เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 242
“เจ้าไม่คู่ควรที่จะรู้จักชื่อของข้า” น้ำเสียงเย็นชาของคามิลล์ทำให้คนฟังหายใจไม่ออกเหมือนถูกกักขัง
ลีลอร่ารู้สึกเพียงว่าร่างกายภายในของนางกำลังจะมอดไหม้ ในตอนนี้แกนชีวิตของนางกำลังสั่นอยู่ภายในจนแทบจะระเบิดออกมาจากร่างกายของนางแล้ว นางอยากจะกรีดร้อง แต่ต่อให้นางอ้าปากอย่างไรก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้เลย
มือของคามิลล์ค่อยๆ เคลื่อนจากคอของลีลอร่าไปที่หน้าท้องของนาง จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปในร่างกายของลีลอร่าแล้วบีบแกนชีวิตของลีลอร่าและดึงมันออกมา
ดวงตาของลีลอร่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและดวงตาของนางก็ค่อยๆ หรี่ลง จากนั้นร่างของนางก็ค่อยๆ ทรุดลงไปที่พื้น จากนั้นก็กลายเป็นกรวด!
ชีอ้าวชวางมองคามิลล์ด้วยความงุนงง คามิลล์ที่อยู่ตรงหน้านี้ดูแปลกประหลาดมาก เขาไม่ใช่คามิลล์ที่นางรู้จักเลย คนตรงหน้านี้มีลมหายใจที่เยือกเย็นและน่ากลัวอยู่ทั่วไปหมด ขนที่หางของแมวล่าสมบัติในอ้อมแขนชีอ้าวชวางตั้งขึ้น ดวงตาของมันเบิกกว้างและส่งเสียงร้องขู่ แมวล่าสมบัติมีความไวต่ออันตรายมากกว่าเผ่าพันธุ์ใดๆ คนตรงหน้านี้อันตรายมาก อันตรายมากๆ เลย ชีอ้าวชวางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคามิลล์ เมื่อกี้เขายังพยายามไกล่เกลี่ยให้จบลงด้วยดี แต่ตอนนี้เขากลับฆ่าผู้หญิงคนนั้นเพราะแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว
คามิลล์หันมาอย่างช้าๆ สายตาของเขามองไปชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางเองก็มองดวงตาของคามิลล์อย่างตะลึง ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมีแต่ความเย็นชา แต่กลับดูเหมือนไพลินที่สวยที่สุดในโลก ราวกับว่ามันดึงดูดคนเข้าไปได้ จากนั้นความคิดของชีอ้าวชวางก็สับสนไปเล็กน้อย
“แง้ว…” จู่ๆ แมวล่าสมบัติก็กัดที่หลังมือของชีอ้าวชวาง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ชีอ้าวชวางเรียกสติของตัวเองกลับมาได้และละสายตาจากดวงตาของคามิลล์ ในใจของนางก็ประหลาดใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่รู้สึกสับสนไปหมดเลย
ตอนนี้ดูเหมือนคามิลล์จะกลับมาเป็นปกติและขมวดคิ้ว ความเยือกเย็นในดวงตาของเขาหายไปทันที พอเขามองชีอ้าวชวางอีกครั้งก็ปรากฏรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และอ่อนโยนออกมา พูดเบาๆ “เสี่ยวอ้าวชวาง ขอโทษนะ ข้าเกือบจะควบคุมมันไม่ได้แล้ว ตอนที่ข้าเปลี่ยนไป อย่ามองตาของข้านะ”
ชีอ้าวชวางค่อยๆ หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของคามิลล์และก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้น คามิลล์เป็นใครกันแน่? ชื่อคามิลล์เป็นชื่อจริงๆ ของเขาหรือไม่? อาจจะไม่ใช่ก็ได้สินะ? หรือว่าชื่อของเขาเป็นสิ่งต้องห้าม? ชีอ้าวชวางครุ่นคิด ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเคยถามชื่อของคามิลล์เลย ทุกคนรู้จักชื่อคามิลล์จากคนอื่นๆ รอบตัวจึงไม่มีใครถาม อสูรปีศาจสาวคนนี้เป็นคนแรกที่ถามชื่อของคามิลล์
“ไปกันเถอะ เสี่ยวอ้าวชวาง ที่นี่ไม่เหมาะที่เราจะพักแล้ว” คามิลล์พูดด้วยรอยยิ้ม
ชีอ้าวชวางเรียกสติกลับมาและพยักหน้าเบาๆ นางมองไปที่กรวดบนพื้น คุณหนูที่เพิ่งจะโวยวายอยู่เมื่อครู่ในตอนนี้หายไปแล้ว
“เหมียว!”แมวล่าสมบัติซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของชีอ้าวชวางด้วยความหวาดกลัวและใช้อุ้งเท้ามาปิดตาของตัวมันเองไว้แล้วแอบมองคามิลล์
คามิลล์โบกมือเบาๆ แล้วก็มีลมพัดกรวดที่อยู่บนพื้นหายไปจนไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติอีกเลย จากนั้นคามิลล์ก็เปิดประตูเดินออกไปพร้อมกับชีอ้าวชวาง คนติดตามของลีลอร่าที่เฝ้าอยู่หน้าประตูมองคนทั้งสองที่เดินออกมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกไม่ดีจึงรีบเข้าไปในห้อง แต่หาจนทั่วห้องก็ไม่พบลีลอร่า ผู้ติดตามรู้สึกกระวนกระวายใจจึงรีบวิ่งไปขวางคามิลล์และชีอ้าวชวางไว้ “คุณหนูของพวกเราล่ะ?”
“คุณหนูของพวกเจ้าแล้วจะมาถามเราได้อย่างไรล่ะ?” คามิลล์ตอบด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูเข้าไปในห้องของพวกเจ้า แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว ข้าก็ต้องมาถามพวกเจ้าสิ!” แม้ว่าผู้ติดตามจะกระวนกระวายแต่ก็ไม่กล้าแสดงท่าทีไม่ดีกับคามิลล์ ตอนนี้ไม่รู้ว่าคุณหนูหายไปไหน เกี่ยวกับคนคนนี้หรือไม่? การที่พวกเขาได้มาเป็นผู้ติดตามของฮามส์ พวกเขาย่อมเคยเจอมาหลายรูปแบบ และเข้าใจดีว่าตัดสินใครที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ อีกอย่าง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของมนุษย์ผู้นี้ก็เป็นผู้ที่พวกเขาไม่อาจต่อกรได้ด้วย
“คุณหนูของพวกเจ้าตามคนออกไปทางหน้าต่างแล้ว พวกเจ้าไปหาดูสิ ผู้หญิงตัวเป็นๆ อย่างนั้นเราคงเอาไปซ่อนไม่ได้หรอก” คามิลล์ตอบเรียบๆ “เอาละ พวกเรามีธุระต่อ รบกวนพวกเจ้าหลีกทางด้วย” แม้ว่าน้ำเสียงของคามิลล์จะสุภาพมาก แต่ผู้ติดตามฟังแล้วกลับมีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นที่แผ่นหลัง พลังที่คนคนนี้แสดงออกมาทำให้พวกเขาเผชิญหน้าไม่ได้เลย
ผู้ติดตามก้าวหลบไปอย่างระมัดระวังและมองการจากไปของคามิลล์และชีอ้าวชวาง แต่เขาจดจำรูปลักษณ์ของคามิลล์และจากนั้นก็รีบกลับไปเตรียมรายงานเรื่องนี้กับฮามส์ และรอฮามส์ตัดสินใจ
คามิลล์พาชีอ้าวชวางออกจากโรงแรมแล้ว ตลอดทางนั้นชีอ้าวชวางเอาแต่เงียบ แต่คามิลล์ที่อยู่ข้างๆ ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่
“คามิลล์ ท่าน…” ทั้งสองคนเดินไปตามถนนเป็นเวลานาน ในที่สุดชีอ้าวชวางก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเตรียมจะถามสิ่งที่อยู่ในใจของนาง แต่กลับถูกร่างหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าขัดจังหวะเสียก่อน
แผ่นหลังที่อยู่ตรงหน้าไม่ไกลช่างดูคุ้นเคยเสียเหลือเกิน ชีอ้าวชวางตัวแข็งทื่อ ผมสีแดงเพลิงตรงหน้าดึงสายตาของนางไปแล้ว
เฟิงอี้เซวียน เฟิงอี้เซวียน…
เขาอยู่ในโลกอสูรปีศาจด้วยจริงๆ…
เฟิงอี้เซวียน! นั่นคือเฟิงอี้เซวียนจริงๆ! ในหัวของชีอ้าวชวางแทบจะขาวโพลนไปหมด นางยืนอยู่ที่เดิมและจ้องมองคนตรงหน้าอย่างตะลึง แม้ว่าเสื้อผ้าจะเปลี่ยนไป ลมหายใจของเขาก็เปลี่ยนไป แต่นั่นก็คือเฟิงอี้เซวียน!
ชีอ้าวชวางเห็นว่าเฟิงอี้เซียนกำลังจะเดินจากไปจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า ส่วนคามิลล์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนแต่เฝ้าดูพฤติกรรมของนางด้วยความสนใจ ชีอ้าวชวางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและยื่นมือออกไปคว้าชายเสื้อของเฟิงอี้เซวียนโดยไม่คิดอะไรเลย
เฟิงอี้เซวียนหันกลับมา
สายตาประสานเข้าหากัน
สายตาของเฟิงอี้เซวียนมีทั้งความประหลาดใจ ความสุข และความเจ็บปวด จากนั้นความรู้สึกที่ซับซ้อนทั้งหมดก็หายวับไป และต่อจากนั้นสายตาของเฟิงอี้เซวียนก็กลายเป็นนิ่งเฉย
ชีอ้าวชวางหยุดความสุขที่เกิดในใจเอาไว้แล้วมองคนตรงหน้า จากนั้นนางก็ยิ้มและพูดเบาๆ “อี้เซวียน…”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นทำให้ชีอ้าวชวางตะลึง
เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างเย็นชา “คุณหนู เจ้าจำผิดคนแล้ว ข้าไม่รู้จักเจ้า”
ชีอ้าวชวางตะลึง คนที่อยู่ตรงหน้ามีผมสีแดงเพลิง ดวงตาสีดำเข้ม และใบหน้าหล่อเหลา นี่คือเฟิงอี้เซวียน ไม่ผิดหรอก เพียงแต่ลมหายใจที่บ้าคลั่งของเฟิงอี้เซวียนก่อนหน้านี้กลับกลายเป็นความเย็นชาไปแล้ว แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ชีอ้าวชวางก็มั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือเฟิงอี้เซวียนไม่ผิดแน่นอน อีกอย่าง เมื่อครู่ตอนที่นางกับเฟิงอี้เซวียนสบตากัน ความรู้สึกที่ส่งผ่านสายตานั้นอย่างไรก็ต้องเป็นเขาแน่นอน เขาคือเฟิงอี้เซวียน!
“อี้เซวียน เจ้าเป็นอะไรไป?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและสังเกตเห็นว่าตอนที่เดินมาเมื่อครู่ไม่มีใครอยู่กับเฟิงอี้เซวียนเลย เขาอยู่คนเดียว ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีอะไรที่ทำให้ไม่สบายใจกับการที่เขารู้จักกับนางนี่?
“ข้าไม่รู้จักเจ้า แล้วก็ไม่ได้ชื่ออี้เซวียนด้วย เจ้าจำคนผิดแล้ว” น้ำเสียงของเฟิงอี้เซวียนยังคงเย็นชาอยู่ พอพูดประโยคนี้จบ เขาก็หันไปและเตรียมจะเดินจากไป
“อี้เซวียน!” ชีอ้าวชวางยื่นมือออกไปจะจับชายเสื้อของเฟิงอี้เซวียนไว้ แต่มือของนางที่อยู่กลางอากาศนั้นกลับถูกมือขาวๆ คว้าเอาไว้ก่อน ชีอ้าวชวางตกใจ พอหันไปมองก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของคามิลล์มีความอบอุ่นอยู่
คามิลล์ส่ายหัวน้อยๆ ให้ชีอ้าวชวาง นางไม่รู้ว่าทำไมและหันไปมองข้างหน้า แต่ก็เห็นเฟิงอี้เซวียนรีบเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองเลย
“ทำไม?” ชีอ้าวชวางเอามือออกจากมือของคามิลล์และถามด้วยเสียงต่ำพลางกัดริมฝีปากไม่รู้ว่ากำลังถามเฟิงอี้เซวียนว่าทำไมเขาถึงจำนางไม่ได้ หรือถามคามิลล์ว่าทำไมถึงต้องห้ามไม่ให้นางตามไปด้วย
“เขามีเหตุผลของเขาน่ะ” คามิลล์ตอบเบาๆ
“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่? เขา…” ชีอ้าวชวางเงยหน้ามองคามิลล์พลางถามอย่างร้อนใจ
“เจ้าอยากถามว่าเขามีลมหายใจอสูรปีศาจแล้วเขาเป็นอสูรปีศาจหรือไม่สินะ?” คามิลล์ยื่นมือออกมาลูบหัวของชีอ้าวชวางเบาๆ และถาม
ชีอ้าวชวางกัดริมฝีปากมองแผ่นหลังของเฟิงอี้เซวียนที่หายไปจากสายตาแล้วพยักหน้า นางอยากจะตามไป
“ข้าบอกเจ้าได้แค่ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์และไม่ใช่อสูรปีศาจ”คามิลล์ลูบหัวของชีอ้าวชวางด้วยความรักและพูดต่อ “ให้เขาบอกเจ้าเองคงจะดีกว่า ที่ข้าหยุดเจ้าเอาไว้ เพราะข้ารู้สึกว่าการที่พวกเจ้ามาเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้มันไม่เหมาะสมนัก”
“ทำไม?” ชีอ้าวชวางเฝ้ามองแผ่นหลังของเฟิงอี้เซวียนหายไปที่ปลายถนนด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
“เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เอง ตอนนี้เรากลับไปที่คฤหาสน์ของว่านเฟิงหลิวก่อนเถอะ” คามิลล์ถอนหายใจเบาๆ “หากเฟิงอี้เซวียนอยากจดจำเจ้า เขาจะมาหาเจ้าเอง ถ้าเขายังไม่อยากจดจำเจ้า เจ้าตามไปจะมีประโยชน์หรือ?”
ชีอ้าวชวางตกใจ สายตาของนางค่อยๆ หรี่ลงและก้มหัวลงอย่างเงียบงัน
สุดท้ายนางก็ค่อยๆ เดินตามคามิลล์กลับไปที่คฤหาสน์เจ้าเมืองของว่านเฟิงหลิว เวลานี้ในหัวของนางเอาแต่คิดเรื่องของเฟิงอี้เซวียน นางจึงไม่ได้สนใจว่าทำไมคามิลล์ถึงรู้จักว่านเฟิงหลิว และทำไมถึงอาศัยอยู่ที่บ้านของว่านเฟิงหลิวด้วยเหมือนกัน
ค่ำคืนที่เย็นราวกับสายน้ำและเงียบเหงา
ชีอ้าวชวางยืนพิงเสาขนาดใหญ่ที่ด้านข้างของทางเดินและมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงจันทร์สีม่วงลอยอยู่บนท้องฟ้าและเปล่งประกายอย่างแปลกตา นี่คือดวงจันทร์ของโลกอสูรปีศาจ
ชีอ้าวชวางมองดวงจันทร์สีม่วงด้วยความงุนงง แต่จิตใจของนางยังคงเต็มไปด้วยท่าทีที่เย็นชาของเฟิงอี้เซวียนเมื่อตอนกลางวัน ทำไมเฟิงอี้เซวียนถึงมาปรากฏตัวในโลกอสูรปีศาจได้ล่ะ? ทำไมเขาจำนางไม่ได้? ชีอ้าวชวางนึกถึงคำพูดของคามิลล์ที่บอกว่าเฟิงอี้เซวียนไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่เผ่าอสูรปีศาจ เช่นนั้นตัวตนที่แท้จริงของเฟิงอี้เซวียนคืออะไร? ที่เขามาปรากฏตัวที่นี่ก็เพราะตัวตนที่ไม่มีใครรู้ของเขางั้นหรือ? เขาถึงจำนางไม่ได้งั้นหรือ?
“เหมียว…” แมวล่าสมบัติหมอบลงบนไหล่ชีอ้าวชวาง จากนั้นก็เอาหัวที่มีขนนุ่มฟูนั้นมาถูที่ใบหน้าของชีอ้าวชวางเบาๆ