เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 250
“ไปกันเถอะ เสี่ยวอ้าวชวาง” คามิลล์พูดขัดจังหวะความคิดของชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางหันไปมองคามิลล์และพยักหน้าเล็กน้อย ในใจกำลังคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยและเฟิงอี้เซวียนอยู่ ทำไมนายน้อยถึงใส่ใจกับท่าทีของเฟิงอี้เซวียนมากขนาดนี้ การกระทำของนายน้อยในวันนี้ น่าจะเป็นเพราะอิทธิพลจากเฟิงอี้เซวียน เช่นนั้นแสดงว่าคืนนั้นเฟิงอี้เซวียนไม่ได้ไปไหน เขาแค่ไม่ได้ออกมาพบนางเท่านั้นเอง นึกถึงตรงนี้ ชีอ้าวชวางก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย ทำไมเฟิงอี้เซวียนถึงปฏิเสธว่าไม่รู้จักนางล่ะ? ทำไมถึงแสร้งทำเป็นไม่สนใจทั้งๆ ที่เป็นห่วงนางอยู่?
ทั้งสองเดินไปตามถนนอีกครั้ง ความทรงจำที่ไม่ธรรมดาของชีอ้าวชวางจำตำแหน่งของแผนที่ก่อนหน้านี้ได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงมุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางได้เลย
ปุด…
ปุด…
เสียงแปลกๆ ดังมาจากด้านหน้า และยิ่งเดินไปข้างหน้ามันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ อุณหภูมิก็สูงขึ้นด้วย
เมื่อไปจนสุดทางของป่าทึบ ตรงหน้าชีอ้าวชวางและคามิลล์ก็เป็นฉากแปลกๆ
ตรงหน้านี้เต็มไปด้วยความร้อน พื้นที่ตรงนั้นคือทะเลสาบอันกว้างใหญ่ ในทะเลสาบมีฟองเดือดปุดๆ อยู่ พอฟองแตกออกหยดน้ำเล็กๆ จากฟองก็ทำให้ความร้อนมากขึ้น และที่ริมทะเลสาบก็มีใบบัวสีแดงเพลิงขนาดต่างๆ อยู่ด้วย
จะไปถึงที่หมายได้ก็ต้องข้ามทะเลสาบแปลกประหลาดนี้ไปให้ได้
ในทะเลสาบ มีอสูรปีศาจมากมายกำลังเดินอยู่บนใบบัวสีแดงเพลิงอย่างระมัดระวัง แต่พวกเขามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ตัวของพวกเขาเป็นสีแดงราวกับกุ้งที่นึ่งแล้ว อสูรปีศาจทั้งหมดเหงื่อแตกพลั่ก จ้องมองตำแหน่งฝีเท้าของตัวเองที่เดินอยู่บนใบบัวอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมิของน้ำทะเลสาบค่อนข้างสูง
ชีอ้าวชวางหยิบใบไม้บนพื้นแล้วโยนลงไปในทะเลสาบ ใบไม้ก็ไหม้ไปในพริบตา เป็นภาพที่แปลกมาก ใบไม้ถูกเผาอยู่ในน้ำได้! ทะเลสาบนี้แปลกมาก ใบบัวที่ลอยอยู่ในทะเลสาบก็ยิ่งดูแปลก
อุณหภูมิสูงอะไรขนาดนี้!
ดูเหมือนว่าอสูรปีศาจที่มาถึงก่อนจะพบวิธีข้ามทะเลสาบประหลาดแห่งนี้แล้ว ก็คือการเหยียบใบบัวแปลกๆ เหล่านี้เพื่อจะเคลื่อนออกไปจากตรงนี้ เนื่องจากที่นี่เป็นเขตห้ามบินจึงไม่มีใครผ่านไปทางอากาศได้
ชีอ้าวชวางสร้างเขตกั้นบนร่างกายและก้าวเข้าสู่ใบบัวสีแดงเพลิงที่ใกล้ที่สุด
ทันใดนั้นก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น
เขตกั้นของชีอ้าวชวางหายไปอย่างลึกลับ และทะเลสาบข้างใต้ชีอ้าวชวางก็เดือดพล่านยิ่งขึ้น ลมปราณร้อนรุ่มพุ่งเข้าหาชีอ้าวชวางทันที
คามิลล์ยืนนิ่งไม่ขยับตัว และไม่ได้มีใจจะช่วยชีอ้าวชวางเลย
ชีอ้าวชวางสะดุ้งและกำลังจะต้านทานลมปราณร้อนรุ่มที่อธิบายไม่ได้นี้ แต่มือของนางก็หยุดลง ชีอ้าวชวางยืนอยู่อย่างนั้นเงียบๆ ไม่ขยับตัว
ชีอ้าวชวางเองก็ตะลึงเช่นกัน เพราะดูเหมือนจะไม่ใช่การกระทำของนาง แต่เป็นปฏิกิริยาจากสัญชาตญาณของจิตใต้สำนึก
ลมปราณที่ร้อนรุ่มพุ่งไปที่ร่างกายของชีอ้าวชวางอย่างบ้าคลั่งนาง ชีอ้าวชวางหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เดิมทีคิดว่าจะนางจะได้กลายเป็นกุ้งนึ่งเสียแล้ว แต่ชีอ้าวชวางกลับได้รับความสะดวกสบายจนพูดไม่ออก
ลมปราณร้อนรุ่มนั้นหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของชีอ้าวชวางแต่ชีอ้าวชวางดูดซึมได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ดวงตาของชีอ้าวชวางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังเวทของนางดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่างกายของนางก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยพลังแล้ว ในตอนนี้ลมปราณร้อนนั้นยังไม่หยุด มันยังคงเข้าสู่ร่างกายของนางอยู่อย่างต่อเนื่อง
คามิลล์มองชีอ้าวชวางตรงหน้า ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับแสงสีทองจางๆ ทำให้ร่างกายของนางดูลึกลับและสวยงามมาก
ความร้อนของทะเลสาบกว้างทั้งหมดดูดเข้ามาที่นางอย่างต่อเนื่อง
อสูรปีศาจที่เดินอยู่อย่างระมัดระวังบนใบบัวนั้นเริ่มค่อยๆ ค้นพบความผิดปกติแล้ว ลมปราณร้อนๆ ใต้เท้าค่อยๆ ลดลงและไม่มีความร้อนแบบก่อนหน้านี้อีกต่อไป ใบบัวสีแดงเพลิงใต้เท้าก็ค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ และค่อยๆ เปลี่ยนจากสีแดงเพลิงเป็นสีเขียวปกติ
ชีอ้าวชวางรู้สึกเพียงว่าพลังที่แผดเผานี้รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และมันเกือบจะเกินการดูดซึมของร่างกายแล้ว ตอนนี้มันกำลังจะเกินกำลังของนางแล้ว แต่มันก็ยังไม่หยุด
ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าร่างกายกำลังจะระเบิด พลังที่แผดเผาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มันไล่ไปตามแขนขาและโครงกระดูกนับร้อยราวกับจะเผาผลาญร่างกายและสติของนางให้ถึงขีดจำกัด มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นชีอ้าวชวางก็นึกถึงสิ่งที่ซือคงหลินพูด มันต้องเป็นเพราะลูกบอลเล็กๆ เหล่านั้นแน่นอน! ชีอ้าวชวางแอบด่าในใจ ชายชราผู้นี้จิตไม่ปกติแน่ๆ! การจะเพิ่มพลังก็คือการดูดกลืนพลังภายนอก แต่ใครจะบอกได้บ้างว่าจะหยุดพลังอันร้อนแรงที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนางไม่ยอมหยุดในตอนนี้ได้อย่างไร?
ในที่สุดคามิลล์ก็เคลื่อนไหวแล้ว
คามิลล์ลอยไปข้างหน้าแล้วแตะหน้าผากของชีอ้าวชวางเบาๆ
พลังร้อนแรงนั้นหยุดลงอย่างฉับพลัน และดวงตาของชีอ้าวชวางก็มืดลง นางก็ล้มลงอย่างนุ่มนวลและตกอยู่ในอ้อมกอดอันเย็นชานั้น
คามิลล์มองหน้าผากของชีอ้าวชวางที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วขมวดคิ้ว
บนหน้าผากของชีอ้าวชวางมีดอกบัวสีทองขนาดเล็กและบอบบางปรากฏขึ้น
คามิลล์ยื่นมือไปแตะดอกบัวสีทองบนหน้าผากของชีอ้าวชวางเบาๆ แต่ความเจ็บปวดที่แผดเผาทำให้เขาต้องรีบถอนมือออกอย่างรวดเร็ว คามิลล์ดึงมือออกมาและมองนิ้วที่เขาเพิ่งสัมผัสดอกบัวนั้นไป นิ้วนั้นไหม้จนเป็นสีดำสนิทเลย
เป็นข้อยกเว้น…
เป็นข้อยกเว้น…
เสี่ยวอ้าวชวาง บางทีเจ้าอาจเปลี่ยนโชคชะตาของข้าได้…
คามิลล์ถอนหายใจเบาๆ เขาอุ้มชีอ้าวชวางเดินไปบนใบบัวเหล่านั้นและไปจากทะเลสาบ อสูรปีศาจเหล่านั้นไม่มีโอกาสได้เห็นคนที่ส่องแสงอยู่ข้างๆ พวกเขาเลย นับประสาอะไรกับการจะโจมตีเขา
พอชีอ้าวชวางตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก พลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดเต็มไปทั่วร่างกายพอลืมตาขึ้นก็เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เงียบสงบมีดวงจันทร์สีม่วงอยู่บนศีรษะ และสายลมเย็นๆ พร้อมทั้งกลิ่นหญ้าเขียวจางๆ ที่ลอยมาเตะจมูก
ชีอ้าวชวางลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและก็เห็นคามิลล์ที่กำลังก่อกองไฟอยู่ข้างๆ พอเห็นชีอ้าวชวางตื่นขึ้นคามิลล์ก็ยิ้มและพูดเบาๆ “ตื่นแล้วหรือ? รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“ก็ดี” ชีอ้าวชวางพยักหน้าและพูดหลังจากนั่งตัวตรงแล้ว “พูดตามตรงคือมันดีมากเลย ข้ารู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลัง”
“เป็นธรรมดา ก็เจ้าดูดซับความร้อนทั้งทะเลสาบจนเกือบลุกเป็นไฟอยู่แล้ว” คามิลล์ยิ้ม
“เช่นนั้นคือท่านช่วยข้าสินะ” ชีอ้าวชวางพูดเบาๆ และมองคามิลล์อย่างซับซ้อน นางได้รับการช่วยเหลือจากคามิลล์อีกครั้งแล้ว…คามิลล์ อยู่เคียงข้างนางมาโดยตลอดเลย เพื่ออะไรนะ?
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้” คามิลล์ยิ้ม
“ท่านช่วยข้าไว้อีกแล้ว ข้าควรจะตอบแทนท่านอย่างไรดี?” ชีอ้าวชวางถามเบาๆ ขณะมองไปที่กองไฟที่กำลังลุกไหม้
คามิลล์ครุ่นคิด และทันใดนั้นประกายที่อธิบายไม่ได้ก็สว่างวาบขึ้นในแววตาของเขา เหมือนว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับยิ้มออกมาน้อยๆ “ตอบแทนหรือ หรือว่าเสี่ยวอ้าวชวางจะยอมมอบชีวิตอยู่กับข้าทั้งชีวิตล่ะ?”
ชีอ้าวชวางกลอกตา นางส่งเสียงอย่างเย็นชาและพูด “คนที่รักแค่ตัวเองอย่างท่านยังจะต้องการให้ข้ามอบชีวิตอยู่กับท่านอีกหรือ?”
คามิลล์หัวเราะเบาๆ และไม่พูดอะไรอีก ความเศร้าโศกจางๆ ฉายผ่านดวงตาของเขาก่อนจะหายวับไปในไม่ช้า รักแค่ตัวเอง? เหอะๆ ในชีวิตนี้ข้าหมดความรักในฐานะคนรักไปตั้งแต่เกิดแล้ว รวมทั้งการรักตัวเองด้วย…รัก? มันคืออะไร?
“เช่นนั้นเจ้าล่ะ? เสี่ยวอ้าวชวาง เฟิงอี้เซวียนกับเหลิ่งหลิงยวิ๋น เจ้าชอบใคร?” จู่ๆคามิลล์ก็พูดประโยคนั้นออกมาอย่างกะทันหัน
“ข้า…” หัวใจของชีอ้าวชวางสั่นอย่างรุนแรง นางมองดวงตาที่อ่อนโยนของคามิลล์แต่พูดอะไรไม่ออก เฟิงอี้เซวียนกับเหลิ่งหลิงยวิ๋น…ชีอ้าวชวางไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร ตอนที่เฟิงอี้เซวียนมาสารภาพกับนาง ตอนที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นมาสารภาพกับนาง นางไม่รู้เลยว่าควรจะจัดการอย่างไรพอตอนนี้คามิลล์ถามเช่นนี้ นางก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรเช่นกัน
“เจ้าไม่มีคำตอบในใจตอนนี้ เพราะตัวเจ้าเองก็ยังไม่รู้ แต่เวลาอาจบอกคำตอบเจ้าได้” คามิลล์ยื่นมือไปลูบหัวของชีอ้าวชวางเบาๆ อย่างปลอบประโลม “เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง ตอนนี้อย่าคิดมากเลย”
“คามิลล์…ท่านอยู่มานานแค่ไหนแล้ว? ท่านอยู่คนเดียวมานานแค่ไหนแล้ว?” ชีอ้าวชวางมองตาของคามิลล์แล้วก็ถามคำถามนี้ออกมา
คามิลล์ส่ายหัวเบาๆ และยิ้ม จากนั้นก็พูดอย่างอ่อนโยน “ข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว”
ชีอ้าวชวางมองตาของคามิลล์ นางเห็นไม่ผิ ดดวงตาของคามิลล์มีความเศร้าแทบไม่สังเกตเห็นอยู่ในนั้น
“ข้าขอโทษ…” ชีอ้าวชวางก้มหน้าลงและพูด
“ทำไมต้องพูดขอโทษล่ะ?” คามิลล์ถามพร้อมกับหัวเราะเบาๆ และมองกองไฟพร้อมกับเพิ่มฟืนไปสองสามชิ้น
“ไม่รู้ แค่อยากพูดก็พูด” ชีอ้าวชวางพูด
“ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีต่ออีก” คามิลนอนลงมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่หัวใจมีแต่ความว่างเปล่า
“ขอบคุณนะคามิลล์…” ชีอ้าวชวางพูดเสียงต่ำ “ขอบคุณท่านที่อยู่กับข้าตลอด”
คามิลล์หลับตาลงช้าๆ แต่ยิ้มจางๆ อยู่ในใจ ถ้าเจ้ารู้ว่าทำไมข้าถึงอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ เจ้าจะยังขอบคุณข้าหรือไม่?
ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ชีอ้าวชวางมองเห็นแล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ที่นี่คือทุ่งหญ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด มองก็เห็นแต่สีเขียวไปทั้งหมด ไม่แปลกใจที่มีกลิ่นหญ้าตอนที่ตื่นขึ้นมาเมื่อคืน เดินไปตามทางก็มีอสูรปีศาจที่โจมตีกันอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าการประลองครั้งนี้อสูรปีศาจทั้งหลายต่อสู้กับเต็มความสามารถ
ชีอ้าวชวางไม่ได้กังวลเกี่ยวไป๋ตี้และเฮยหยู่ พวกเขาเป็นนับรบที่อยู่ข้างกายราชาอสูรปีศาจผู้ยิ่งใหญ่คนก่อน ต้องไม่มีใครทำอะไรกับพวกเขาได้แน่ ส่วนเฟิงอี้เซวียน…ชีอ้าวชวางตกอยู่ในห้วงความคิด ตอนนี้พลังของเฟิงอี้เซวียนเป็นอย่างไรบ้างนะ? เขาเข้ามาในโลกอสูรปีศาจได้โดยที่ไม่ถูกจับได้ ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ดีมากแล้วสิ อีกอย่างยังมีความแข็งแกร่งและท่าที่ที่เปลี่ยนไปของนายน้อยด้วย เฟิงอี้เซวียนก็คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก คนสุดท้ายที่ชีอ้าวชวางเป็นห่วงก็คือเหลิ่งหลิงยวิ๋น! เนื่องจากต่างหูที่สวยงามบนหูของชีอ้าวชวางทำให้นางนึกถึงว่านี่คือดวงตาของเหลิ่งหลิงยวิ๋นและพลังครึ่งหนึ่งของเขา เหลิ่งหลิงยวิ๋นที่สูญเสียพละกำลังไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ?