เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 210
“ในเมื่อเจ้ายืนยันที่จะทำเช่นนี้ เจ้าก็เตรียมรับความตายได้เลย ข้าจะรายงานต่อเทพีแห่งแสงว่ามันเกิดจากความตั้งใจของเผ่าเอลฟ์เอง” ทูตสวรรค์แปดปีกตะคอกอย่างเย็นชาและจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่แสงดาบที่น่ากลัวก็เข้าใกล้ตรงหน้าแล้ว
ทูตสวรรค์แปดปีกตกใจและรีบยกดาบขึ้นมาสกัดกั้นไว้
ดาบขนาดใหญ่ในมือส่งเสียงแผ่วเบา มือของเขาก็สั่นเล็กน้อย
ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วขึ้น แล้วรอยยิ้มขำก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง การแสดงออกนั้นชัดเจนมากๆ นี่คิดว่าพวกเราไม่ได้อยู่ที่นี่งั้นหรือ?
“มนุษย์ผู้ต่ำต้อย!” สีหน้าทูตสวรรค์เรียบนิ่ง ออกแรงจับดาบในมือแน่นเพื่อไม่ให้ดาบในมือสั่น หัวใจก็ตกตะลึงเช่นกันที่มนุษย์แข็งแกร่งถึงระดับนี้ ไม่แปลกใจเลยที่เทพีจะให้ความสนใจมาก
ใบหน้าของชีอ้าวชวางแสดงความเยาะเย้ยออกมา ดูเหมือนพวกเขาจะรู้เรื่องแล้วนะ!
ชีอ้าวชวางจะไม่เปิดโอกาสให้ทูตสวรรค์แปดปีกได้หายใจ นางรีบวิ่งไปพร้อมดาบทันที แสงดาบนั้นน่ากลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ทำให้แววตาของทูตสวรรค์กังวลแล้วรีบยกดาบขึ้นป้องกันทันที
ทางด้านจินเหยียน เหลิ่งหลิงยวิ๋น และออสต้า กำลังต่อสู้กับบรรดาทูตสวรรค์หกปีกอยู่
ดาบชังหลันของชีอ้าวชวางและดาบใหญ่ของทูตสวรรค์แปดปีกปะทะกันที่กลางอากาศ ทำให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่ว ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย ทูตสวรรค์แปดปีกผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เขาแข็งแกร่งมาก!
อาวุธทั้งสองกำลังปะทะกันอยู่ สีหน้าชีอ้าวชวางและทูตสวรรค์แปดปีกเคร่งขรึมไปทั้งคู่
ในขณะนี้ ทูตสวรรค์แปดปีกตะลึงอยู่ในใจ ความแข็งแกร่งของมนุษย์นี้เท่ากับตัวเขาเลยจริงๆ หรืออาจจะมากกว่าตัวเขาด้วย? ทูตสวรรค์แปดปีกตะลึงกับความคิดนี้แล้วเขาก็ออกแรงให้มากกว่าเดิม เขาจะแพ้มนุษย์ต่ำต้อยผู้นี้ไม่ได้เด็ดขาด!
ในขณะที่ทูตสวรรค์แปดปีกกำลังพยายามต่อสู้กับชีอ้าวชวางอย่างเต็มที่นั้น เสียงอันแผ่วเบาของชีอ้าวชวางก็ไปถึงหูของเขา “พวกเจ้าที่มากันในครั้งนี้ล้วนเป็นนักรบห่วยๆ กันทั้งนั้นสินะ?”
ห่วย?! ทูตสวรรค์แปดปีกตะลึง และจากนั้นเขาก็รู้ว่าชีอ้าวชวางหมายถึงอะไร!
“มนุษย์ชั้นต่ำ ข้าจะให้เจ้าชดใช้คำพูดและการกระทำที่หยาบคายของเจ้า!” ทูตสวรรค์แปดปีกพูดออกมาด้วยความโกรธแล้วเปล่งแสงสีขาวสว่างออกมา
“ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้วนะว่าข้าก็เป็นนักเวทเช่นกัน” ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วยิ้มก่อนที่ทูตสวรรค์แปดปีกจะได้สติขึ้นมา ลมหายใจที่รุนแรงและรวดเร็วก็ออกจากปลายดาบของชีอ้าวชวาง จากนั้นเปลวเพลิงสีทองขนาดมหึมาก็ปรากฏออกมา
เปลวไฟที่ร้อนแรงผิดปกตินั้นห่อหุ้มทูตสวรรค์แปดปีกเอาไว้ข้างในนั้นทันที
“อ๊าก…” ทูตสวรรค์แปดปีกส่งเสียงกรีดร้องแล้วถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
เปลวไฟสีทองดับลงแล้ว พอเปลวไฟดับลง ร่างของทูตสวรรค์แปดปีกก็ถูกเปิดเผยออกมา ผมสีบลอนด์อ่อนนุ่มของทูตสวรรค์แปดปีกถูกเผาจนส่งกลิ่นเหม็นไหม้ไปทั่ว เสื้อผ้าของเขาถูกไฟไหม้ขาดวิ่นห้อยอยู่บนร่างกายของเขาจนแทบจะปกปิดร่างกายของเขาไม่มิด ปีกสีขาวราวกับหิมะกลายเป็นสีดำที่ไหม้เกรียม ในตอนนี้เขาไม่ได้ดูเย่อหยิ่งแบบเมื่อครู่แล้ว
“กลิ่นเหมือนบาร์บีคิวนะ” ชีอ้าวชวางพูดรอยยิ้มประชดประชัน ทูตสวรรค์แปดปีกแทบจะกระอักเลือดทีเดียว
“เจ้ามนุษย์ร้ายกาจเจ้าเล่ห์!” ทูตสวรรค์แปดปีกโกรธมาก เขาถือดาบใหญ่นั้นอย่างโกรธแค้นชีอ้าวชวาง ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่ด้านหลังของชีอ้าวชวางแล้วแสยะยิ้ม “เจ้าดูสหายของเจ้าไว้นะ วันนี้จะไม่มีใครหนีหรอกไปได้แม้แต่คนเดียว” ใบหน้าดำคล้ำของทูตสวรรค์แปดปีกดูภาคภูมิใจ
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วมองไปข้างหลังด้วยหางตา สิ่งที่เห็นคือทูตสวรรค์หกปีกสองตัวกำลังปิดล้อมออสต้าอยู่ ส่วนจินเหยียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นต่างก็กำลังเผชิญหน้ากับทูตสวรรค์หกปีก จูดี้ยืนอยู่ด้านข้างอย่างประหม่า ใจอยากช่วยแต่ก็ไม่กล้า นางจึงร้องไห้ออกมาอย่างสับสน เพียงเพราะทูตสวรรค์หกปีกผู้มีชื่อเสียงมีการพูดขู่อย่างเย็นชา ‘หากเจ้าอยากถูกพรากไปเหมือนราชามังกรก็ทำเลย’ นี่คือหลุมแห่งความตายของจูดี้ สิ่งที่จูดี้กลัวที่สุดคือการต้องห่างจากจินเหยียน เฮยหยู่และไป๋ตี้นั่งอยู่บนไหล่ของจูดี้และตะโกนเพื่อป้องกันไม่ให้จูดี้ตื่นตระหนก แต่ในความเห็นของพวกเขาทั้งสอง ทูตสวรรค์เหล่านี้ทำอะไรชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ ได้หรอก
มีไอหมอกปกคลุมร่างของออสต้าอยู่ในขณะนี้ ทุกๆครั้งเมื่อดาบใหญ่ของทูตสวรรค์หันมาที่เขา ในตอนที่มันกำลังจะเข้าใกล้ดาบก็จะเบี่ยงไปทิศทางอื่นโดยอัตโนมัติ มันผ่านตัวเขาไปโดยไม่ได้ทำร้ายออสต้าเลยแม้แต่น้อย ส่วนออสต้าก็หลบไปอย่างสบายๆ ไม่ต้องโจมตีอะไรเลย เขาทำเพียงแค่ยื้อทูตสวรรค์หกปีกทั้งสองเอาไว้ไม่ให้ไปช่วยทูตสวรรค์องค์อื่นได้
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเสียแรงไปเล็กน้อย ถึงอย่างไรเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็เคยเป็นนักเวทผู้รักษา เขาก็คือนักเวทคนหนึ่งนั่นเอง
ในตอนที่ชีอ้าวชวางกำลังคิดว่าควรจะทำอะไร แสงดาบที่แหลมคมก็พุ่งเข้ามาหานาง
“เจ้ากำลังมองอะไร?” เสียงที่เยือกเย็นของทูตสวรรค์แปดปีกดังอยู่ในหูของนาง
ชีอ้าวชวางเหวี่ยงดาบโต้และสายตาก็กลับมาที่ทูตสวรรค์แปดปีก ชีอ้าวชวางระงับอารมณ์ล้อเล่นของนางเอาไว้ นางเข้าใจว่าต้องกำจัดทูตสวรรค์แปดปีกที่อยู่ตรงหน้านี้อย่างรวดเร็ว เหลิ่งหลิงยวิ๋นสนับสนุนนางไม่ได้นาน และแม้ว่าจินเหยียนดูเหมือนจะสูสีกับทูตสวรรค์นั้น แต่หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ดีกับจินเหยียน จูดี้ประสานมือเอาไว้แน่นแล้วยืนดูสถานการณ์อยู่ด้านข้างอย่างประหม่า แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่มีใครรู้ว่าเทพเจ้ามังกรไปไกลหรือไม่ หากทูตสวรรค์แปดปีกอัญเชิญเทพเจ้ามังกรกลับมาอีกครั้งก็จบแน่ สถานการณ์ของเหลิ่งหลิงยวิ๋นน่ากังวลมากที่สุด ทูตสวรรค์หกปีกเห็นว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นใช้เวทมนตร์แห่งแสง เขาก็ยิ่งเกลียดชังมากขึ้น ยิ่งได้รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือบุตรแห่งแสงที่ทรยศวิหารแห่งแสงและเทพี เขาก็ยิ่งโจมตีโหดร้ายยิ่งขึ้น ทูตสวรรค์แปดปีกดูเหมือนจะเห็นความคิดของนาง หลังจากยิ้มเย็น เขาก็เหวี่ยงดาบโจมตีชีอ้าวชวางอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้จะต่อสู้กับชีอ้าวชวาง เขาแค่ทำการยื้อตัวชีอ้าวชวางไว้ไม่ให้นางไปที่ไหนได้เท่านั้นเอง
เมื่อเวลาผ่านไป ชีอ้าวชวางก็เริ่มหงุดหงิด การจะฆ่าทูตสวรรค์แปดปีกก็ดูเหมือนจะทำไม่ได้ แม้ว่าจะทำให้คู่ต่อสู้มีบาดแผลมากมาย แต่ก็ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บสาหัสไม่ได้เลย อีกฝ่ายหลบได้ตลอด เมื่อชีอ้าวชวางจะไปช่วยคนข้างหลัง ทูตสวรรค์แปดปีกก็จะโจมตีรุนแรงขึ้นมาอีก วนเวียนอยู่แบบนี้จนทำให้ชีอ้าวชวางรู้สึกรำคาญ ในเวลานี้ จินเหยียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ดูเหนื่อยล้ามากแล้วด้วย
“เจ้ามนุษย์สมควรตาย เจ้าทำให้เทพีผู้สูงศักดิ์ต้องปวดหัวเช่นนี้” ทูตสวรรค์แปดปีกพยายามกั้นดาบของชีอ้าวชวางแล้วกัดฟันพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาในดวงตาของเขา “เจ้าคิดหรือว่าพวกเราจะมาเพียงแค่ไม่กี่คน เจ้าคิดจะรวบรวมขนนกสังหารเทพเจ้างั้นหรือ เจ้าคิดว่าเราจะปล่อยให้เจ้าทำสำเร็จหรือ คนอื่นๆ ที่ช่วยเจ้าค้นหาสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้น เจ้าคิดว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือ?”
ทันใดนั้นรูม่านตาของชีอ้าวชวางก็ขยายออกและเข้าใจทันทีว่าทูตสวรรค์แปดปีกหมายถึงอะไร! เฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วกำลังตกอยู่ในอันตราย! ทูตสวรรค์แปดปีกรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เห็นใบหน้ากังวลของชีอ้าวชวาง ที่หายใจไม่ออกอยู่เมื่อครู่ก็รู้สึกโล่งลง
“ฮ่าๆ ตอนนี้พวกเขาคงไม่เหลือแม้แต่กระดูกแล้วล่ะ!” ทูตสวรรค์แปดปีกหัวเราะอย่างร้ายกาจ ใบหน้าดำคล้ำบิดเบี้ยวไปด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวนั้น
“เจ้า…” ชีอ้าวชวางก้มหัวลง เพื่อที่จะไม่ให้ใครเห็นการแสดงออกที่แท้จริงของนาง นางเค้นเสียงลอดไรฟัน ทันใดนั้นก็ปล่อยลมหายใจเยือกเย็นที่ทำให้คนแทบตัวแข็งได้ออกมา
“อะไร? ทุกข์มากหรือ? กังวลมากหรือ?” ทูตสวรรค์แปดปีกหัวเราะดังลั่น คิดว่าจิตวิญญาณของชีอ้าวชวางกำลังอ่อนแอที่สุด ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดี ดังนั้นจึงโบกดาบในมือของเขาโจมตีชีอ้าวชวางอย่างเมามัน
ชีอ้าวชวางไม่ได้ขยับร่างกาย แต่แค่ยกดาบขึ้นมากั้นอย่างใจเย็น นางสกัดกั้นการโจมตีอันดุเดือดของทูตสวรรค์แปดปีกได้อย่างง่ายดาย
หือ? ทูตสวรรค์แปดปีกตกใจเล็กน้อย ชีอ้าวชวางสกัดกั้นการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังถูกกระตุ้นอยู่ก็ตาม เขาอดตื่นตะลึงไม่ได้ แต่ต่อจากนั้นกลิ่นอายสังหารที่หนาทึบก็เข้าปกคลุมทั้งร่างของเขา ทันใดนั้นความหนาวเย็นก็เกิดขึ้นในใจของเขาและเขาก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“หึ!” ทันใดนั้นชีอ้าวชวางก็เงยหน้าขึ้น ในขณะนี้ดวงตาของนางดูล้ำลึกราวกับสระน้ำเย็นและประกายความเย็นเยือกที่แผ่ออกมาก็ยิ่งน่ากลัว
ทูตสวรรค์แปดปีกอึ้ง เพราะเขาเห็นแสงสีแดงกะพริบอยู่ในดวงตาของชีอ้าวชวาง
แสงสีแดง?! ทูตสวรรค์แปดปีกกะพริบตาพยายามที่จะดูว่าดวงตาของชีอ้าวชวางเปลี่ยนเป็นสีแดงจริงๆ หรือไม่ แต่ในเวลาต่อมาตรงหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยสีแดงจริงๆ
แต่นั่นเป็นเลือดของเขาที่พุ่งออกมา
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เขาแทบหยุดหายใจ ดาบในมือของชีอ้าวชวางทะลุหน้าอกขวาของเขาจนเลือดพุ่งออกมา“เลือดของพวกห่วยๆ ก็เป็นสีแดงเช่นกันหรือ?” ชีอ้าวชวางยิ้มเยาะแล้วชักดาบออกอย่างแรง
ทูตสวรรค์แปดปีกกรีดร้อง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ เขารีบออกห่างจากชีอ้าวชวางทันที
เมื่อทูตสวรรค์หกปีกทั้งสี่เห็นสิ่งนี้ พวกเขาทั้งหมดก็ผละจากคู่ต่อสู้และเข้ามาร่วมกับทูตสวรรค์แปดปีกอย่างรวดเร็ว ทูตสวรรค์ทั้งสี่ทำสัญลักษณ์ที่มือซ้ายแบบเดียวกัน แล้วเขตกั้นก็ปรากฏขวางหน้าไม่ให้ชีอ้าวชวางก้าวไปข้างหน้าได้อีก
ทูตสวรรค์ทั้งห้ารวมตัวกันและเหยียดมือขวาออกไปพร้อมกัน เช่นเดียวกับที่ชีอ้าวชวางกำลังทำลายเขตกั้นด้วยดาบ ทูตสวรรค์ทั้งห้าแสดงท่าทางเรียบง่ายในอากาศ และในทันใดนั้น แสงสีขาวก็ห่อหุ้มพวกเขาแล้วร่างของพวกเขาก็หายไปทันที
“มันคือการเคลื่อนย้าย” เหลิ่งหลิงยวิ๋นไอเบาๆ กล่าวเสียงทุ้ม
“การเคลื่อนย้าย?” จินเหยียเก็บดาบแล้วขมวดคิ้ว
“มันจะต้องเกิดขึ้นโดยทูตสวรรค์ทั้งห้า และสถานที่ที่จะเคลื่อนย้ายก็คือสถานที่ที่พลังแสงอยู่ใกล้ที่สุด แข็งแกร่งที่สุด คงจะเป็นห้องโถงสาขาที่ใกล้ที่สุดจากที่นี่” เหลิ่งหลิงยวิ๋นอธิบายพลางโบกมือใช้เวทมนตร์รักษา จากนั้นแสงสีขาวก็ห่อหุ้มชีอ้าวชวาง แล้วอาการบาดเจ็บของชีอ้าวชวางก็ฟื้นตัวด้วยความรวดเร็ว จินเหยียนยังคงเงียบ เพราะอาการบาดเจ็บของเหลิ่งหลิงยวิ๋นนั้นร้ายแรงกว่าชีอ้าวชวางอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้านาย!” จูดี้น้ำตาไหลและรีบวิ่งเข้ามาเพื่อตรวจสอบว่าจินเหยียนได้รับบาดเจ็บหรือไม่ นางสะอื้นแล้วพูด “ข้าขอโทษนะเจ้านาย ข้าไม่ได้ช่วยท่านเลย ข้ากลัวข้ากลัวเทพเจ้ามังกรจะมาพรากข้าไป ข้าไม่อยากถูกเทพเจ้ามังกรพรากไป แต่ แต่ว่า เจ้านาย ถ้าหากว่าพวกนั้นทำรุนแรงมากเกินไป ข้าก็จะไม่สนอะไรทั้งนั้น ข้าจะสู้เช่นกัน”