เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 212
จินเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบเข้าไปตรวจสอบทันทีว่าจูดี้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ โดยมีเหลิ่งหลิงยวิ๋นช่วยตรวจสอบด้วย
ชีอ้าวชวางและออสต้ายังคงบินอยู่ในอากาศ
ชีอ้าวชวางมองออสต้าและพูดเบาๆ “ขอบคุณ”
“ข้าไม่ได้ช่วยนางเพราะเจ้าสักหน่อย” ออสต้าพูดอย่างเย็นชาแล้วบินลงไปอยู่กับทุกคน ชีอ้าวชวางไม่สนใจท่าทีหยิ่งผยองของออสต้า นางบินตามลงไปแล้วแอบถอนหายใจกับความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งของออสต้า
“จูดี้ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ชีอ้าวชวางถามทันทีที่ลงถึงพื้น
“ไม่เป็นไร นางคงจะเหนื่อยเกินไป” เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดเบาๆ
จินเหยียนยืนข้างๆ คอของจูดี้แล้วลูบคอจูดี้เบาๆ คอของจูดี้กระเพื่อมอย่างแรงตามการหายใจ ดวงตาของนางยังคงปิดสนิทอยู่
ชีอ้าวชวางบินไปเงียบๆ นางมองใบหน้าที่ดูปวดใจของจินเหยียนและพูด “จินเหยียน…”
“คุณหนู ข้าไม่เป็นไร” จินเหยียนดูเหมือนจะรู้ว่าชีอ้าวชวางจะพูดอะไร เขาจึงหยุดคำพูดของชีอ้าวชวางก่อน
ชีอ้าวชวางกัดริมฝีปากแล้วพูด “เจ้าอยู่ดูแลจูดี้ที่นี่เถอะ ข้าจะไปกับพวกเขาเอง ถ้าฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วยังมาไม่ถึง เจ้าจะได้หยุดพวกเขาให้รออยู่ที่นี่ได้”
จินเหยียนอ้าปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออก เขารู้ถึงจิตใจของชีอ้าวชวางดีว่าอยากให้เขาอยู่ดูแลจูดี้ที่นี่ จึงใช้ข้ออ้าวว่าให้รอดักเฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วที่นี่ แต่ข้ออ้างนี้ก็ทำให้เขาหาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้เลย
ในที่สุดจินเหยียนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ชีอ้าวชวาง เหลิ่งหลิงยวิ๋น และออสต้าบินขึ้นและรีบไปที่อาณาเขตของออร์ค
ตอนที่พวกเขาบินไปถึงขอบอาณาเขตของออร์ค ก็เห็นฝุ่นฟุ้งอยู่ตรงหน้าพวกเขา มีกลุ่มคนกำลังมาที่นี่
กลุ่มของชีอ้าวชวางหยุดการบินและลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบๆ รอให้กลุ่มด้านหน้าเข้ามาใกล้
เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ และเต็มไปด้วยพลัง มันคือทีมทหารซึ่งมีพาหนะเป็นช้างฝูงหนึ่ง และด้านบนของช้างมีกลุ่มมนุษย์หมาป่านั่งอยู่ ส่วนที่วิ่งอยู่แถวหน้าคือมนุษย์หมาป่าที่สวมชุดสีดำที่มีตราเด่นอยู่ตรงไหล่ และพู่สีทองสะบัดไปมา มนุษย์หมาป่าเป็นหน่วยจู่โจมกองหน้าของพวกออร์ค และเป็นหน่วยลาดตระเวนที่แข็งแกร่งมาก ขึ้นชื่อเรื่องความเร็วที่สุด
พวกออร์ควิ่งไปหยุดตรงหน้าชีอ้าวชวาง
“มนุษย์ เรารู้ว่าเจ้ามาทำอะไร” ก่อนที่ชีอ้าวชวางจะพูด เสียงหยาบของหัวหน้ามนุษย์หมาป่าก็ดังขึ้นก่อน
ชีอ้าวชวางอึ้งไปชั่วขณะ อีกฝ่ายรู้ว่านางมาทำอะไรงั้นหรือ? หรือว่า?! ใบหน้าของชีอ้าวชวางเปลี่ยนไปทันที และดวงตาของนางนิ่งลง เป็นไปได้ไหมที่เฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วจะได้พบกับอันตรายไปแล้ว?
“ผู้ล่วงรู้ของเราบอกว่าให้นำสิ่งนี้มาให้พวกเจ้า เมื่อพวกเจ้าเห็นแล้วก็จะออกไปเอง” หัวหน้ามนุษย์หมาป่าหยิบบางสิ่งในอ้อมแขนของเขาออกมาและโยนมันไปปที่ชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางมองอย่างตั้งใจ ลูกคริสตัลหรือ? หลังจากสัมผัสมัน ชีอ้าวชวางมองลูกคริสตัลที่มีขนาดเล็กและสวยงามในมือของนาง คริสตัลแห่งความทรงจำงั้นหรือ?
ผู้ล่วงรู้? เหลิ่งหลิงยวิ๋นก็งุนงงเช่นกัน ผู้ล่วงรู้เป็นสถานะสูงสุดของเผ่าออร์ค แม้แต่ราชาแห่งเผ่าออร์คก็ไม่ได้อยู่ในสถานะสูงเท่าผู้ล่วงรู้ ผู้ล่วงรู้จะใช้สติปัญญาและการมองการณ์ไกลเพื่อแก้ไขอันตรายของออร์คได้เสมอ ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้ล่วงรู้จะทำนายไว้แล้วว่าพวกเขาจะมา?
“โปรดดูบันทึกข้างในนั้น” มนุษย์หมาป่าบอกชีอ้าวชวาง ะไม่มีมนุษย์หมาป่ากลับไปแม้สักตัว
ชีอ้าวชวางไม่ลังเลที่จะใส่พลังเวทเข้าไปเพื่อดูสิ่งที่บันทึกไว้ภายในทันที เมื่อเห็นปีกสีขาวพราวปรากฏในภาพ หัวใจของชีอ้าวชวางก็จมดิ่งลง ในบันทึกเห็นว่าทูตสวรรค์แปดปีกมาที่นี่และเอาสิ่งประดิษฐ์จากเผ่าออร์คไปแล้วโดยไม่ต้องใช้ความพยายามสักนิด และพวกออร์คก็ไม่ขัดขืน ส่งสิ่งประดิษฐ์นั้นให้กับทูตสวรรค์แปดปีกไปโดยดี อย่างไรสิ่งนั้นก็ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับพวกเขามากนัก หากขัดขืนก็จะมีผู้เสียชีวิต!
ใบหน้าของเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็มืดมนลงเช่นกัน นั่นหมายความว่าพวกเขาจะรวบรวมขนนกสังหารเทพเจ้าไม่ได้อีกต่อไป และสิ่งที่พวกเขาทำมาก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า!
ใบหน้าของชีอ้าวชวางราวกับจมน้ำ และนางก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่มนุษย์หมาป่าที่อยู่ข้างหน้า “ขอบคุณที่บอกข้า แต่ข้าอยากรู้ว่ามีเพื่อนของข้าเคยมาที่นี่มาก่อนหรือไม่?”
“ไม่มี เจ้าเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่เข้ามาที่นี่ในรอบหลายปี” มนุษย์หมาป่าตอบอย่างเฉยเมย แต่ดวงตาของเขาใสกระจ่างไม่มีการหลอกลวงแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็พูดเสียงดัง “ตอนนี้เจ้าได้เห็นแล้ว เจ้าก็ออกไปได้แล้วสินะ?”
หัวใจของชีอ้าวชวางทั้งมีความสุขและหดหู่ เมื่อรู้ว่าเฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วสบายดีนางก็โล่งใจ แต่สิ่งที่น่าหดหู่คือนางจะรวบรวมขนนกสังหารเทพเจ้าไม่ได้อีกต่อไป สิ่งที่ออร์คเหล่านี้ทำถือเป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่อยากจะเข้าไปแทรกแซงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเทพีแห่งแสง แล้วพวกเขาก็ไม่สนใจสิ่งประดิษฐ์นั่น
“ขอบคุณ ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้” ชีอ้าวชวางพยักหน้าเบาๆ ให้หัวหน้ามนุษย์หมาป่า
มนุษย์หมาป่ายืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ พวกเขาเฝ้าดูพวกของชีอ้าวชวางหันกลับ จนกระทั่งแผ่นหลังหายไป จากนั้นพวกเขาก็รีบไปทันที
กลุ่มของชีอ้าวชวางกลับไปที่จูดี้และจินเหยียนอยู่ พอจินเหยียนเห็นว่าพวกเขากลับมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อมองสีหน้าของชีอ้าวชวางก็รู้สึกแปลกใจ เขายืนขึ้นอย่างประหม่าและมองทุกคนแล้วพูด “หรือว่า…เฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่ว…”
“ไม่ใช่ พวกเขายังมาไม่ถึง” เหลิ่งหลิงยวิ๋นส่ายหัวเบาๆ และยิ้มอย่างขมขื่น “แต่สิ่งประดิษฐ์ของเผ่าออร์คถูกพวกทูตสวรรค์เอาไปแล้ว”
ทันใดนั้นจินเหยียนก็หันหน้าไปมองชีอ้าวชวางด้วยความตกใจ แม้ว่าสายตาของเขาจะไม่เชื่อ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่สงบและค่อนข้างหดหู่ของชีอ้าวชวาง จินเหยียนก็เข้าใจว่าสิ่งที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดนั้นเป็นความจริง! เช่นนั้นทุกอย่างก็สูญเปล่างั้นหรือ?!
“คุณหนู…” จินเหยียนพูดออกมาอย่างยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม ชีอ้าวชวางถอนหายใจยาว จากนั้นก็หันไปมองจินเหยียนและพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส “ไม่เป็นไร แม้ว่าจะรวบรวมชุดสิ่งประดิษฐ์ไม่ได้แต่ก็ต้องมีวิธีอื่นสิ ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ข้าจะไม่หยุดพัฒนา” ชีอ้าวชวางนั่งลง “เราอยู่รอฉู่ซินกับตงเฟิงโฮ่วอยู่ที่นี่ก่อน รอพวกเขามาแล้วเราจะกลับไปโยซาลี่กัน”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่สดใสของชีอ้าวชวาง จินเหยียนก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นได้สติขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาและพยักหน้าเบาๆ “ครับ คุณหนู ข้าจะติดตามอยู่ข้างกายคุณหนูเสมอ”
หัวใจที่กังวลในตอนแรกของเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขามองไปที่การแสดงออกของชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มจางๆ
ออสต้าเลิกคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ เขาคิดว่านางคงหมดหวังและทรุดโทรมไปมาก ไม่คาดคิดว่าจะปรับตัวได้เร็วขนาดนี้
“ออสต้า” ทันใดนั้นเสียงของชีอ้าวชวางก็ดังขึ้น ออสต้าเรียกสติคืนมาและมองไปที่ชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจ
“ในเมื่อรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ไม่ได้แล้ว ข้าก็ขอคืนสิ่งประประดิษฐ์นี้ให้เจ้า” ชีอ้าวชวางหยิบสิ่งประดิษฐ์จากแหวนมิติและส่งให้ออสต้า
ออสต้ามองสิ่งประดิษฐ์ในมือของชีอ้าวชวางอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ ถ้าเขาหยิบมันขึ้นมาก็หมายความว่าเขาจะต้องกลับไปที่ป่าเอลฟ์แล้วสิ
“เจ้าเก็บไว้ก่อนเถอะ ข้าไม่มีที่เก็บ แม้ว่าเจ้าจะไม่มีสิ่งประดิษฐ์ แต่เจ้าก็จะล้มล้างเทพีแห่งแสงได้ใช่หรือไม่?” ออสต้าลืมตาขึ้นและพูดไปเรื่อย ในฐานะที่เป็นเจ้าชายแห่งเผ่าเอลฟ์ เขาจะไม่มีแหวนมิติได้อย่างไรล่ะ? เขาไม่อยากจากไปตอนนี้ต่างหาก เขาไม่อยากทิ้งหญิงสาวลึกลับคนนี้ไว้แบบนี้ เขารู้สึกว่าตราบใดที่เขายังอยู่กับนาง เรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากมายจะเกิดขึ้น
“ใช่” ดวงตาของชีอ้าวชวางดูเย็นชาแต่แน่วแน่มาก
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะรอเห็นวันนั้นด้วยตาของข้าเองแล้วข้าค่อยกลับไป ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยคืนมันให้ข้า” ออสต้าพูดแบบนั้นแล้วเขาก็เดินจากไปโดยไม่รอคำตอบของชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงเก็บสิ่งประดิษฐ์นั้นกลับมา
จูดี้สลบไปยาวแล้วฟื้นขึ้นมาหลังจากผ่านไปห้าวัน จูดี้ตื่นขึ้นก็พอดีกับที่เฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วมาที่นี่ด้วยความรีบร้อน
“เจ้าโง่ เจ้าบอกว่าเจ้ารู้ทางไม่ใช่หรือ? เจ้าเดินผิดหลายทางแล้วนะ!” เสียงโกรธของเฉียวฉู่ซินดังมาจากด้านหน้า
ร่างทั้งสองเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาขี่สัตว์เวทอยู่ เฉียวฉู่ซินที่นั่งอยู่ข้างเอาแต่บ่นตงเฟิงโฮ่วไม่หยุด
ชีอ้าวชวางมองพวกเขาที่ใกล้เข้าพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง
ตอนนี้ก็กลับไปที่โยซาลี่ได้แล้ว…
เฉียวฉู่ซินและตงเฟิงโฮ่วขี่สัตว์เวทเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่เสียงบ่นของเฉียวฉู่ซินได้ยินมาตั้งแต่ไกลๆ เลย “เจ้ามันงี่เง่า พูดมาได้ว่ารู้จักเส้นทางมาเผ่าออร์ค ครั้งนี้ถ้ายังผิดอีก มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”
“ครั้งนี้ข้าไม่ผิดแล้ว จริงๆ จริงๆ นะ!” เสียงร้องของตงเฟิงโฮ่วดังลั่น เพราะเฉียวฉู่ซินกำลังดึงหูของเขาอยู่
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของชีอ้าวชวาง ก็ยังดี แม้ว่าตงเฟิงโฮ่วจะพูดชัดเจนกว่าแต่ก่อน แต่เขาก็ยังคงมีนิสัยที่สับสนแบบเดิมอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะตงเฟิงโฮ่วไปผิดทางในครั้งนี้ พวกเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ก็ได้ หากพวกเขาได้เจอกับทูตสวรรค์แปดปีก ไม่ว่าตงเฟิงโฮ่วจะเรียกสัตว์เวทออกมามากเพียงใดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทูตสวรรค์แปดปีก เฉียวฉู่ซินก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเช่นกัน
“หือ?! อ้าวชวาง!” เฉียวฉู่ซินเห็นร่างของชีอ้าวชวางตั้งแต่ไกลๆ เสียงของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็เร่งสัตว์ให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ชีอ้าวชวางยิ้มและยืนรอพวกเขาอยู่ที่นั่น
“อ้าวชวาง ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ล่ะ?” ก่อนที่สัตว์เวทจะหยุดสนิท เฉียวฉู่ซินก็กระโดดลงมาและกอดชีอ้าวชวางก่อนแล้ว
“เรื่องราวมันเปลี่ยนไปแล้ว เรากลับไปที่โยซาลี่ด้วยกันเถอะ” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าของเฉียวฉู่ซินเปลี่ยนไปทันที ชีอ้าวชวางพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
“นั่งลงพักผ่อนก่อน ข้าจะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟัง” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ พวกเขาเดินทางมาคงจะเหนื่อยอยู่บ้าง
เฉียวฉู่ซินนั่งลงด้วยความไม่สบายใจและรู้สึกถึงลางร้ายพุ่งเข้ามาในหัวใจของนาง ตงเฟิงโฮ่วสั่งให้สัตว์เวทกลับไปและนั่งลงข้างเฉียวฉู่ซิน เขาหยิบถุงน้ำออกมาและส่งให้เฉียวฉู่ซิน เฉียวฉู่ซินปัดมันออกไปแล้วมองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างใจจดใจจ่อรอให้ชีอ้าวชวางพูด