เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 244
“หลิงยวิ๋น…” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ แต่ยังไม่ได้พูดต่อก็ถูกเหลิ่งหลิงยวิ๋นขัดจังหวะไว้ก่อน
“อ้าวชวาง ข้ารู้ว่าเจ้ามีคำถามมากมาย” ใบหน้าหล่อเหลาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและพูดเรียบๆ “โลกอสูรปีศาจในตอนนี้กำลังอยู่ในความสับสนวุ่นวายเนื่องจากประตูมิติไม่เป็นระเบียบ ทำให้มีพวกจากโลกภูตผีปีศาจเข้ามาปะปน แต่จะมีพวกจากโลกเทพเจ้าเข้ามาปะปนบ้างหรือไม่ข้าเองก็ไม่รู้ เฟิงอี้เซวียนเป็นเผ่าภูตผีปีศาจ ข้ารู้แค่นี้ การประลองใหญ่ครั้งนี้ไม่มีใครคาดเดาได้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไร ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตราย ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง”
เฟิงอี้เซวียนเป็นภูตผีปีศาจงั้นหรือ???
แม้ว่าชีอ้าวชวางจะคาดเดาไว้ในใจของนางแล้ว แต่พอเหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนยันแบบนี้ ใจของนางก็ยังคงมีความไม่อยากจะเชื่ออยู่เหมือนกัน
เฟิงอี้เซวียนเป็นภูตผีปีศาจ เช่นนั้น เจ้าล่ะ? หลิงยวิ๋น เจ้าล่ะ? เจ้าไม่ใช่มนุษย์แล้วเจ้าเป็นใครกัน?
“ข้าเป็นอสูรปีศาจ”ดูเหมือนว่าเหลิ่งหลิงยวิ๋นจะมองความสงสัยของชีอ้าวชวางออก จากนั้นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “ข้าไปล่องลอยอยู่ในโลกมนุษย์มาเป็นพันปีแล้ว ความทรงจำของข้าเพิ่งค่อยๆ ฟื้นกลับมาเมื่อไม่นานมานี้เอง”
“หนึ่งพันปีงั้นหรือ? เช่นนั้น เจ้าก็เหมือนกับไป๋ตี้และเฮยหยู่น่ะสิ เจ้าไปโลกมนุษย์หลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่แล้ว?” ชีอ้าวชวางพูดเสียงเบา
“อืม”ประกายที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นในส่วนลึกของดวงตาเหลิ่งหลิงยวิ๋นราวกับว่าเขาปกปิดอะไรบางอย่างอยู่แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก ข้าจะมาหาเจ้าอีกนะ ตอนที่ข้าไม่อยู่เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ และระวัง ว่านเฟิงหลิวด้วยด้วยนะ” เหลิ่งหลิงยวิ๋นส่งชีอ้าวชวางกลับไปที่ประตูเมืองและย้ำให้ชีอ้าวชวางระวังว่านเฟิงหลิวเอาไว้
ชีอ้าวชวางมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป สุดท้ายคำพูดนับพันก็กลายเป็นเพียงประโยคเดียว “อื้ม เจ้าก็ต้องระวังตัวนะ”
ชีอ้าวชวางมองแผ่นหลังของเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่ค่อยๆ หายไป แล้วหัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
เฟิงอี้เซวียน เหลิ่งหลิงยวิ๋น นายน้อยแห่งอาณาจักรปีศาจ ไป๋ตี้ เฮยหยู่ คามิลล์ ว่านเฟิงหลิว…ทำไมมันถึงรู้สึกยุ่งเหยิงไปหมดเลยนะ? แต่ดูเหมือนว่าจะมีการเชื่อมโยงกันทั้งหมดเลย
เบื้องหลังของทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ชีอ้าวชวางอุ้มแมวล่าสมบัติเดินไปตามถนนในยามค่ำคืน มีบางครั้งที่อสูรปีศาจเดินผ่านไปและเห็นชีอ้าวชวางซึ่งเป็นมนุษย์เดินอยู่คนเดียวบนท้องถนนก็ตกใจและสงสัย แต่พอเห็นตราดอกกุหลาบใต้คอเสื้อของชีอ้าวชวาง พวกเขาทั้งหมดมีการแสดงออกที่ชัดเจน จากนั้นก็เดินจากไป ชีอ้าวชวางแตะที่ตราดอกกุหลาบและแอบพูดในใจว่า ‘ว่านเฟิงหลิวมีอิทธิพลมากขนาดนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ’
ชีอ้าวชวางกลับไปที่คฤหาสน์เจ้าเมือง ยามที่ประตูและสาวใช้ผู้มีเสน่ห์ในห้องโถงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชีอ้าวชวางกลับมาจากด้านนอก เพราะพวกเขาไม่เห็นชีอ้าวชวางออกไปเลย แต่ตอนนี้ชีอ้าวชวางกลับเดินมาจากข้างนอก
ชีอ้าวชวางเดินตรงไปยังห้องพักที่อาศัยอยู่โดยไม่สนใจสายตาสงสัยของคนเหล่านั้นเลย คืนนี้ไป๋ตี้และเฮยหยู่ไม่ได้กลับมาที่คฤหาสน์เจ้าเมือง แต่ขอให้ใครบางคนส่งข้อความมาบอกว่านเฟิงหลิวให้เขาดูแลชีอ้าวชวางดีๆ และฝากข้อความถึงชีอ้าวชวางว่าถ้ามีอะไรก็ติดต่อพวกเขาผ่านทางว่านเฟิงหลิวได้เลย คำพูดของพวกเขาทั้งสองคนเหมือนกันเลย คือพวกเขาจะกลับมารับนางทันทีที่ทำธุระเสร็จ
ที่บริเวณทางเดิน ชีอ้าวชวางเห็นร่างสีขาวยืนพิงเสาอย่างเงียบๆ รอนางอยู่
คามิลล์มองชีอ้าวชวางพร้อมยิ้มเล็กน้อยและพูดเบาๆ “เจอพวกเขาแล้ว?”
“อื้ม” ชีอ้าวชวางหยุด จากนั้นก็หลุบตาลงและพูดเบาๆ
“เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง?” คามิลล์ถามอย่างอ่อนโยน
“ข้าไม่รู้…” ชีอ้าวชวางส่ายหัวช้าๆ “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร ข้าพบคนคนนั้นด้วย นายน้อยแห่งอาณาจักรปีศาจ…”
“เข้าบ้านเถอะ ข้างนอกมันหนาว” คามิลล์ก้าวไปข้างหน้าและลูบหัวของชีอ้าวชวางเบาๆ จากนั้นก็พูดด้วยความรัก
ชีอ้าวชวางมองคามิลล์อย่างซับซ้อน ในที่สุดก็พยักหน้าแล้วเดินไปที่บ้านพร้อมกับคามิลล์
พอเข้ามาในบ้าน คามิลล์ก็รินชาร้อนๆ ให้ชีอ้าวชวาง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะชงไม่นานก่อนหน้านี้เอง
“นายน้อยแห่งอาณาจักรภูตผีปีศาจจะฆ่าข้าเพราะเรื่องอี้เซวียน แต่จู่ๆ หลิงยวิ๋นก็ปรากฏตัวขึ้นและช่วยข้าไว้” ชีอ้าวชวางถือถ้วยน้ำชาแต่ไม่ได้จิบ นางก้มหน้าลงแล้วพูด
“ฮ่าๆ เสี่ยวอ้าวชวาง ข้าไม่ปล่อยให้คนอื่นมาฆ่าเจ้าหรอก” คามิลล์นั่งลงข้างชีอ้าวชวางและพูดประโยคนี้ออกมาเบาๆ
ชีอ้าวชวางตะลึง จากนั้นนางก็หันไปมองใบหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนของคามิลล์ หรือว่าคามิลล์ก็อยู่ที่นั่นด้วย? เขาตามนางออกไปหรือ? แต่พอหลิงยวิ๋นยื่นมาช่วยแล้วดังนั้นเขาเลยไม่ได้ทำอะไรงั้นหรือ?
ชีอ้าวชวางไม่ได้สนใจคำพูดของคามิลล์อย่างละเอียดเลย ‘ข้าไม่ปล่อยให้คนอื่นฆ่าเจ้า’ เช่นนั้น ถ้าไม่ใช่คนอื่นก็ทำได้งั้นหรือ? ใครล่ะที่ไม่ใช่คนอื่น?…
“อี้เซวียนเป็นเผ่าพันธุ์ภูตผีปีศาจ…ทำไมเขาถึงมาที่โลกอสูรปีศาจนี้ได้ล่ะ?” ดูเหมือนชีอ้าวชวางกำลังถามคามิลล์อยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่ากำลังถามตัวเองอยู่ด้วย “หลิงยวิ๋นเป็นเผ่าพันธุ์อสูรปีศาจ เขาไปโลกมนุษย์หลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งที่แล้ว ตอนนี้เลยกลับมาโลกอสูรปีศาจ…”
“อย่าคิดมากเลย ตอนนี้เจ้าคิดมากไปก็ไม่ได้อะไรหรอก” คามิลล์ปลอบใจอย่างอ่อนโยน “ดังนั้นไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเอง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเจ้าจะได้รู้เอง”
ชีอ้าวชวางมองดวงตาสีฟ้าของคามิลล์ด้วยความรู้สึกซับซ้อน และในที่สุดก็พยักหน้าเบาๆ
หลังจากดื่มชาหอมไปหนึ่งถ้ว ยชีอ้าวชวางและคามิลล์ก็กล่าวราตรีสวัสดิ์และกลับไปที่ห้องพักของพวกเขา ในขณะที่นอนอยู่บนเตียง หัวใจของชีอ้าวชวางก็โศกเศร้าอย่างไม่มีเหตุผล ทำไมถึงรู้สึกว่าคนรอบตัวที่คุ้นเคยกลับกลายเป็นคนแปลกหน้าไปหมดเลยนะ? ทุกอย่างนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
เช้าวันรุ่งขึ้น คามิลล์มาเคาะประตูแล้วยิ้มพร้อมพูดว่าจะพาชีอ้าวชวางไปเดินเที่ยวดูความเจริญรุ่งเรืองของโลกอสูรปีศาจ
แต่ใครจะรู้ว่าการออกจากบ้านครั้งนี้จะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น
ชีอ้าวชวางไม่ได้ตื่นเต้นเลยสักนิด แต่ถนอมน้ำใจของคามิลล์ พอมองรอยยิ้มอ่อนโยนของคามิลล์ ชีอ้าวชวางก็เข้าใจเลยว่าคามิลล์เห็นนางไม่สบายใจ ดังนั้นจึงอยากพานางออกไปเดินเล่นพักผ่อน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ คามิลล์ก็พาชีอ้าวชวางออกไปโดยชีอ้าวชวางยังไม่ทันกินอาหารเช้าเลย เขาบอกว่าจะพาออกไปกินข้างนอก ไปลิ้มรสอาหารอร่อยของโลกอสูรปีศาจ
เมื่อพูดถึงอาหาร แมวล่าสมบัติก็ส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น เจ้าแมวไม่มีความต้านทานต่ออาหารอร่อยเลย
คามิลล์ออกไปกับชีอ้าวชวางโดยไม่มีคนคอยติดตาม ทั้งสองเดินไปตามถนนกันตามลำพัง
ในห้องใต้หลังคาของคฤหาสน์เจ้าเมือง ว่านเฟิงหลิวยืนอยู่ข้างหน้าต่างมองแผ่นหลังของคามิลล์และชีอ้าวชวางด้วยสายตาที่ลึกล้ำ เขาถือดอกกุหลาบที่บอบบางไว้ในมือและโคลงมันเบาๆ หลังจากที่แผ่นหลังของคามิลล์และชีอ้าวชวางหายไป ดวงตาของว่านเฟิงลิ่วก็ค่อยๆ เย็นชา เขาโยนดอกกุหลาบในมือออกไปนอกหน้าต่างแล้วเดินจากไป
อาหารในโลกอสูรปีศาจไม่ได้แปลกประหลาดหรือมีเลือดปะปนอยู่อย่างที่มนุษย์คิด ตรงกันข้ามเลย อาหารอันโอชะของโลกอสูรปีศาจนั้นไม่มีอาหารจากโลกมนุษย์มาเทียบได้เลย ชีอ้าวชวางนั่งอยู่ในห้องหรูหราและเงียบสงบแล้วมองอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะอาหารตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ นางไม่เคยเห็นส่วนผสมเหล่านี้เลย นอกจากนี้ยังมีผลไม้หน้าตาแปลกๆ แต่กลิ่นหอมน่าดึงดูดด้วย พนักงานเสิร์ฟหั่นผลไม้เป็นชิ้นบางๆ ตามคำสั่งของคามิลล์อย่างระมัดระวัง
แมวล่าสมบัติใช้อุ้งเท้าหยิบสิ่งนั้นสิ่งนี้ จากนั้นก็มองไปที่คามิลล์ด้วยสายตาไร้เดียงสา ตอนนี้ในความเข้าใจของมัน ผู้ชายผมสีบลอนด์และดวงตาสีฟ้าคนนี้อันตรายมาก อันตรายยิ่งกว่าผู้หญิงดุร้ายที่มีดวงตาสีแดงเมื่อคืนอีก ของอร่อยบนโต๊ะเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายน่ากลัวคนนี้เป็นคนซื้อ ดังนั้นต้องได้รับการอนุมัติจากเขาก่อนจึงจะเริ่มกินได้
คามิลล์ยิ้มอย่างนุ่มนวลและวางอาหารอันโอชะลงบนจานสะอาดใบใหญ่แล้วผลักมันไปตรงหน้าแมวล่าสมบัติ แมวล่าสมบัติส่งเสียงร้อง มันมองคามิลล์อย่างระมัดระวัง พอเห็นคามิลล์พยักหน้าพร้อมยิ้มก็โล่งใจแล้วร้องอย่างมีความสุข จากนั้นก็เริ่มกิน
ชีอ้าวชวางมองท่าทางการกินอย่างละโมบของแมวล่าสมบัติแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“เสี่ยวอ้าวชวาง เจ้าน่ารักเวลายิ้มนะ” คามิลล์พูดเบาๆ ขณะที่มองรอยยิ้มของชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางตะลึง นางมองใบหน้าอ่อนโยนของคามิลล์แล้วยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบมีดและส้อมขึ้นมาพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะคะ”
คามิลล์ยิ้มไม่พูดอะไรแล้วหยิบมีดและส้อมขึ้นมาเตรียมหั่นปลาย่างให้ชีอ้าวชวาง
แมวล่าสมบัติเหลือบมองอย่างมีความสุข มันอ้าปากกว้างกำลังจะกัดอาหารอร่อยในจานตรงหน้า
แต่ในเวลานี้ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น
ทันใดนั้นชีอ้าวชวางก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสังหารในอากาศและถอยหลังอย่างรวดเร็ว
เกิดเสียงดังโครมคราม โต๊ะอาหารตรงหน้าพลันเละเทะ ฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มห้องไปหมด ขวานขนาดใหญ่ถูกตอกลงกับพื้น ดังนั้นอาหารทั้งหมดจึงไม่มีเหลือแล้ว ประตูของห้องก็ถูกทำลายเช่นกัน
คามิลล์มองอย่างไม่แยแสและยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ร่างกายของเขาไม่มีอาหารกระเด็นใส่เลยแม้แค่น้อย เขายังคงอยู่ท่าทางและรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบอยู่ สายตาของเขายังคงนิ่งสงบ มองไม่ออกเลยว่าดีใจหรือเสียใจอะไร
ผู้เดียวที่คลั่งก็คือแมวล่าสมบัติ!
แมวล่าสมบัติถอยกลับไปข้างๆ คามิลล์และมองถ้วยและจานที่เละเทะ ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง นี่เป็นสัญญาณความโกรธของมัน อุตส่าห์ได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะของโลกอสูรปีศาจแต่มีเรื่องยุ่งเข้ามาแล้วพังทุกอย่างไป
ชีอ้าวชวางมองไปที่ความยุ่งเหยิงตรงหน้าและมองขวานบนพื้นที่ยังคงส่องแสงสีดำจางๆ จากนั้นก็มองใบหน้าเรียบนิ่งของคามิลล์ ใครโจมตีพวกเขา? แถมยังเลือกสถานที่สาธารณะเช่นนี้อีก ฮามส์ผู้นั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ ฮามส์ไม่ใช่คนไร้สมองแบบนี้ แม้ว่าเขาจะตรวจสอบเจอว่าการหายตัวไปของน้องสาวเกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่เขาก็ไม่น่าทำอะไรบุ่มบ่าม การโจมตีในตอนนี้ดูเหมือนเป็นการทดสอบมากกว่า
มีโซ่เหล็กหนาที่ด้ามขวานบนพื้น พอมองไปตามโซ่ก็เจออสูรปีศาจที่สูงและแข็งแรงยืนอยู่ที่ประตูและมองมาทางนี้ด้วยใบหน้าเย้ายวน แขนขาของเขาพันด้วยโซ่เหล็กหนาอย่างน่าประหลาด ข้างๆ เขามีอสูรปีศาจสามตนที่แตกต่างกันยืนอยู่ด้วย ตนหนึ่งเป็นหญิงสาวแต่งตัวเปิดเผยถือแส้ในมือและแส้ก็พันรอบแขนของนางอยู่ อีกสองตนเป็นชายทั้งคู่ ตนหนึ่งดูเฉยเมยด้วยการแสดงออกถึงความรังเกียจบนใบหน้า มีมีดขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของเขา และอีกตนสวมเสื้อคลุม ในมือถือคทาสีดำอยู่