เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 220
“ข้าเห็นเขาแล้วไม่พอใจ ก็ง่ายๆ เช่นนี้” ชีอ้าวชวางพูดออกมาเบาๆ
หือ? ผู้หญิงชุดแดงตกใจกับคำสารภาพของชีอ้าวชวางและถามอย่างกังวล “ทำไมเจ้าไม่หลีกเลี่ยงการโจมตีของข้า และไม่โจมตีอะไรข้าล่ะ?”
“เพราะข้าต้องการอำนาจของเจ้า ข้าทำให้เจ้าขุ่นเคืองไม่ได้” ชีอ้าวชวางพูดอย่างตรงไปตรงมา
…สตรีชุดสีแดงได้ฟังความในใจของนางแล้ว เพียงแต่ดูเผินๆ คิดว่าอดกลั้นเอาไว้
“เจ้า เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจและตรงไปตรงมามาก” หญิงในชุดแดงยิ้มเล็กน้อย “คราวนี้แก่นแท้ของไฟเป็นของเจ้าแล้ว”
ทันทีที่ผู้หญิงชุดแดงพูดจบนางก็หายตัวไป
ชีอ้าวชวางกลับสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง ตรงหน้าคือหน้าผาคริสตัลสีแดง และนางยังคงลอยอยู่กลางอากาศ นางค่อยๆ ก้มหน้าลงและเห็นเส้นสีแดงเพลิงบนฝ่ามือของนางแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว มันลามไปที่แขนของนาง แก่นแท้ของไฟหายไปแล้ว รู้สึกสบายไปทั่วร่างกาย
“โอ้เด็กน้อย เจ้าโชคดีนะที่ได้ดูดซับแก่นแท้ของไฟ” ชายผู้เย้ายวนเหลือบมองชีอ้าวชวางบนอากาศ ไม่รอให้แมวล่าสมบัติในอ้อมแขนของเขาขยับ ชายผู้เย้ายวนก็รีบอธิบายต่อ “แก่นแท้ของไฟได้กลั่นตัวเป็นหยดน้ำในรอบห้าร้อยปี ไม่ใช่ทุกคนที่มาที่นี่จะดูดซับมันได้อย่างสมบูรณ์ หากไปทำให้จิตวิญญาณของแก่นแท้ของไฟไม่พอใจอย่างร้ายแรงก็จะได้รับคริสตัลไปโดยไม่มีพลังใดๆ หรืออย่างดีก็ดูดซับได้เพียงเจ็ดส่วน เด็กน้อย ดูดซับพลังทั้งหมดของแก่นแท้ของไฟได้ หรือว่าแก่นแท้ของไฟจะเป็นผู้ชายแล้วเจ้าหลอกลวงเขาเท่านั้น?”
“เหมียว!” แมวล่าสมบัติร้องอย่างไม่มีความสุข
“ข้าล้อเล่นน่า อาเป่า เจ้าดูสิว่านางเป็นแค่เด็ก จะมีผู้ชายคนไหนมองนางล่ะ?” ชายผู้เย้ายวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮัดเช้ย!” เฟิงอี้เซวียนที่อยู่ในลากัคจามอย่างรุนแรง
“นายน้อย? เป็นอะไรไป? เป็นหวัดหรือ?” คนข้างๆ ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ๆ” เฟิงอี้เซวียนส่ายหัวจากนั้นมองไปบนท้องฟ้า “ไม่รู้ว่ามีใครพูดไม่ดีถึงข้าหรือไม่”
“ฮัดเช้ย!”
“ฮัดเช้ย!”
เฟิงอี้เซวียนไม่ได้เป็นคนเดียวที่จาม…
ไป๋ตี้และเฮยหยูฟังคำพูดของชายผู้เย้ายวนละวางศิลาในใจของพวกเขาลง ดูเหมือนว่าครั้งนี้ชีอ้าวชวางจะดูดซับพลังของแก่นแท้ของไฟได้อย่างราบรื่นและยกระดับฃพลังของตัวเองขึ้นได้
ชีอ้าวชวางยังคงรู้สึกถึงพลังที่ร้อนแรงในร่างกายของนางอยู่
ร้อน ร้อนมากร้อนมากๆ…
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว
ร่างกายดูเหมือนจะลุกเป็นไฟเลย
“ไม่จริงน่า?” ชายผู้เย้ายวนมองไปที่ชีอ้าวชวางที่ยังคงลอยอยู่ในอากาศและกระซิบว่า “จิตวิญญาณไฟชอบนางมาก ข้าแน่ใจว่าจิตวิญญาณไฟเป็นผู้ชายแน่นอน!”
ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่แน่ใจ ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปที่ชีอ้าวชวางที่ลอยอยู่ในอากาศอย่างใจจดใจจ่อ แต่หูของพวกเขาก็พร้อมฟังคำพูดของชายผู้เย้ายวน มีแมวล่าสมบัตินี่ดีจริงๆ ชายผู้เย้ายวนยอมอธิบายรายละเอียดเรื่องชีอ้าวชวางเพื่อที่จะทำให้ลูกแมวในอ้อมแขนของเขามีความสุข
“ดูสิ อาเป่า เปลวไฟบนร่างกายของเด็กน้อยเปลี่ยนไปหรือไม่?” ชายผู้เย้ายวนวางแมวล่าสมบัติบนไหล่ของเขา แมวล่าสมบัติมองการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของชีอ้าวชวางด้วยดวงตาสีอำพันเบิกกว้าง
เปลวไฟบนร่างกายของชีอ้าวชวางในตอนแรกเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีทอง จากนั้นเป็นก็สีขาวแล้วจากนั้นจึงเป็นสีฟ้า สีน้ำเงิน…
“เหมียว?” แมวล่าสมบัติมองไปไฟที่ร่างของชีอ้าวชวางที่ในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสีดำอย่างตะลึง
“เปลวเพลิงแห่งราชันออกมาแล้ว!” ชายผู้เย้ายวนเลิกคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลย แต่สิ่งนี้สำหรับเด็กน้อยนั้น ต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
เปลวเพลิงแห่งราชัน!
ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือเปลวไฟก็มีราชาด้วยงั้นหรือ
เปลวไฟสีดำคือราชาแห่งเปลวไฟ เมื่อเปลวไฟสีอื่นพบกับเปลวไฟสีดำมันไม่ใช่การโจมตี แต่เป็นความเคารพ หากนักเวทไฟสองคนต่อสู้กันเอง ผู้ที่เป็นเจ้าของเปลวเพลิงแห่งราชันจะได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องสงสัยใดๆ เพราะไม่ว่าเปลวไฟใดที่พบกับเปลวเพลิงราชันมันก็จะหลีกเลี่ยงและบูชาเท่านั้น จะต่อสู้ได้อย่างไรล่ะ?
“พลังโจมตีของเปลวเพลิงแห่งราชันสูงมากหรือ?” เฮยหยู่ถามด้วยเสียงต่ำ
“ไม่” ชายผู้เย้ายวนเหลือบตาอย่างอารมณ์ดีและหัวเราะ “ไม่มีอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น”
“อะไรนะ?” เฮยหยู่กระซิบ ไป๋ตี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขาเคยได้ยินเรื่องเปลวเพลิงแห่งราชันแต่พวกเขาไม่เคยเห็นมันจริงๆ ไม่รู้ว่าพลังโจมตีของมันคืออะไร
“เปลวเพลิงแห่งราชันไม่มีพลังโจมตีใดๆ” ชายผู้เย้ายวนเหลือบตาและยิ้ม “แต่เปลวเพลิงทั้งหมดต้องบูชาและหลบหลีกเมื่อพบมัน”
อะไรนะ? มุมปากของไป๋ตี้และเฮยหยู่กระตุกเล็กน้อย…
“ก็ใครให้เรียกมันว่าราชาล่ะ? ราชาก็ไม่ต้องลงมือทำอะไรไง” รอยยิ้มติดตลกปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายผู้เย้ายวน
ในขณะที่ชายผู้เย้ายวนกำลังอธิบายอย่างกระตือรือร้น ร่างกายของชีอ้าวชวางก็เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ
“เฮ้อ…”
เสียงถอนหายใจยาวออกมาจากปากของชีอ้าวชวางราวกับว่ามาจากท้องฟ้าอันห่างไกลที่ทำให้จิตใจของผู้คนตกใจ
ร่างกายของชีอ้าวชวางถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีทอง และที่ด้านหลังของนางก็มีปีกเปลวไฟสีทองคู่หนึ่งยืดออก รูม่านตาของนางมีเพียงความว่างเปล่า และผมสีดำของนางก็ยาวขึ้นจนถึงข้อเท้า จากนั้นนางก็กระพือปีกอย่างไม่ไยดี
“โอ้ น่าสนใจนะ” ชายผู้เย้ายวนเหลือบมองชีอ้าวชวางที่เปลี่ยนไป
โอ้โห…
ชีอ้าวชวางค่อยๆ หันกลับมามองคนสามคนที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าเฉยเมย
ท่ามกลางสายตาแห่งความประหลาดใจของทุกคน ปีกบนหลังของชีอ้าวชวางเริ่มใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนสีไป
ในพริบตา ปีกบนหลังของชีอ้าวชวางก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และความยาวของมันเพิ่มขึ้นสามเท่า เปลวไฟที่ห่อหุ้มร่างกายของนางก็เปลี่ยนจากสีทองเป็นสีดำแล้ว
ผมสีดำ ตาสีดำ ปีกสีดำ เปลวไฟสีดำ
มันเป็นความงามที่น่าทึ่งอย่างมาก
ทันใดนั้นไป๋ตี้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติรอบตัวเขา เดิมทีบริเวณโดยรอบนั้นมีเวทมนต์ที่ร้อนแรงอยู่ และเดิมทีหุบเขาทั้งหมดจะเป็นสีแดง แต่ในขณะนี้สีแดงของหุบเขากำลังจางหายไป หรือพูดให้ถูกคือทั้งหมดมาบรรจบกันในทิศทางที่ชีอ้าวชวางอยู่
ความรู้สึกแผดเผาใต้เท้าของพวกเขากำลังหายไปอย่างช้าๆ และพื้นใต้เท้าของพวกเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเดิม สีแดงของดอกไม้ต้นไม้และสัตว์เล็กๆ โดยรอบก็จางหายไปอย่างช้าๆ
ความผันผวนของธาตุที่บ้าคลั่งพลังมหาศาลและพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดแห่กันไปรวมยังทิศทางของชีอ้าวชวางอย่างเต็มที่ราวกับน้ำท่วมเขื่อนแตก
ชีอ้าวชวางร่อนลงมาช้าๆ แล้วค่อยๆ เหยียดแขนออก เงยหน้าขึ้นและหลับตา ทันใดนั้นลำแสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ทำให้ท้องฟ้าครึ่งหนึ่งเป็นสีแดงขึ้นทันที ลำแสงรวมตัวกันเช่นนี้แล้วลอยขึ้นไปบนศีรษะของชีอ้าวชวาง จากนั้นก็เทลงมาก่อนจะหายไปเพราะรวมเข้ากับชีอ้าวชวางอีกครั้ง
ไป๋ตี้และเฮยหยู่มองฉากตรงหน้าพวกเขาด้วยความงุนงง แมวล่าสมบัติก็มองตรงไปที่การเปลี่ยนแปลงของชีอ้าวชวางโดยไม่กะพริบตา
สภาพแวดล้อมเย็นลงทันที และสีแดงทั้งหมดก็จางหายไป มีเพียงหน้าผาคริสตัลที่ปลายหุบเขาเท่านั้นที่ยังคงเป็นสีแดงอยู่ แต่สีก็จางลงไปมากแล้ว
ชีอ้าวชวางถอนหายใจเบาๆ ในขณะนี้นางรู้สึกได้ถึงพลังในร่างกายของนางที่เหมือนม้าพยศและราวกับทะเลที่มีพายุ
เปลวไฟสีดำที่ปกคลุมร่างกายของนางค่อยๆ ลดลง และปีกเปลวไฟสีดำก็ค่อยๆ หดลงด้วย
ชีอ้าวชวางลืมตาขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้วและกระซิบ “เลื่อนขั้นแล้ว! สายฟ้า…”
ทันทีที่พูดจบท้องฟ้าที่เคยโปร่งก็มืดสลัว ฟ้าร้องดังก้องมาจากที่ไกลและใกล้ เมฆดำทะมึนก็เคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ว้าว!” ชายผู้เย้ายวนมองไปบนท้องฟ้าและยิ้ม “นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นดอกไม้ไฟ?” เขามองสายฟ้าเป็นราวกับพลุ
“ท่านแม่!” ดอกบัวสีทองกระโดดออกมาในขณะนี้ “ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ฮ่าๆ…ครั้งนี้โชคดีจริงๆ ถ้าไม่ใช่ที่นี่ ข้าก็ตื่นไม่ได้หรอก”
“หือ?” สายตาของชายผู้เย้ายวนมองร่างของดอกบัวสีทอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เด็กน้อยให้กำเนิดขึ้นมางั้นหรือ? ชายผู้เย้ายวนเหลือบมองดอกบัวสีทองและทันใดนั้นเขาก็เข้าใจว่าทำไมอาเป่าของเขาจึงคอยตามชีอ้าวชวางตลอด ปรากฏว่าในสายตาของอาเป่า เด็กตัวเล็กๆ คนนี้เป็นสมบัติ สมบัติที่มีชีวิตเคลื่อนไหวได้ คราวนี้คงลำบากแล้ว…ชายผู้เย้ายวนขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด จะเป็นอย่างไรถ้าอาเป่าของข้าอยากวิ่งเล่นกับเด็กน้อยคนนี้? หรือจะเกิดสถานการณ์ที่ตนเองกังวลมากที่สุดจริงๆ?
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของชายผู้เย้ายวน แล้วสายฟ้าก็ฟาดลงมา แต่ชีอ้าวชวางถูกห่อหุ้มด้วยดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ เมื่อสายฟ้าฟาดลงบนดอกบัวสีทองก็หายไปทันที และดูเหมือนว่ามันจะถูกดูดซับไปด้วย
“เหมียวๆๆ…” แมวล่าสมบัติดูตื่นเต้นมาก มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่และกระโดดขึ้นไปบนศีรษะของชายผู้เย้ายวน มันคว้าผมของชายผู้เย้ายวนและมองไปที่ดอกบัวสีทองขนาดใหญ่นั้นอย่างตื่นเต้น
“พอแล้วอาเป่า” ชายผู้ยั่วยวนพูดไม่ออก อาเป่ารู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ ในวันนี้
ฟ้าร้องฟ้าผ่าทั้งสิบเอ็ดถูกดอกบัวสีทองดูดกลืนไปแล้ว ไม่ช้าเมฆดำก็สลายไปและท้องฟ้าก็แจ่มใสอีกครั้ง มีดอกบัวสีทองอยู่ก็จะไม่เป็นไร แต่ทุกครั้งเด็กคนนี้ดูดซับฟ้าร้อง เขาจะต้องหลับและฝึกฝนต่อเลย
ดอกบัวสีทองขนาดใหญ่หายไป และดอกบัวสีทองก็ฟื้นคืนร่างเป็นมนุษย์แล้วยืนอยู่ตรงหน้าชีอ้าวชวาง
“ทะ…ท่านแม่ อึ๊ก…” ดอกบัวสีทองดูท่าทางกำลังเมาจนแทบจะอยู่นิ่งไม่ได้ เขาดึงชายเสื้อของชีอ้าวชวางและเรอ
“ดอกบัวสีทอง เจ้าสบายดีหรือไม่?” ชีอ้าวชวางกอดดอกบัวสีทองและถามด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร ไม่ ไม่เลย…” ดอกบัวสีทองเรออีกครั้งแล้วแทบลืมตาไม่ขึ้น “ท่านแม่ ข้า…ข้าหลับ…ง่วง…” ดอกบัวสีทองก็หายไป
“เหมียว…” แมวล่าสมบัติร้องด้วยความตื่นเต้น ต่อมามันก็กระโดดจากศีรษะของชายผู้เย้ายวนไปที่ศีรษะของชีอ้าวชวางแล้วดึงผมของชีอ้าวชวางไว้