เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 234
“ทุกคน ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว พวกเจ้าไปทำในสิ่งที่พวกเจ้าอยากทำได้แล้วนะ” คามิลล์ยิ้มและมองทุกคน
“ขอบคุณทุกคนที่ช่วยข้า” ชีอ้าวชวางเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“เจ้าไม่มีอะไรจะพูดหรือ” วัลโดแสยะมุมปากแล้วยกแก้วขึ้นดื่มไวน์อย่างสบายใจ
ชีอ้าวชวางยิ้ม อันที่จริงนางไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณพวกเขาก็ได้ ทุกอย่างแสดงให้เห็นชัดเจนมากพอแล้ว
“เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหอะๆ ตอนนี้พวกเราทำในสิ่งที่เราอยากทำได้แล้ว” เบนหัวเราะ “ข้าจะกลับไปที่เส้นเลือดมังกรแล้ว พวกเราจะมาเยี่ยมพวกเจ้าบ่อยๆ นะ”
พวกเรา?
ทุกคนสะดุดกับคำที่เบนใช้ ประโยคสุดท้ายนั้นคือพวกเราไม่ใช่คำว่าข้า
เบนยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วมองซัมเมอร์ที่กำลังนั่งกินผลไม้อยู่ข้างๆ เขาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นสายตาของทุกคนก็มองไปที่ซัมเมอร์จนนางเงยหน้าขึ้นมองทุกคนอย่างสงสัยและถาม “ทำไม? พวกเจ้ามองข้าทำไม?”
“ข้ากับฉู่ซินก็จะไปแล้วเช่นกัน ข้ารับปากกับฉู่ซินว่าจะพานางไปเที่ยวบ้านเกิดของข้า” ตงเฟิงโฮ่วพูดด้วยรอยยิ้ม ตงเฟิงโฮ่วชายหนุ่มรูปงามมีเสน่ห์ผู้นี้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้คบหากับเฉียวฉู่ซิน ต่อจากนั้นเขาก็ถูกเฉียวฉู่ซินไล่ตีเนื่องด้วยใบหน้าที่ไร้ที่ติของเขา ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เกิดเรื่องให้เฉียวฉู่ซินต้องคอยหึงหวงอยู่ตลอด แม้ว่าการหึงหวงนี้จะเป็นสิ่งที่ผิด เพราะว่าตงเฟิงโฮ่วไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใครเลย มีแต่พวกหญิงบ้าผู้ชายเข้ามายุ่งกับเขาเองทั้งนั้น
ออสต้า เจ้าชายเอลฟ์ก็พูดอย่างเฉยเมยว่าเขาจะกลับไปที่ป่าเอลฟ์ คามิลล์จึงคืนสิ่งประดิษฐ์นั้นให้เขาไป
ตอนนี้วัลโดเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของวิหารแห่งคำสั่ง เขามีสีเฉ่าซื่อและสีเฉ่าฉีเดินประกบซ้ายขวาและทำทุกอย่างด้วยกันตลอด
สองพี่น้องตระกูลหลี่จะพาชีอ้าวชวางและราเซียกลับบ้านไปอยู่ด้วยกันกับพวกเขา จินเหยียนเองก็จะตามไปด้วย ตั้งแต่วันนั้น เหลิ่งหลิงยวิ๋นไม่มาปรากฏตัวอีกเลย คามิลล์ก็อธิบายให้ชีอ้าวชวางฟังว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการจริงๆ หลังจากจัดการเสร็จแล้วก็จะกลับมาหานางเอง แม้ว่าในใจของชีอ้าวชวางจะสงสัย แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่ไหน จึงทำได้เพียงเชื่อคำพูดที่คามิลล์บอก
คลิฟและราอูลเตรียมจะเดินทางไปเรื่อยๆ จากนั้นค่อยหาที่อยู่อย่างสันโดษ
ตั้งแต่ต้นจนจบ สุ่ยเหวินโม่ไม่พูดอะไรสักคำ สายตาของเขาคอยมองซัมเมอร์อยู่เป็นระยะโดยมีเฟิงอี้เซวียนนั่งเงียบอยู่ข้างเขาตลอดเวลา ไป๋ตี้และเฮยหยู่ก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเพียงแค่มองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างเงียบๆ เท่านั้น
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา จบตรงที่ทุกคนตกลงกันว่าจะมาพบกันอีกครั้งที่บ้านของคามิลล์ในอีกสองปีข้างหน้า
ที่นอกเมือง ตงเฟิงโฮ่วเรียกสัตว์เวทตัวสูงใหญ่ออกมาแล้วพาเฉียวฉู่ซินขึ้นไปนั่ง จากนั้นก็บอกลาทุกคนแล้วเดินทางจากไป
เบนคืนร่างเดิมของเขาแล้วให้ซัมเมอร์นั่งบนหลัง หลังจากอำลาทุกคนเสร็จแล้วพวกเขาก็จากไป สุ่ยเหวินโม่ไม่ได้มาส่ง และเลือกที่จะเดินทางไปเพียงลำพัง
ส่วนที่เหลือกำลังจะกลับไปที่ลากัค
รถม้ากำลังรออยู่ ราเซียจินเหยียนและจูดี้ขึ้นไปบนรถม้ารอชีอ้าวชวางอำลาคามิลล์ เฟิงอี้เซวียนอยู่ห่างๆ พร้อมความคิดฟุ้งซ่าน เขายังคงนึกถึงสุ่ยเหวินโม่ที่เดินทางไปเพียงลำพังอยู่
“ท่านจะไม่ไปกับข้าจริงๆ หรือ?” ชีอ้าวชวางมองคามิลล์ที่กำลังยิ้มแล้วถามเสียงเบา
“เหอะๆ เราจะต้องได้พบกันอีก” คามิลล์ตอบไม่ตรงคำถาม
แมวล่าสมบัติหมอบอยู่บนไหล่ของชีอ้าวชวางและหาวอย่างเบื่อหน่าย
“เช่นนั้นก็ดี หากท่านมีเรื่องอะไรก็ไปหาข้าที่ลากัคนะ” ชีอ้าวชวางพยักหน้า ที่จริงแล้วสิ่งที่ชีอ้าวชวางอยากจะรู้ที่สุดก็คือตัวตนของคามิลล์คืออะไร แต่นางรู้ว่าหากว่าคามิลล์ไม่อยากบอก ต่อให้นางถามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก
คามิลล์ยิ้มไม่ตอบคำพูดของชีอ้าวชวาง แต่หันไปมองไป๋ตี้และเฮยหยู่แล้วพูดเรียบๆ “พวกเจ้าไม่รีบไป ไม่กลัวว่าจะไม่ทันหรือ”
“อะไร?” ชีอ้าวชวางมองไป๋ตี้และเฮยหยู่ด้วยความสงสัย สิ่งที่คามิลล์พูดหมายความว่าอะไร
“เหอะๆ” คามิลล์ยิ้มเล็กน้อยและพูดทันที “ไปเถอะ เสี่ยวอ้าวชวาง รีบเติบโตเร็วๆ นะ ที่นี่ไม่เหมาะกับการเติบโตของเจ้าแล้ว”
เขาพูดอะไรกันแน่? ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว ท่าทางของคามิลล์ในวันนี้แปลกมาก เขาพูดถึงอะไรกันแน่?
คามิลล์ไม่ตอบ แต่สะบัดนิ้วเบาๆ แล้วแสงสีขาวก็ห่อหุ้มชีอ้าวชวางและไป๋ตี้กับเฮยหยู่ไว้ ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบสนอง ทั้งสามคนก็หายไปแล้ว
เฟิงอี้เซวียนที่อยู่ไม่ไกลตกใจมาก รีบวิ่งเข้าไป แต่คามิลล์ก็ลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าของเขาแล้ว
“คามิลล์! ท่านทำอะไร?” สองพี่น้องตระกูลหลี่และจินเหยียนกับราเซียก็รีบวิ่งไปหาคามิลล์แล้วมองด้วยความโกรธ
“นางแค่ไปในที่ที่นางควรไป ส่วนพวกเจ้า พวกเจ้าไม่มีความเข้มแข็งและคุณสมบัติมากพอที่จะติดตามนางได้อีกต่อไปแล้ว พวกเจ้าจงใช้ชีวิตให้ดี ข้าเห็นแก่นาง ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า” ใบหน้าของคามิลล์กลับมาเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน แต่กลับพูดคำพูดที่เย็นชาเช่นนั้นออกมา
หมายความว่าอะไร? ทุกคนทั้งตกใจและโกรธด้วย
เฟิงอี้เซวียนเตรียมจะลงมือแล้ว
“เฮ้อ…” คามิลล์ถอนหายใจเบาๆ วินาทีต่อมาเขาก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของเฟิงอี้เซวียนราวกับผีแล้วจับข้อมือของเฟิงอี้เซวียนไว้ไม่ให้ขยับ จากนั้นคามิลล์ก็พูดที่ข้างหูของเฟิงอี้เซวียน “เจ้าก็น่าจะรีบฟื้นคืนสตินะ การกระทำของเจ้ามันไม่ตรงกับตัวตนที่แท้จริงของเจ้าเลย ไม่ต้องร้อนใจ เจ้าจะต้องได้พบนางแน่ เหอะๆ…สุดท้ายนี้ข้ามีของขวัญให้เจ้าด้วย” คามิลล์ใช้นิ้วกดไปที่ด้านหลังศีรษะของเฟิงอี้เซวียนเบาๆ จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก
เฟิงอี้เซวียนตกใจกับความแข็งแกร่งของคามิลล์ แต่ตกใจกับคำพูดของคามิลล์มากกว่า พอคิดว่าจะหันไปถามคามิลล์ก็หันไปไม่เจอเขาแล้ว คามิลล์หายตัวไปแล้ว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันแปลกและกะทันหันมาก ชีอ้าวชวาง ไป๋ตี้และเฮยหยู่หายตัวไป คามิลล์เองก็หายตัวไปด้วย ส่วนเหลิ่งหลิงยวิ๋นก็ไร้ร่องรอย
ราเซียและคนอื่นๆ ตกใจมาก พยายามตามหาร่องรอยของชีอ้าวชวาง
เฟิงอี้เซวียนยืนก้มหน้าอยู่ที่เดิม ดวงตาที่เดิมเป็นสีดำเวลานี้กลับมีประกายสีแดงแปลกๆ เกิดขึ้น
คามิลล์ลอยอยู่กลางอากาศและหรี่ตาพร้อมรอยยิ้ม
ละครได้เริ่มขึ้นแล้ว
ชีอ้าวชวาง ไป๋ตี้ และเฮยหยู่ มาถึงในอีกโลกหนึ่งแล้ว
ไป๋ตี้และเฮยหยู่เงียบแล้วมองตรงไปข้างหน้า
พวกเขาได้กลับมาที่แห่งนี้อีกครั้งแล้ว
โลกอสูรปีศาจ!
ในขณะที่ชีอ้าวชวางเพิ่งจะยืนได้มั่นคง ยังไม่ทันได้สังเกตรอบๆ ให้ละเอียด สายลมหนาวเย็นก็พัดเข้ามา
“ฮ่าๆ วันนี้โชคดีจริงๆ มีอาหารอันโอชะมาหาถึงที่เลย” เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง จากนั้นสายลมเย็นก็พัดมาอย่างแรงจนลืมตาไม่ขึ้น
ชีอ้าวชวางตัวสั่น สายลมนี้แปลกมาก มันหนาวเย็นจนเข้ากระดูก แม้ว่านางจะมีธาตุไฟก็ยังรู้สึกหนาวจนผิดปกติอยู่ดี
แววตาของไป๋ตี้และเฮยหยู่ดูประหลาดใจ อีกฝ่ายไม่รู้สึกถึงลมหายใจอสูรปีศาจในตัวพวกเขาหรือ? อสูรปีศาจตนนี้จะกินพวกเขางั้นหรือ?
แมวล่าสมบัติส่งเสียงร้องออกมา ขนที่หางของมันพองขึ้นมาเป็นสัญญาณว่ามันกำลังโกรธ มันเกลียดอากาศที่หนาวขนาดนี้
ชีอ้าวชวางมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ มีหญิงงามผิวขาวลอยอยู่ในอากาศ ผมของนางสีขาว คิ้วสีขาว และเสื้อผ้าสีขาว แม้แต่ดวงตาของนางก็เป็นสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าที่ขาวซีดไร้สีเลือดนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้น นางมองไปที่ไป๋ตี้และเฮยหยู่ด้วยความตื่นเต้นแล้วแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก ยิ้ม “อสูรปีศาจระดับสูงสองตน มีมนุษย์อีกด้วยฮ่าๆ มีมนุษย์อยู่ด้วย! วันนี้กำไรจริงๆ เลย! เยี่ยมไปเลย!” นางตะโกนออกมาอย่างดีใจจนแทบจะเต้นอยู่แล้ว
ลมหนาวที่เย็นยะเยือกพัดมา เวลาต่อมาทุกอย่างรอบตัวก็กลายเป็นน้ำแข็ง เกล็ดหิมะเริ่มปลิวไปทั่วท้องฟ้าและต้นไม้รอบๆ ก็แข็งตัวในพริบตา จากนั้นก็มีประกายแสงประหลาดเกิดขึ้น
“ปอสูรีศาจหิมะ” เฮยหยู่พูดออกมาอย่างเย็นชาเพื่อบ่งบอกตัวตนของปีศาจอสูรตรงหน้า
มุมปากของชีอ้าวกระตุกและมองเฮยหยู่ข้างๆ อย่างดูถูก “พวกเจ้าทั้งสองเป็นขุนศึกข้างกายราชาอสูรปีศาจไม่ใช่หรือ? ทำไมเพิ่งมาถึงก็ถูกโจมตีเลยล่ะ?” ขุนศึกผู้มีตำแหน่งสูงส่งทั้งสองเพิ่งจะเข้ามาในโลกอสูรปีศาจกลับถูกอสูรปีศาจโจมตีเข้าแล้ว มันดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่เลย
เฮยหยู่หน้าเคร่งขรึมแล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าก็ไม่รู้ ต่อให้จะเป็นอสูรปีศาจตัวเล็กที่ไม่รู้จักพวกเราแต่ก็น่าจะสัมผัสลมหายใจอสูรปีศาจของพวกเราได้นี่ กล้ามาโจมตีพวกเราเช่นนี้ไม่กลัวตายเลยหรือ!”
สายลมที่เย็นยะเยือกพัดมาอีกครั้ง ชีอ้าวชวางตัวสั่นแต่ก็ไม่คิดที่จะติดตามเรื่องนี้ เวลานี้จัดการสถานการณ์ตอนนี้ก่อนจะดีกว่า ชีอ้าวชวางสะบัดนิ้วแล้วเปลวไฟสีแดงนับไม่ถ้วนก็ออกมาจากมือของนางไปทำลายน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้าพร้อมทั้งปิดกั้นลมหนาวเย็นที่พัดเข้ามา ทำให้บริเวณโดยรอบอุ่นขึ้นทันที หางของแมวล่าสมบัติก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ถ้ายังหนาวต่อไปอีกคงจะต้องแย่แน่
อสูรปีศาจหิมะตะลึง จากนั้นก็มองเปลวไฟตรงหน้าที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในใจของนางรู้สึกไม่ดี นางดูออกว่าเปลวไฟเหล่านั้นเป็นเปลวไฟที่มีความพิเศษ จากนั้นนางก็หันหลังหนีไป
“จะหนีไปไหน!” เฮยหยู่ตะโกนแล้วไปดักที่ข้างหน้าของอสูรปีศาจหิมะ เขายื่นมือไปคว้าที่คอของอสูรปีศาจหิมะไว้ แต่ใบหน้าของอสูรปีศาจหิมะกลับปรากฏรอยยิ้มที่ดูประหลาด ทันในนั้นนางก็กลายเป็นธารหิมะที่ไหลจากมือของเฮยหยู่เป็นหยดน้ำนับไม่ถ้วนเตรียมจะหนีไปอีก
รอยบางอย่างเกิดขึ้นที่มือของชีอ้าวชวาง นางร่ายคาถาและผลักมือออกไปข้างหน้า จากนั้นเขตกั้นขนาดใหญ่ก็ครอบคลุมหยดน้ำทั้งหมดนั้นไว้โดยไม่มีสักหยดที่เล็ดรอดออกไปได้
หยดน้ำจำนวนมากนั้นพุ่งกระทบกับเขตกั้นเพื่อต้องการจะหนี แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หนีออกไปไม่ได้เลย
“กลับมา!” ชีอ้าวชวางตะโกนเสียงเย็นชาแล้วเขตกั้นขนาดใหญ่นั้นก็กลับมาที่ตรงหน้าของชีอ้าวชวาง จากนั้นก็ย่อส่วนเล็กลงเรื่อยๆ บีบหยดน้ำที่อยู่ข้างในให้รวมตัวกันจนกลายเป็นร่างมนุษย์แบบเมื่อครู่ แต่ตอนนี้สีหน้าของอสูรปีศาจหิมะเต็มไปด้วยความกลัวจนตัวสั่นอยู่ตลอด ตอนนี้นางกำลังเสียใจกับการกระทำของนางอยู่
ไป๋ตี้ขมวดคิ้วมองอสูรปีศาจหิมะตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดปกติ อสูรปีศาจหิมะเป็นตระกูลอสูรปีศาจระดับสูง พวกเขาเองก็เคยเจอ แต่อสูรปีศาจหิมะตรงหน้ากลับมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับอสูรปีศาจหิมะที่พวกเขาเคยเจอมาก่อน แต่มันไม่เหมือนกันที่ตรงไหนล่ะ?