เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 246
หูที่มีขนฟูขนาดใหญ่คู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนหัวของนาง! หูที่ใหญ่เหมือนหูของแมวล่าสมบัติ!
“นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ชีอ้าวชวางแตะใบหูขนาดใหญ่บนหัวของนางด้วยความตกใจและสับสนมากๆ
คามิลล์ลูบคางของเขาอย่างครุ่นคิดและพูด “หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้แมวล่าสมบัติถูกกักขังอยู่ในร่างกายของเจ้าเพื่อแก้พลังชั่วร้ายของมัน”
“อะไรนะ?” ชีอ้าวชวางสับสนและงงมากอาเป่าอยู่ในร่างของนางตอนนี้งั้นหรือ?
“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอกข้าว่าแมวล่าสมบัติติดตามเจ้ามาเอง” คามิลล์เหลือบมอง จากนั้นก็มีประกายที่แปลกประหลาดกะพริบอยู่ในแววตาของเขาแล้วพูด “แมวล่าสมบัติมีสัญชาตญาณที่อ่อนไหวมากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บางทีมันอาจจะคิดว่าเจ้าเป็นสมบัติ ดังนั้นจึงติดตามเจ้า บางทีในจิตใต้สำนึกของมันก็อาจจะไม่รู้ว่าเจ้าจะช่วยแก้ไขพลังชั่วร้ายให้มันได้”
“อะไรนะ?” ชีอ้าวชวางตะลึงแล้วบีบหูที่มีขนยาวใหญ่บนหัวของนาง แต่ก็รู้สึกเจ็บเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของนางไปแล้ว จะเป็นลมเลยจริงๆ
“แบบนี้ก็ไม่เลวนะ ฮ่าๆ ตอนนี้เจ้าเป็นอสูรปีศาจแมวน้อยแล้ว เจ้ามีลมหายใจอสูรปีศาจแล้ว ต่อไปก็เดินไปมาในโลกอสูรปีศาจได้อย่างสบายเลย” คามิลล์มองที่หูที่มีขนปุยน่ารักบนหัวของชีอ้าวชวางแล้วก็อดยื่นมือออกไปสัมผัสไม่ได้
“หยุดได้แล้วน่า” ชีอ้าวชวางปัดมือคามิลล์ออกไปพร้อมกับขมวดคิ้ว “แล้วเมื่อไหร่ข้าจะกลับสู่สภาพเดิมได้ล่ะ? ทำไมข้าถึงแก้ไขพลังชั่วร้ายของอาเป่าได้?”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงแก้ไขพลังชั่วร้ายของมันได้ จะกลับคืนสู่สภาพเดิมหรือ โดยธรรมชาติแล้วต้องรอให้แก้ไขพลังชั่วร้ายภายในร่างกายเสร็จก่อนน่ะ” คามิลล์ยิ้มและมองไปที่ใบหูขนาดใหญ่ของชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางดึงหูบนหัวตัวเองอย่างหัวเสียเล็กน้อย เมื่อครู่นางแค่อยากจะลองดูว่าจะใช้กำลังปราบอาเป่าได้หรือไม่ ไม่คิดเลยว่าพอแตะหน้าผากของอาเป่าแล้วจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น! มีความผิดพลาดอะไรหรือไม่? มันแปลกประหลาดจริงๆ! รอเจอโพ่เทียนก่อนเถอะ นางจะไปโวยเขาแน่!
“ตอนนี้เราเปลี่ยนร้านกินอาหารเช้ากันเถอะ” คามิลล์ยังคงอารมณ์ดีและพูดด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่าง คนที่ส่งพวกเมื่อกี้มาก็คงจะมาที่นี่แล้วด้วย”
“ท่านรู้ว่าเป็นใคร?” ชีอ้าวชวางถามอย่างสงสัย
“เจ้าจะได้รู้ในไม่ช้านี้” คามิลล์ยิ้มเหมือนเดิมและแตะใบหูขนาดใหญ่ที่สั่นเล็กน้อยบนหัวของชีอ้าวชวาง พอเจอสายตาที่โกรธเกรี้ยวของชีอ้าวชวางมองมาเข้าก็ชักมือออกอย่างพอใจ จากนั้นเขาก็จับมือชีอ้าวชวางและเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับคุยเล่นไปพลางๆ “ไม่รู้ว่าเจ้ามีหางอยู่ข้างหลังหรือไม่นะ?”
ชีอ้าวชวางตกใจและรีบหันกลับไปมองทันที จากนั้นนางก็โล่งอก โชคดีที่ไม่มีหางอยู่ข้างหลัง ไม่อย่างนั้นมันคงจะน่าอายมากจริงๆ
คามิลล์มองท่าทางของชีอ้าวชวางและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ทั้งสองเดินออกไปอย่างนั้นโดยที่ไม่มีอะไรมาขวางและไม่มีใครมาถามเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนั้น มันราวกับว่าทุกอย่างเป็นภาพลวงตาของชีอ้าวชวางเอง
ระหว่างที่เดินไปบนถนน ชีอ้าวชวางไม่เป็นที่สะดุดตาเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้นางเป็นอสูรปีศาจอย่างแท้จริง และเป็นอสูรปีศาจระดับต่ำด้วย เป็นอสูรปีศาจที่แม้แต่หูที่อยู่บนหัวก็จัดการเปลี่ยนแปลงมันเองไม่ได้
คามิลล์และชีอ้าวชวางเข้าไปนั่งในโรงแรมอีกแห่งบนถนนสายนี้ คราวนี้พวกเขาก็หาห้องพิเศษที่เงียบสงบเช่นเดิม ดวงตาของชีอ้าวชวางเบิกกว้างทันทีที่อาหารรสเลิศมาเสิร์ฟ ชีอ้าวชวางแทบจะควบคุมความอยากพุ่งเข้าหาอาหารไม่ได้เลย แต่นางก็เข้าใจทันทีว่าสาเหตุคือมีแมวล่าสมบัติอยู่ในร่างกายของนาง ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างขมขื่น ตอนนี้เจ้าตัวเล็กยังคงกระสับกระส่ายอยู่ในร่างกายของนางอยู่เลย
คามิลล์เห็นความลำบากของชีอ้าวชวางแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เขาหยิบมีดและส้อมขึ้นมาตัดแบ่งอาหารแล้ววางไว้ที่ตรงหน้าชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางมองอาหารแสนอร่อยตรงหน้า ตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเลยสักนิดก็เลยหิว จากนั้นนางก็หยิบมีดและส้อมที่วางอยู่บนโต๊ะและเริ่มกินอย่างไม่เกรงใจแล้ว
ในขณะนี้ชีอ้าวชวางไม่ได้มีท่าทางสงบแบบปกติแล้ว ท่าทางทุกอย่างของนางเป็นแมวโลภไปแล้ว ทำเอาคามิลล์มองแล้วมุมปากก็ยกโค้งขึ้นเลย
“อ้านออกอ้าอะอีอนอาไอ้ไอ้อ๋อ? (ท่านบอกว่าจะมีคนมาไม่ใช่หรือ?)” ชีอ้าวชวางถามในขณะที่มีอาหารอยู่เต็มปากจึงฟังไม่ชัดเจนเท่าไหร่
“คนที่มาเขามีมารยาทมาก เขารู้ว่าควรให้เรากินอาหารเช้ากันให้เสร็จก่อนน่ะ” คามิลล์ยิ้มและรินชากุหลาบของโปรดให้ชีอ้าวชวางอย่างสง่างาม
ชีอ้าวชวางรับชาและดื่มทั้งหมดเลยทันที จากนั้นก็คิดเรื่องคำพูดของคามิลล์ คนที่จะมามีนิสัยเช่นนี้หรือ? จุดประสงค์ที่ส่งคนไปโจมตีพวกเขาคืออะไรล่ะ? เขาต่อต้านคามิลล์หรือต่อต้านนาง? หรือว่าทั้งคู่?
ชีอ้าวชวางสงสัย แต่คามิลล์ดูเฉยเมยมาก เขาดื่มชาและกินอย่างสง่างาม จากนั้นก็รออย่างเงียบๆ
จะเป็นใครกันนะ?
หลังจากที่ชีอ้าวชวางกินเสร็จ ทันทีที่วางมีดและส้อมลง ผ้าสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนของคามิลล์
ชีอ้าวชวางเอาผ้ามาเช็ดปาก จากนั้นก็นั่งอย่างสงบและพูด “ข้ากินเสร็จแล้ว”
“อืม เขาก็น่าจะมาแล้วเหมือนกัน” คามิลล์เหลือบมองและยิ้มจางๆ
พอจบคำพูดของคามิลล์ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเล็กน้อย
“เข้ามา” คามิลล์เอนหลังพิงเก้าอี้และพูดอย่างสบายๆ
ประตูถูกเปิดออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ชีอ้าวชวางมองคนที่ปรากฏตัวตรงประตูด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ดูเหมือนจะคาดไว้อยู่แล้ว
นั่นคือเขา!
นั่นคือเขาจริงๆ!
คนที่ยืนอยู่ที่ประตูทำให้ชีอ้าวชวางทั้งแปลกใจและไม่แปลกใจในเวลาเดียวกัน
คนที่อยู่หน้าประตูมีใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีพีชที่ชั่วร้ายเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในมือของเขามีดอกกุหลาบที่เขากำลังโคลงไปมาเบาๆ เขาสวมเสื้อผ้าของคนชั้นสูง ผมยาวเป็นลอน และมีดอกกุหลาบพุ่มใหญ่อยู่ด้านหลัง การแต่งตัวเช่นนี้จะเป็นใครไปได้นอกเสียจากว่านเฟิงหลิว
ชีอ้าวชวางมองคนที่ยิ้มอยู่ตรงประตูและกำลังเดินมาอย่างช้าๆ แล้วขมวดคิ้ว ว่านเฟิงหลิวส่งคนมาโจมตีพวกเขางั้นหรือ? ทำไม? เพื่อทดสอบดูหรือ? ทดสอบนางหรือคามิลล์ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นคนหลังมากกว่า
“เจ้าเมืองว่าน อรุณสวัสดิ์” คามิลล์ทักทายด้วยรอยยิ้มที่สง่างามแต่ไม่ได้ลุกขึ้น สายตาก็เย็นชาด้วย เห็นได้ชัดว่าคามิลล์รู้มานานแล้วว่าเป็นว่านเฟิงหลิว ท่าทีของคามิลล์ทำให้ชีอ้าวชวางมั่นใจในการเดาของนาง เห็นได้ชัดว่าว่านเฟิงหลิวพุ่งเป้าไปที่คามิลล์
ว่านเฟิงหลิวก็ไม่ถือสา เขาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มแล้วนั่งล งตอนนี้ประตูห้องถูกปิดลง และว่านเฟิงหลิวก็สะบัดนิ้วสร้างเขตกั้นเพื่อตัดขาดจากภายนอกแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ทั้งสอง อาหารเช้าที่นี่ถูกปากหรือไม่?” ว่านเฟิงหลิวถามอย่างสบายๆ พร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เลวทีเดียว” คามิลล์ยังตอบด้วยรอยยิ้มอยู่
ตอนนี้รู้สึกเหมือนหมาจิ้งจอกสองตัวกำลังเล่นกันเลย แต่ตัวหนึ่งเป็นจิ้งจอกหมื่นปี และอีกตัวเป็นจิ้งจอกน้อยที่เพิ่งมีร่าง
ชีอ้าวชวางมองว่านเฟิงหลิวอย่างเย็นชา นางจำคำเตือนของเหลิ่งหลิงยวิ๋นได้ว่าว่านเฟิงหลิวไม่ธรรมดา!
“อ้าว คุณหนูอ้าวชวาง เกิดอะไรขึ้นกับหัวของเจ้า? เจ้ามีลมหายใจอสูรปีศาจงั้นหรือ?” ว่านเฟิงหลิวถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นหูขนาดใหญ่ที่สั่นเล็กน้อยบนหัวของชีอ้าวชวาง
“คริสตัลความทรงจำของเจ้าไม่ชัดเจนหรือ?” ชีอ้าวชวางยิ้มและย้อนถามไปเช่นนี้ ในเมื่อว่านเฟิงหลิวเป็นคนที่ส่งอสูรปีศาจกลุ่มเมื่อครู่มาทดสอบพวกเขา เขาจะไม่เห็นภาพเหล่านั้นได้อย่างไรล่ะ?
“คุณหนูอ้าวชวางกำลังพูดถึงอะไรหรือ?” ว่านเฟิงหลิวแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจและถามด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนว่าท่านเจ้าเมืองว่านจะไม่เข้าใจที่เราพูด บางทีเราอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ” คามิลล์ยิ้มและพูด “ในเมื่อท่านเจ้าเมืองว่านมาที่นี่ตั้งแต่เช้าเพื่อจะถามเราว่าอาหารของที่นี่ถูกปากหรือไม่ ข้าก็ซึ้งใจจริงๆ ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้ว เช่นนั้นพวกเราขอตัว ข้ากับเสี่ยวอ้าวชวางจะไปเดินเล่นกันต่อ”
คามิลล์ลุกขึ้นยืนทันทีที่เขาพูดจบ ชีอ้าวชวางก็ยืนขึ้นอย่างไม่แยแสเช่นกัน
ดวงตาสีพีชของว่านเฟิงหลิวไม่ได้มีท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่องแบบเมื่อกี้แล้ว ในแววตานั้นมีประกายความล้ำลึกอยู่ จากนั้นก็พูดเสียงเย็นชา “เจ้าต้องการอะไร?”
คามิลล์ยิ้มเหมือนเดิมและพูดอย่างเฉยเมย “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าเมืองกำลังพูดถึงอะไร”
“เรามาตกลงกันเถอะ เจ้าเป็นคนฉลาด ดังนั้นข้าจะไม่อ้อมค้อม” ว่านเฟิงหลิวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและหันกลับมาพูดกับคามิลล์ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“เจ้าจะทำข้อตกลงกับข้า?” รอยยิ้มในแววตาของคามิลล์แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ที่ชั่วร้ายและความสนุกสนานอยู่ในนั้น
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็มีมูลค่าของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครที่เป็นข้อยกเว้น เจ้าต้องการอะไร?” ว่านเฟิงหลิวถามด้วยเสียงลุ่มลึก
“เจ้าเมืองว่านต้องการให้ข้าทำอะไรล่ะ?” คามิลล์ไม่ตอบแล้วย้อนถามไป
“เข้าร่วมการประลอง” ว่านเฟิงหลิวพูดคำนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฮ่าๆ…” คามิลล์หัวเราะเบาๆ “เรื่องนี้ไม่ต้องให้เจ้าบอก พวกเราก็จะไปอยู่แล้ว” เรื่องสนุกๆ แบบนี้จะปล่อยไปได้อย่างไรล่ะ
ว่านเฟิงหลิวขมวดคิ้วแล้วจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คามิลล์ยกมือขึ้นเบาๆ หยุดคำพูดของว่านเฟิงหลิวเอาไว้และพูดอย่างแผ่วเบา “เจ้าเมืองว่าน ในโลกนี้ทุกคนล้วนมีมูลค่าของตัวเอง แต่มีเพียงข้าเท่านั้นที่ไม่มี ดังนั้นเลิกพูดเรื่องไร้สาระเถอะ”
ดวงตาที่สวยงามของว่านเฟิงหลิวดูเคร่งเครียด ปากของเขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แรงกดดันที่มองไม่เห็นและน่ากลัวก็เข้ามากระทบเขา แรงกดดันนี้กระทบร่างกายของเขาตรงๆ ทำให้แกนชีวิตในร่างกายของเขาเริ่มจะแตกออก ว่านเฟิงหลิวใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาเพื่อทำให้แกนชีวิตที่สั่นไหวของเขาอยู่คงที่ แต่ความอดทนนั้นทำให้เขากระอักเลือดออกมา ดวงตาของว่านเฟิงหลิวเต็มไปด้วยความสยดสยอง ในที่สุดเขาก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่าชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ตรงหน้าอยู่เหนือการควบคุมของตัวเขาเอง พลังที่คนคนนั้นใช้เมื่อกี้อาจเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของเขาเท่านั้น ในที่สุดตอนนี้ว่านเฟิงหลิวก็เชื่อคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วว่าเขาประเมินมูลค่าไม่ได้จริงๆ
เขาเป็นใครกันแน่? คนแบบนี้เข้ามาที่โลกอสูรปีศาจได้อย่างไร?
ชีอ้าวชวางและคามิลล์เดินออกจากโรงแรมและเดินเล่นไปตามถนน จากนั้นชีอ้าวชวางก็ถามเบาๆ “ว่านเฟิงหลิวมาหาท่านทำไม? ข้าลืมถามไปเลยว่าท่านรู้จักกับว่านเฟิงหลิวได้อย่างไร หลิงยวิ๋นเคยบอกข้าว่าให้ระวังคนคนนี้ไว้ เขาบอกว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา”