เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 211
“ข้าเข้าใจ” จินเหยียนเอื้อมมือไปลูบหัวจูดี้แล้วพูดเบาๆ “เจ้าทำได้ดีมาก เจ้าก็เห็นนี่ว่าข้าไม่ได้เป็นอะไร ถ้าเจ้าถูกพาไป เราต้องไปสถานที่ต่างๆ ได้ช้ามากแน่ๆ”
จูดี้ยังคงสะอื้นอยู่
ออสต้ายกมือขึ้นกอดอกอย่างไม่แยแส และมองชีอ้าวชวางที่ยังคงเงียบอยู่
ใบหน้าชีอ้าวชวางนิ่งเฉย ไม่ได้กล่าวอะไร
“ฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วกำลังตกอยู่ในอันตราย” ชีอ้าวชวางพูดออกมา
“อะไรนะ?!” ทุกคนตกใจ มีเพียงแค่ออสต้าเท่านั้นที่นิ่งเฉย
“ในที่สุดเทพีแห่งแสงก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว” ใบหน้าของชีอ้าวชวางย่ำแย่กว่าปกติ เป็นเพราะนางต้องรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ทั้งชุดเพื่อฆ่าเทพีแห่งแสง เทพีแห่งแสงจึงจำเป็นต้องเอาสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่งออกไปเพื่อทำให้ความพยายามของชีอ้าวชวางไม่สำเร็จ สิ่งที่น่ากังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือ เฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทูตสวรรค์เหล่านั้นเลย ทูตสวรรค์ทั้งห้าถูกส่งมาเพื่อจัดการกับพวกเขา แล้วยังมีทูตสวรรค์แปดปีกด้วย เช่นนั้นทางฝั่งของตงเฟิงโฮ่วล่ะ? ไม่ต้องพูดถึงทูตสวรรค์แปดปีกหรอก แม้แต่ทูตสวรรค์หกปีกเพียงหนึ่งพวกเขาก็รับมือไม่ได้!
“ข้าจะไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้” ชีอ้าวชวางไม่สนใจคนอื่นไม่ได้อีกต่อไป แม้ว่าเผ่าโนมจะอยู่ตรงหน้า และสิ่งประดิษฐ์นั้นจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่หัวใจของชีอ้าวชวางในขณะนี้คิดถึงแต่ความปลอดภัยของเฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่ว
ทุกคนไม่มีใครขัดข้อง เพราะพวกเขาเข้าใจว่าสิ่งใดสำคัญกว่า
จูดี้กลายร่างเป็นร่างมังกรทันทีและรีบพาทุกคนบินขึ้นฟ้า
พวกเขาต้องไปหาออร์คทันที เพราะจุดแรกของตงเฟิงโฮ่วและเฉียวฉู่ซินอยู่ที่นั่น นับจากเวลาแล้วพวกเขาน่าจะยังไปไม่ถึง
เวลานี้เบนถูกมัดเป็นเกี๊ยวและวางอยู่บนก้อนเมฆหลากสีโดยมีชายชราหน้าแดงนั่งอยู่ข้างๆ ชายชราผู้นี้ก็คือเทพเจ้ามังกรนั่นเอง
“อื้อๆๆ…อู้ๆๆๆ…” เบนยังคงบิดตัวไปมาอยู่
เทพเจ้ามังกรก้มหัวลงมองเบน และทันใดนั้นก็ยื่นมือออกไปสะกิดเบนที่ถูกมัดไว้ ดวงตาของเบนเบิกกว้างและเขาก็ยิ่งดิ้นรนหนักขึ้นกว่าเดิม
“ร้องอะไรนักหนา” ทันทีที่เทพเจ้ามังกรพูดเขาก็เคาะเบน เสียงอันสง่างามกล่าวเช่นนั้น เพียงแค่ตอนที่จับเบนมาครั้งแรก เขาไม่ได้สังเกตว่าเทพเจ้ามังกรพูดว่าจะพาเจ้านี่ไป ในเวลานั้นเขากำลังดิ้นรนอย่างหนักที่จะหลบหนีจากกรงเล็บของเทพเจ้ามังกร
“อู้ๆ!” เบนดิ้นและร้องเสียงดัง
“ทำไมเจ้าถึงโง่อย่างนี้? จะสร้างปัญหาให้ข้าหรือไง?” เทพเจ้ามังกรลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธและเหยียบเบน ส่วนเบนที่ถูกเหยียบก็ร้องลั่น
“เจ้าคิดว่าจะสร้างปัญหาอย่างไรก็ได้หรือ แถมยังจะไปยั่วยุเทพีแห่งแสงอีก เจ้าคิดว่าไปยั่วยุนางแล้วจะจบหรือ ไปให้อีกฝ่ายรู้ตัวตนของเจ้าอีก! เจ้านี่มันเป็นมังกรหรือหมูเนี่ย?” เทพเจ้ามังกรที่เดิมทีหน้าแดงอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งแดงไปถึงหูกับคอ ไม่รู้ว่าเขาโกรธหรือเครียด
“อู้ๆ?” เบนได้ยินบางอย่างแปลกๆ ความหมายของคำเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตำหนิที่เขาไปยั่วยุเทพีแห่งแสงนะ?
“เจ้าไม่รู้จักเก็บงานให้เรียบร้อยหรือไง? ยังต้องให้ข้าไปตามเช็ดตามล้างให้อีก! เจ้าเป็นเผ่ามังกรนะไม่ใช่หมู! ใช้สมองหน่อยสิ!” เทพเจ้ามังกรว่าหนักขึ้นเรื่อยๆ ปากก็สั่งสอนไปเท้าของเขาก็เหยียบต่อไป เบนถูกเหยียบย่ำจนแย่แล้วแต่ก็ร้องไม่ออก
ในที่สุดเทพเจ้ามังกรก็บ่นเสร็จและเลิกเหยียบ จากนั้นเขาก็นั่งลงอีกครั้งอย่างพึงพอใจ จากนั้นเพียงแค่สะบัดนิ้ว สิ่งที่มัดเบนอยู่ก็คลายออกให้เบนหายใจอยู่บนก้อนเมฆ
“ตอนแรกที่ข้าเห็นเจ้าเตะราชามังกรงี่เง่าตัวนั้นลงจากบัลลังก์ได้ ข้ายังนึกชื่นชมเจ้าอยู่เลย แต่สุดท้ายต้องมาเห็นเจ้าทำเรื่องไร้สาระอะไรแบบนี้เนี่ยนะ? จะให้เทพีแห่งแสงมาร้องเรียนกับข้าเองหรือ!” ยิ่งพูดเทพเจ้ามังกรก็ยิ่งโมโห เขากำลังคิดจะอบรมเบน แต่เวลานี้เบนที่างกายฟื้นฟูร่แล้วกลับหลบกรงเล็บของเทพเจ้ามังกรไปอยู่ด้านข้างแล้ว
ตอนนี้เบนเข้าใจเรื่องหนึ่งอย่างละเอียดแล้ว นั่นคือเทพเจ้ามังกรที่พวกเขาชื่นชมไม่ใช่คนที่ดีเท่าไหร่เลย! เขาเป็นผู้ชายที่ไร้ยางอายและหยิ่งยโส!
“ท่านเทพเจ้ามังกรผู้มีเกียรติ ข้า…” เบนเพิ่งจะอ้าปากก็โดนเลย
“อย่ามาตีสองหน้ากับข้า ตอนนี้ในใจของเจ้าคงด่าข้าอยู่ล่ะสิ” เทพเจ้ามังกรมองเบนด้วยรอยยิ้มอันตราย
“ใช่! แล้วอย่างไรล่ะ ตาแก่ ทำไมต้องจับข้ามาด้วย? หรือว่าเผ่ามังกรของเราต้องกลัวเทพีแห่งแสงหรือ?” ในที่สุดเบนก็เข้าใจนิสัยของเทพเจ้ามังกรและพูดโพล่งออกมา
เบนถลึงตาจ้องเทพเจ้ามังกรที่อยู่ตรงหน้าเขา เมื่อเทพเจ้ามังกรเฒ่าได้ยินคำพูดของเบนเขาก็โกรธมากและเริ่มทุบตีเบน
“ท่านรังแกคนอ่อนแอ!” เบนกุมหัวตนไว้เพื่อหลบการทุบตี
“เจ้าหัวหมู เจ้าเองก็รู้หรือว่าการรังแกคนที่อ่อนแอกว่ามันเป็นอย่างไร? ห๊ะ! เจ้ารู้แล้วยังจะถามอีก เจ้างี่เง่าหรือ?” ชายชราเทพเจ้ามังกรโกรธมาก เขาทุบตีจนเบนร้องออกมา
“ท่านหมายถึงอะไร? หมายความว่าอย่างไร?” เบนกุมหัวของเขาแล้วร้อง จากนั้นถามชายชรา “หรือว่าท่านกลัวคนอื่นพูดว่าท่านรังแกคนอ่อนแอ ดังนั้น…”
“โอ้ ดีขึ้นแล้ว จากโง่เง่ากลายเป็นโง่เฉยๆ” เทพเจ้ามังกรหยุดมือของเขาและประชดประชัน “ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจเรื่องนี้ มังกรแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก เทพีแห่งแสงอะไรนั่นไม่ได้อยู่ในสายตาข้าหรอก แต่หากเทพเจ้าอื่นๆ ต่อว่าว่าข้ากลั่นแกล้งผู้อ่อนแอนั้นมันจะดูไม่ดี” เทพเจ้ามังกรนั่งไขว่ห้างและพูด
“หือ?” เบนตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าเทพเจ้ามังกรผู้นี้จะไม่เพียงไร้ยางอาย แต่ยังเอาหน้าอีกด้วย! “เป็นเช่นนี้หรือ?” ใบหน้าของเบนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ไร้สาระ!” เทพเจ้ามังกรพูดอย่างหยิ่งผยอง “ถ้าไม่ใช่เพราะหญิงผู้นั้นที่เดินมาที่ประตูด้วยท่าทางน่าสงสารและขอให้ข้าทำข้อตกลง ข้าจะสนใจเรื่องพวกนี้หรือ? “เทพเจ้ามังกรยกมุมปาก เหมือนพึมพำกับตัวเอง “หญิงผู้นั้นเจ้าเล่ห์เกินไป ข้าไม่ค่อยชอบนางมากนักหรอก”
ในที่สุดเบนก็ได้ยินทุกอย่างจากคำพูดเหล่านี้ ดูท่าเรื่องก็คือเทพีแห่งแสงเข้าใจจุดอ่อนของเทพเจ้ามังกร นางจึงแสร้งทำเป็นน่าสงสารและขอให้เทพเจ้ามังกรทำข้อตกลงว่าเผ่ามังกรที่ทรงพลังจะไม่โจมตีมนุษย์ได้ตามอำเภอใจ และละเมิดอาณาเขตของมนุษย์ตามต้องการไม่ได้
“ในเมื่อท่านไม่ชอบหญิงผู้นั้น ท่านก็แค่ปล่อยข้าไปช่วยเพื่อนของข้าสิ ข้าแอบช่วยอยู่ห่างๆ ก็ได้” เบนขมวดคิ้วและพูดขัดจังหวะความคิดของเทพเจ้ามังกร
“เจ้าหมูโง่ มีคนรู้ตัวตนของเจ้าแล้วยังจะช่วยอีก ช่วยบ้าอะไรล่ะ! หยุดหาเรื่องให้ข้าเถอะ!” เมื่อเทพเจ้ามังกรได้ยินดังนั้นเขาก็กระโดดโผงชี้จมูกเบนแล้วเริ่มก่นด่าทันที หลังจากด่าเสร็จเขาก็กลอกตามองท้องฟ้าโดยไม่พูด ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ตอนนี้เบนระมัดระคำพูดแล้วนั่งลงบนก้อนเมฆอย่างเชื่อฟังเพื่อรอคำพูดจากเทพเจ้ามังกร
“ไอ้ตัวเล็กทำไมก่อนหน้านี้ข้าไม่พบชื่อของเจ้าในเผ่ามังกรเลยล่ะ? เจ้าทั้งร้ายกาจไร้ยางอาย และเจ้าเล่ห์สมกับเหตุผลที่ว่า อืม น่าจะเป็นบุคลิกที่คนชอบ และข้าน่าจะเคยเห็นมานานแล้วนะ ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?” เทพเจ้ามังกรเปลี่ยนเรื่อง
เบนอ้าปากกว้าง “นี่ท่านชมหรือด่าข้า?”
“เจ้าก็คิดเสียว่าเป็นคำชมก็ได้” เทพเจ้ามังกรชราพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“เพื่อนมนุษย์ของข้าเป็นคนสอนข้า ข้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากนาง จากนั้นข้าก็ล้มราชามังกรตัวนั้นลงได้อย่างไร” เบนเห็นท่าทีของเทพเจ้ามังกรก็บอกอย่างตรงไปตรงมา
“อื้ม…ไม่เลวๆ” เทพเจ้ามังกรพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ผู้หญิงคนนี้ได้ใจข้าไปเลย”
“ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าท่านให้ข้าไปช่วยนางได้ใช่หรือไม่?” เบนยิ้มอย่างประจบ
“ข้าพูดว่าได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เทพเจ้ามังกรเปลี่ยนเป็นเสียงเข้มและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ยังไม่ทันที่เบนจะได้ทำหน้าเศร้า เทพเจ้ามังกรก็กลอกตาและหัวเราะ “กลางวันไม่ได้ เราไปกลางคืนดีกว่า ข้าไม่ชอบเทพีนั่นมานานแล้ว อยากจะดึงนางให้ตกไปเร็วๆ”
เบนนิ่ง “…”
ในเวลาเดียวกันนั้น จูดี้รีบไปยังทิศทางของเผ่าออร์คพร้อมกับทุกคน ไม่ต้องให้ชีอ้าวชวางบอกทิศทาง จูดี้ก็บอกว่านางรู้ ดังนั้นนางจึงบินไปในทิศทางนั้นเลย
จูดี้บินไปข้างหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและไม่หยุดเลยแม้ในตอนกลางคืน นางรู้ดีว่าถ้านางช้าเกินไป บางทีเพื่อนของเจ้านายทั้งสองอาจจะตายก็ได้!
“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเจ้านะจูดี้” จินเหยียนนั่งตรงหน้าแล้วยื่นมือออกมาลูบหัวจูดี้เบาๆ เพื่อปลอบโยนความทุกข์ใจอย่างแผ่วเบา
จูดี้กัดฟันไม่พูดเพราะกลัวว่าพูดแล้วแรงจะผ่อนลง จึงกระพือปีกบินไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลัง
หัวใจของชีอ้าวชวางกระวนกระวายและรู้สึกผิดต่อจูดี้ที่ทำให้นางต้องเหนื่อยล้า แต่ตอนนี้หยุดไม่ได้ เพราะหากหยุดทุกอย่างอาจจะสายเกินไป
จูดี้บินอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาสองวันสองคืน ในที่สุดก็มาถึงเผ่าออร์ค อาณาเขตของออร์คอยู่ตรงหน้า และในที่สุดจูดี้ก็ฝืนไม่ไหวอีกต่อไป นางบ่นงึมงัมและล้มลงด้วยร่างกายที่ใหญ่โตนั้น
“จูดี้!” สีหน้าของจินเหยียนเปลี่ยนไปทันที เขาส่งเสียงเรียกจูดี้อย่างร้อนใจ
แต่เวลานี้จูดี้ได้ทิ้งตัวไปแล้ว นางหมดสติไป ควบคุมร่างกายหนักๆ ใหญ่โตของนางไม่ได้เลย
ชีอ้าวชวางกางปีกเปลวไฟสีทองออกทันทีและบินสร้างเขตกั้นเป็นชั้นๆ เพื่อป้องกันร่างของจูดี้ไว้
ในเวลานี้ออสต้าบินเบาๆ โดยไม่รอใคร เขาร่ายคาถาที่ซับซ้อนแล้วลมแรงก็พัดเข้าใต้ร่างของจูดี้ ทำให้ร่างของจูดี้ตกช้าลง จากนั้นออสต้าก็ปล่อยอนุภาคสีเขียวขนาดเล็กออกจากมือของเขา และก้อนกลมๆ สีเขียวเล็กๆ ก็ตกลงบนพื้นหยั่งราก แตกหน่อและผลิใบในทันที มันเติบโตเป็นเตียงสีเขียวนุ่มๆ โอบร่างของจูดี้เอาไว้แน่น