฮิลล์ ข้ารอการมาถึงของเจ้ามาตลอดเลย” ราชินีเอลฟ์ผู้สง่างามพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงฟังสบาย
“ราชินีผู้สูงศักดิ์ สวัสดีค่ะ” ชีอ้าวชวางพูดอย่างสุภาพ “ทำไมท่านถึงต้องรอการมาถึงของข้าด้วย?”
“ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งประดิษฐ์สังหารเทพเจ้า” ราชินีเอลฟ์ยิ้มอย่างสง่างาม ดวงตาของนางมองไปที่ใบหน้าของชีอ้าวชวางที่ยังคงสงบนิ่ง ลึกๆ ในแววตาของราชินีมีร่องรอยของความชื่นชมอยู่ มนุษย์ผู้นี้มีพลังขนาดนี้ เช่นนั้นคำสั่งของเทพเจ้าเอลฟ์ก็คงจะมีเหตุผลของเขาจริงๆ
ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไร แต่รอคำพูดต่อมาของราชินีเอลฟ์อย่างเงียบๆ
“เดิมทีสิ่งล้ำค่าเช่นนี้มอบให้เจ้าไม่ได้” ราชินีเอลฟ์ยิ้มแล้วหยุดไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อ “แต่ตอนนี้ขอเพียงแค่เจ้ายอมรับเงื่อนไขหนึ่งข้อ ข้าก็จะมอบสิ่งประดิษฐ์สังหารเทพเจ้าให้กับเจ้า”
“ราชินีได้โปรดพูดมาได้เลย” ชีอ้าวชวางถามอย่างจริงจัง
“โปรดให้ออสต้าลูกชายของข้าติดตามเจ้าไปดูเจ้าทำเรื่องนั้นจนเสร็จสิ้นด้วยเถอะ” ราชินีเอลฟ์พูดสิ่งที่ทำให้ชีอ้าวชวางตกใจด้วยรอยยิ้ม
ออสต้า? ชื่อของเจ้าชายเอลฟ์ผู้หยิ่งผยองงั้นหรือ? ละ ล้อกันเล่นหรือ! จะให้พาเอลฟ์ไปด้วยเนี่ยนะ? ขอร้องละ นางไม่ได้อยากถูกจับตามอง แล้วก็ไม่อยากให้มีใครมารบกวน ราชินีเอลฟ์ผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ ตอนนี้ตนเองยังไม่สะดุดตาพออีกหรือ? ยังจะอยากให้เจ้าชายเอลฟ์ติดตามตนเองไปอีก นิสัยของเจ้าชายผู้นี้ดูจะรับได้ง่ายๆ หรือ แต่เห็นที่เขาเดินเชิดจมูกอยู่ตลอดทางแล้ว การที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนๆ นี้เป็นเรื่องยากในชีวิตของนางแน่นอน
“ราชินี ท่านรู้หรือว่าข้ากำลังจะทำอะไร?” ชีอ้าวชวางยิ้มบางๆ ไม่รอให้ราชินีแห่งเอลฟ์ตอบ นางก็พูดต่อ “ราชินีรู้หรือไม่ว่าตัวตนของข้าตอนนี้เป็นใคร? ตอนนี้ข้าเป็นอาชญากรที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวและถูกอันพาแกรนด์และวิหารแห่งแสงตามล่าอยู่ มันจะดีหรือที่ท่านจะให้เจ้าชายเดินทางไปกับข้า?”
สีหน้าของออสต้าค่อยๆ เปลี่ยนไป หางตาของเขามองไปที่ใบหน้าสงบนิ่งของชีอ้าวชวางด้วยแววตาดูถูก เผ่าเอลฟ์เป็นพวกรักความงาม รูปลักษณ์ที่ดูธรรมดาและน่าเกลียดของชีอ้าวชวางในตอนนี้ทำให้ออสต้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ยิ่งมาได้ยินจากปากของนางว่าเป็นเป็นอาชญากรที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวแล้วด้วยก็ยิ่งไม่พอใจสักนิด หากสิ่งที่ท่านแม่พูดมาทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความประสงค์ของเทพเจ้าเอลฟ์ เขาจะไม่มีทางยอมออกจากป่าเอลฟ์เพื่อติดตามมนุษย์ที่สกปรกผู้นี้เด็ดขาด!
สายตาของราชินีเอลฟ์เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยก่อนรอยยิ้มสง่างามของนางจะกลับคืนมา และพูดเสียงเรียบ “ข้าไม่คิดว่าลูกชายของข้าจะดูแลตัวเองไม่ได้ เขาจะต้องช่วยเจ้าได้แน่นอน อีกอย่าง ข้าก็ไม่สนใจตัวตนของเจ้าด้วย”
“แต่ข้าสนใจตัวตนของเจ้าชาย” ชีอ้าวชวางพูดอย่างไม่เกรงใจ “ตอนที่ข้าออกไปข้างนอก ข้าก็เป็นที่สนใจมากอยู่แล้ว ข้าจึงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นเช่นนี้เพราะไม่อยากให้ใครจำได้ แต่รูปลักษณ์ที่สง่างามของเจ้าชายและหูของเขาดูสะดุดตาเกินไป หากออกไปข้างนอกจะวุ่นวายแน่นอน”
“เจ้า!” หลังจากที่ออสต้าได้ยินคำพูดของชีอ้าวชวางเขาก็โกรธทันทีที่มีคนรังเกียจเขา! ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนรังเกียจผู้ที่สูงส่งอย่างเขา! สายตาของออสต้ามองไปที่ใบหน้าที่ดูแสนจะธรรมดาของชีอ้าวชวาง มนุษย์ผู้นี้ทำการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกงั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนางเป็นอย่างไรล่ะ?
“ข้าพูดความจริง” ชีอ้าวชวางไม่สนใจเจ้าชายเอลฟ์ที่กำลังอารมณ์เสียอยู่ข้างๆ แล้วมองไปที่ราชินีเอลฟ์ที่นั่งอยู่ข้างบนอย่างรอคำตอบ
ราชินีเอลฟ์ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มที่สง่างามและอ่อนโยน “ข้าจะหาวิธีซ่อนหูของเขา จากนั้นก็จะให้สวมหมวกเพื่อปกปิดรูปลักษณ์ของเขา ข้าคิดว่าคงไม่มีปัญหาแล้วนะ? อีกอย่าง ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะแก้ไขปัญหาเล็กน้อยได้”
ชีอ้าวชวางมองราชินีเอลฟ์ที่ยังคงยิ้มแย้มและมีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้น ราชินีองค์นี้ดูแล้วคงไม่ได้อ่อนโยนและสง่างามเหมือนที่เห็นภายนอกแน่ๆ คนเรามองใครแค่ภายนอกไม่ได้…ราชินีผู้นี้จะต้องเป็นคนที่ภายนอกใสซื่อแต่ภายในเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์แน่นอน
ราชินีพูดเช่นนั้นแล้ว ชีอ้าวชวางจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? ก็ในเมื่ออยากจะได้สิ่งประดิษฐ์ที่อยู่กับนางนี่นา
“เข้าใจแล้ว ข้าจะทำตามนั้น” ชีอ้าวชวางพยักหน้าและไม่ปฏิเสธอีก หากราชินีปฏิเสธอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ให้สิ่งประดิษฐ์นั้นคงจะเป็นเรื่องยุ่งมาก และการที่มีเอลฟ์มากความสามารถอยู่ข้างกายก็เป็นเรื่องดี แม้ว่านิสัยของเอลฟ์ที่จะไปด้วยจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ตนเองก็มีวิธีที่จะจัดการกับเขาได้เช่นกัน!
แววตาของราชินีเอลฟ์เป็นประกาย บ่งบอกว่าพอใจที่ได้ยินเช่นนี้ ทำเอาชีอ้าวชวางรู้สึกหนาวสั่นไปเหมือนกัน
“เช่นนั้นข้าจะมอบสิ่งประดิษฐ์สังการเทพเจ้าให้แก่เจ้า” ราชินีเอลฟ์ยิ้มและหันไปพูดกับเอลฟ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไปเอาสิ่งประดิษฐ์สังหารเทพเจ้าออกมา”
ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วขึ้น เทพเจ้าแห่งความมืดยังคงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาก ในเวลารวดเร็วเท่านี้ เขาทำให้เทพเจ้าเอลฟ์จัดการทุกอย่างได้ แม้ว่าเทพแห่งความมืดจะไร้ยางอายและขี้ขลาดตาขาวชอบหนีไปตอนที่เทพีแห่งแสงปรากฏตัว แต่ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ แถมยังสะท้อนให้เห็นถึงความจริงด้วยว่าเทพเจ้าเอลฟ์ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก เรื่องนี้เป็นการบอกได้ว่าอยู่ใกล้กับคนแบบไหนก็จะเป็นเหมือนคนแบบนั้น ผู้ที่เข้ากันได้ดีกับเทพเจ้าแห่งความมืดจะไปดีได้แค่ไหนล่ะ? แต่ชีอ้าวชวางไม่กล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเอลฟ์เหล่านี้ นางยังไม่อยากเป็นเม่นเพราะถูกลูกธนูจำนวนมากเจาะเข้าที่ตัวหรอกนะ
ตอนที่เอลฟ์สองตนยกหอกสีเงินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม บรรดาเอลฟ์ที่อยู่ข้างนอกประตูของห้องโถงใหญ่ก็พากับมองเข้ามาในห้องโถง ทุกสายตาจับจ้องไปที่หอกสีเงินเล่มนั้น อีกทั้งในตอนที่เอลฟ์ทั้งสองยื่นหอกไปให้ราชินีเอลฟ์ก็เป็นท่าทางที่ดูแข็งแกร่งและศักดิ์สิทธิ์มาก
ราชินีเอลฟ์ลุกขึ้นยืนช้าๆ และหยิบหอกนั้นด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นเอลฟ์ทั้งสองก็ก้าวถอยหลังไป ราชินีเอลฟ์ค่อยๆ เดินไปที่ตรงหน้าของชีอ้าวชวางและพูดด้วยเสียงราบเรียบ “เมื่อเจ้าจัดการเรื่องของเจ้าเสร็จแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะนำสิ่งประดิษฐ์กลับมาคืนให้พวกเราอย่างสมบูรณ์นะ”
“แน่นอน” ชีอ้าวชวางรับหอกนั้นมาด้วยมือทั้งสองข้างอย่างเคร่งขรึมและตอบกลับอย่างจริงจัง
ราชินีเอลฟ์ยิ้ม “ข้าต้องรบกวนให้เจ้าดูแลออสต้าด้วย”
ชีอ้าวชวางเก็บสิ่งประดิษฐ์อย่างดีแล้วเหลือบมองเจ้าชายเอลฟ์ที่ยังคงมีใบหน้าไม่พอใจและหยิ่งผยองอยู่อย่างรู้สึกไม่พอใจ ราชินีเอลฟ์ร้ายกาจมากที่ให้เจ้าชายเอลฟ์ผู้เย่อหยิ่งไร้มารยาทมาอยู่ข้างกายตนเอง ประการแรกคือจะได้เอาสิ่งประดิษฐ์กลับมาหลังจากเรื่องเสร็จสิ้นแล้ว ประการที่สองนางคงอยากให้ตนเองพาเจ้าชายเอลฟ์ไปเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ด้วย ซึ่งชีอ้าวชวางรู้สึกว่าหลักๆ คือประเด็นหลังที่ให้ตนเองพาลูกชายของนางออกไปสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ อย่างฟรีๆ เลยมากกว่า ช่างร้ายกาจจริงๆ แต่เวลานี้ราชินีเอลฟ์ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนสง่างาม “ข้าคงต้องขอร้องคุณหนูแคลร์ให้พักอยู่ที่นี่ก่อนสักสองวันแล้วค่อยเดินทางนะ”
“ขอบคุณราชินีสำหรับการต้อนรับค่ะ” ชีอ้าวชวางก้มหน้าลงและพูดอย่างสุภาพ
ราชินีเอลฟ์ปรบมือเบาๆ และทันใดนั้นเอลฟ์ที่แต่งตัวดูเป็นสาวใช้ก็เดินออกมา
“อูลิกา เจ้าพาแขกไปพักผ่อนนะ” ราชินีเอลฟ์สั่งด้วยรอยยิ้ม
“เพคะ ฝ่าบาท” หลังจากสาวใช้ที่ชื่ออูลิกาโค้งคำนับแล้วก็เดินไปหาชีอ้าวชวางและพูดเบาๆ “ทุกท่านโปรดตามข้ามาค่ะ” เผ่าเอลฟ์ชอบความเงียบและเกลียดชังมนุษย์ ดังนั้นจึงเป็นปกติที่พวกเขาจะไม่จัดงานเลี้ยงต้อนรับอะไรพวกเขา
หลังจากที่พวกของชีอ้าวชวางเขาออกไป ออสต้าที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ดูร้อนรนและไม่ออกไปด้วย
“ออสต้า เจ้าข้องใจใช่หรือไม่?” ราชินีเอลฟ์ยิ้มและมองลูกชายที่เย่อหยิ่งของนาง ต้องยอมรับว่าเด็กคนนี้มีความหยิ่งยโสเป็นทุนอยู่แล้ว แต่ทัศนคติที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ของเขาทำให้ยังไม่เหมาะกับการที่จะเป็นราชาเอลฟ์ ดังนั้นราชินีเอลฟ์จึงตัดสินใจให้ออสต้าติดตามชีอ้าวชวางไป
“ข้าไม่เข้าใจ ท่านแม่ ทำไมท่านแม่ถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย? เราทำตามเจตจำนงของเทพเจ้าเอลฟ์ที่ให้มอบสิ่งประดิษฐ์ให้มนุษย์เหล่านี้แล้ว หากเรื่องราวจบสิ้นก็แค่ให้นางเอาของมาคืนพวกเราเองสิ หรือถ้าท่านแม่ไม่วางใจก็ส่งผู้อื่นตามนางไปก็ได้ ทำไมต้องเป็นข้าด้วยล่ะ?” ออสต้าพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ออสต้า เจ้าลองออกไปท่องเที่ยวกับผู้หญิงคนนี้เถอะ ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจการตัดสินใจของแม่เอง” เห็นได้ชัดว่าราชินีเอลฟ์รู้จักลูกชายของนางเป็นอย่างดี ไม่ว่านางจะพูดอะไรเขาก็จะไม่มีทางเชื่อฟัง จึงต้องให้เขาได้ออกไปรับรู้ด้วยตัวเองเขาจึงจะเชื่อ ดังนั้นต้องให้เขาออกไปเรียนรู้เอง
ออสต้าอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ราชินีเอลฟ์ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขาไว้แล้วพูด “แม่เหนื่อย ขอไปพักผ่อนก่อน หากพวกเขาออกเดินทางเมื่อไหร่เจ้าก็ตามพวกเขาไปนะ” ราชินีเอลฟ์ยกมือขึ้น พลันมีแสงสีเงินขาวพุ่งออกมาจากมือไปที่หูของออสต้า จากนั้นไม่นาน หูแหลมๆ ของออสต้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นหูแบบมนุษย์ ในตอนนี้รูปลักษณ์ของออสต้าไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เลย เวลานี้เขาเป็นเหมือนกับมนุษย์ผิวขาวที่รูปงามมากเท่านั้นเอง