เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 255
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ทำไมน่ากลัวขนาดนี้? นางฆ่าพวกทูตสวรรค์ได้อย่างง่ายดายโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน ท่าทางดูผ่อนคลายแต่กลิ่นอายสังหารของนางปกคลุมทุกคนไปหมด
มาริลินเริ่มมีสติขึ้นบ้างแล้ว
ผู้หญิงที่โหดร้ายและกระหายเลือดคนนี้ช่วยนางหรือ? ช่วยนางทำไมกัน?
แต่มาริลินรู้สึกขอบคุณสิ่งหนึ่ง คือหญิงสาวเลือกที่จะช่วยพวกเขา ไม่ใช่โจมตีพวกเขา
ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเขาก็เป็นคนที่นอนอยู่ที่พื้นนั่นแล้ว
การสังหารหมู่ฝ่ายเดียวนี้สิ้นสุดลงในเวลาไม่นาน ขนนกสีขาวราวกับหิมะปลิวไปทั่วท้องฟ้า พื้นดินถูกย้อมเป็นสีแดงจากเลือดจำนวนมากและกลิ่นเลือดที่หนาทึบแทรกซึมไปในอากาศจนน่าขยะแขย งทูตสวรรค์ฝ่ายโจมตีไม่มีใครรอดสักคน
ชีอ้าวชวางจัดการเรื่องทั้งหมดแล้วก็เก็บปีกและค่อยๆ ร่อนลงต่อหน้ามาริลิน
มาริลินมองไปที่ดวงตาคมของหญิงสาวตรงหน้า และหัวใจของนางก็รู้สึกบีบแน่น
ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสี่มองชีอ้าวชวาง และรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น แม้ว่าในใจอาจจะมีความกลัวอยู่บ้าง แต่ทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างซื่อสัตย์และป้องกันมาริลินไว้ข้างหลัง
ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างเย็นชาและพูดเบาๆ “พวกเจ้าคิดว่าหยุดข้าได้หรือไม่?”
“หลบไปให้หมด” มาริลินพูดเบาๆ
ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสี่มองหน้ากันและกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปยืนอยู่ด้านหลัง
“ชื่อ” ชีอ้าวชวางพูดออกมาอย่างเย็นชา
“มาริลินซูฟีล” มาริลินตอบเสียงเรียบ ตอนนี้ท่าทางของนางดูสงบ นางมองชีอ้าวชวางและตอบอย่างใจเย็น “เรียกว่าเทพีแห่งแสงก็ได้”
“ดีมาก” ชีอ้าวชวางพยักหน้าเล็กน้อย “ทำไมถึงศาสนจักรเพรสไบทีเรียนส่งคนมาไล่ล่า?”
“เพราะเรื่องสงครามศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่อยากเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ความหมายแบบนี้อีกแล้วดังนั้นศาสนจักรเพรสไบทีเรียนจะหาคนมาแทนที่ข้า ข้าได้ข่าวหนีออกมาก่อน” มาริลินรู้ดีว่าต่อหน้าผู้ที่ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริง กลอุบายต่างๆ ล้วนไร้ผล
รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชีอ้าวชวาง ดูเหมือนว่านางเดิมพันถูกจริงๆ
“ความหมายก็คือใครก็เป็นเทพีแห่งแสงได้?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เจ้าเป็นใคร?” ทูตสวรรค์แปดปีกที่อยู่ด้านหลังมาริลินพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ชีอ้าวชวางมองทูตสวรรค์แปดปีกอย่างเย็นชาจนทำให้รู้สึกเหมือนถูกงูพิษจ้อง จากนั้นเหงื่อเย็นก็ผุดที่หลังเต็มไปหมด ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจจริงๆ!
“อย่าเข้าใจผิด ผู้แข็งแกร่งที่เคารพ ข้าแค่คิดว่ามันแปลกไปหน่อย ถ้าเป็นคนในโลกนี้จะรู้ว่าเทพีแห่งแสงไม่ใช่คนๆ เดียวแต่เป็นคำเรียกตำแหน่ง” ทูตสวรรค์แปดปีกรีบโบกมือแสดงออกว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะยั่วโมโหชีอ้าวชวาง
“เจ้าเดาถูกแล้ว” ใบหน้าของชีอ้าวชวางผ่อนคลายลงพร้อมกับรอยยิ้มที่พึงพอใจ ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะราบรื่นกว่าที่คิด มาริลินคนนี้ไม่อยากเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์และทูตสวรรค์แปดปีกที่อยู่ข้างๆ นางก็ดูเหมือนจะค่อนข้างฉลาด
พอคำพูดของชีอ้าวชวางจบลง การแสดงออกของทูตสวรรค์แปดปีกหลายคนรวมถึงมาริลินก็เปลี่ยนไป
“เจ้า เจ้าไม่ใช่…” มาริลินพูดอย่างลังเล
“ใช่ ข้าไม่ใช่คนในโลกนี้” ชีอ้าวชวางพูดตรงไปตรงมา ทันทีที่พูดจบก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติด้านหลัง ชีอ้าวชวางหันไปรอบๆ และก็เห็นซากศพของทูตสวรรค์บนพื้นสีขาวเปล่งประกายจากนั้นลูกบอลแสงสีขาวก็โผล่ออกมาจากศพ
“นั่นคืออะไร?” ชีอ้าวชวางถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นั่นคือหัวใจของทูตสวรรค์ มันคือพลังของทูตสวรรค์ที่อัดแน่น พลังของทูตสวรรค์หลังความตายจะเป็นพลังที่บริสุทธิ์ที่สุด” มาริลินตอบและในขณะนี้จิตใจของนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวที่มีพลังตรงหน้าไม่ได้อยู่โลกเทพเจ้าแล้วนางมาจากไหน? จุดประสงค์ของการมาที่นี่คืออะไร?
เมื่อชีอ้าวชวางได้ยินดังนั้นก็ไม่เกรงใจแล้ว นางสะบัดนิ้วแล้วแสงสีขาวที่ลอยขึ้นไปในอากาศนั้นก็ถูกปิดกั้นโดยพลังที่มองไม่เห็นจากนั้นก็รวบรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
แสงสีขาวทั้งหมดถูกชีอ้าวชวางดักไว้ด้วยเขตกั้น ชีอ้าวชวางมองแสงสีขาวที่อยู่ในเขตกั้นภายในมือของนางและจากนั้นก็มองเห็นหัวใจของทูตสวรรค์ได้ หัวใจของทูตสวรรค์แต่ละองค์เป็นรูปหัวใจใสๆ มีเงาจางๆ เล็กๆ อยู่ตรงกลางหัวใจของทูตสวรรค์แต่ละองค์ซึ่งเหมือนกับร่างของทูตสวรรค์ก่อนหน้านี้ทุกประการ
ทูตสวรรค์ตัวน้อยในหัวใจทูตสวรรค์ทุกองค์ดูหวาดกลัว หัวใจของทูตสวรรค์ตกอยู่ในมือของหญิงสาวที่น่ากลัวคนนี้ ไม่ว่าอย่างไร หากหัวใจทูตสวรรค์ถูกทำลาย พวกเขาจะไม่มีโอกาสกลับมาเกิดอีก!
ชีอ้าวชวางบีบเขตกั้นในมือ จากนั้นก็เงยหน้ามองทูตสวรรค์แปดปีกและมาริลินด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน จากนั้นก็ยิ้มสดใสและพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ “ข้าคิดว่าต่อไปเราจะพูดคุยกันได้ดีนะ”
ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสี่ข้างๆ มาริลินช่วยกันทำความสะอาดบริเวณโดยรอบและกำจัดศพร่องรอยทั้งหมดถูกจัดการออกไปแล้ว
ชีอ้าวชวางและมาริลินกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ชีอ้าวชวางเล่นกับเขตกั้นขนาดเท่าลูกฟุตบอลในมือเฝ้าดูหัวใจของทูตสวรรค์ที่กลิ้งอยู่ข้างในและพยายามหลบหนีจากสิ่งกีดขวางด้วยความหวาดกลัวแต่ทุกอย่างก็ไร้ผล
“เทพีแห่งแสงคนก่อนอยู่ที่ไหน?” ชีอ้าวชวางเลื่อนสายตาจากสิ่งในมือไปยังใบหน้าของมาริลิน
หัวใจของมาริลินกระตุกโดยไม่รู้ตัว หลังจากปรับอารมณ์ให้คงที่แล้วนางก็กระซิบ “ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูพูดถึงเทพีแห่งแสงองค์ไหน?”
“ข้าชื่อชีอ้าวชวาง ชื่อเดิมของข้าคือแคลร์ เจ้าเดาได้หรือไม่ว่าข้าถามถึงเทพีแห่งแสงองค์ใด?” ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างเรียบง่าย
พอมาริลินได้ยินชื่อ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นนางก็ตะลึง ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังมาริลินต่างก็ตกตะลึงไปหมดเมื่อได้ยินชื่อของชีอ้าวชวาง
“แคลร์…” มาริลินบ่นพึมพำและพูดซ้ำๆ มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านางมีใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ ดวงตาสีดำและผมยาวสีดำ
“เจ้าคือหญิงที่มีสีดำทั้งสองที่ทำให้แองเจลิก้าต้องลงจากตำแหน่งหรือ?” น้ำเสียงของมาริลินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“แองเจลิก้า?” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใช่ เจ้าเป็นคนทำให้หน้านางมีแผล สุดท้ายเพรสไบทีเรียนก็ให้นางลงจากตำแหน่ง นางเป็นเทพีแห่งแสงคนแรกที่ถูกมนุษย์ทำให้อับอายเช่นนั้น แต่ว่าข้าได้พบเจ้าตอนนี้ ข้าไม่รู้สึกว่านางพลาดเลย” มาริลินมองชีอ้าวชวาง
ดวงตาของชีอ้าวชวางเย็นชาและพูดช้าๆ “เช่นนั้นตอนนี้แองเจลิก้าอยู่ที่ไหน?”
ใบหน้าของมาริลินนิ่งลงอย่างกะทันหัน นางถอนหายใจยาวก่อนที่จะพูด “คุณหนูชีอ้าวชวาง ข้ารู้ว่าเจ้าจะตามแก้แค้นนาง แต่เกรงว่าคงไม่ต้องแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไร?” น้ำเสียงของชีอ้าวชวางเย็นลงและสายตาก็ไม่สงบนิ่งอีกแล้ว
“อย่าเข้าใจข้าผิด” มาริลินรีบยื่นมือออกไปแล้วโบกมือเบาๆ “โปรดฟังข้าให้จบก่อน”
“พูดสิ” ชีอ้าวชวางปรับอารมณ์ให้มั่นคงและรอคำพูดของมาริลิน
“เทพีแห่งแสงเป็นเพียงตำแหน่ง แต่พลังของเทพีแห่งแสงนั้นได้มากจากพลังศรัทธาของผู้ศรัทธา นั่นเป็นเหตุผลที่เราตั้งวิหารแห่งแสงขึ้นในโลกมนุษย์ และมนุษย์ก็เชื่อในเทพีแห่งแสง พลังแห่งความเชื่อนี้จะถูกแปลงมาเป็นพลังของเทพีแห่งแสง” มาริลินมองชีอ้าวชวางตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้ทุกอย่างพังลง ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
“ดังนั้น?” ชีอ้าวชวางเดาอยู่ในใจ
“แต่พลังแห่งศรัทธานี้ถูกคุณหนูชีอ้าวชวางทำลายไปแล้ว ปัจจุบันในโลกมนุษย์มีคนที่เชื่อในเทพีแห่งแสงน้อยลง ดังนั้นเราจึงมีพลังน้อยลงเรื่อยๆ อย่างที่เจ้าเห็น ตอนนี้ข้ากำลังอ่อนแอมาก” มาริลินอธิบายอย่างอดทน
ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไรและรออย่างเงียบๆ
“ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตอนแองเจลิก้าเป็นเทพีแห่งแสง โดยปกติ ศาสนจักรเพรสไบทีเรียนจะโยนสิ่งเหล่านี้ไว้ที่นาง นางได้รับคำตัดสินของศาสนจัตรเพรสไบทีเรียนและถูกขังไว้” มาริลินพูด ใบหน้าของนางเริ่มไม่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
ชีอ้าวชวางคิดว่ามันน่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น
“เทพีแห่งแสงคนก่อนถูกจัดการอย่างไร?” ชีอ้าวชวางถามประเด็นสำคัญในเมื่อมาริลินบอกว่านางไม่อยากให้แก้แค้นอีกต่อไป เช่นนั้นชะตากรรมของแองเจลิก้าจะต้องไม่ง่ายขนาดนั้น
“นี่เป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ข้าหนีออกจากเมืองศูนย์กลาง” มาริลินถอนหายใจยาวและมีน้ำตาอยู่ที่มุมตาของนาง มาริลินหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ“เดิมทีไม่ว่าเทพีแห่งแสงองค์ก่อนจะทำอะไร พวกเขาก็จะมีบ้านที่ดี และพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในบ้านใจกลางเมือง ได้รับการดูแลจนจนกว่าจะตายไป แต่ข้ากลับค้นพบความลับที่น่าตกใจ มันเป็นเรื่องไม่ดี”
ชีอ้าวชวางมองใบหน้าที่งดงามของมาริลินที่มีทั้งความกลัวและความเจ็บปวดเช่นเดียวกับความอับอายและความเศร้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่มาริลินค้นพบ
“ข้าค้นพบว่าเทพีแห่งแสงองค์ก่อนๆไม่ได้ถูกพาไปดูแลอย่างดี แต่พวกเขาทั้งหมดถูกขังอยู่ในห้องลับเหมือนวัวควายและถูกทารุณกรรมและเล่นงานโดยพวกเพรสไบทีเรียเหล่านั้น” มาริลินพูดและกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วเปลี่ยนเป็นสีขาว ริมฝีปากซีดนั้นก็กัดจนมีเลือดไหลออกมา
เป็นเรื่องไม่ดีจริงๆ!
เทพีแห่งแสงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ถูกจับไปเป็นเชลยและถูกดูถูกเช่นนี้ แถมผู้มีอำนาจสูงสุดในโลกเทพเจ้าทำเช่นนี้อีก
มันน่าสนใจจริงๆ! ชีอ้าวชวางยิ้มเยาะ ดูเหมือนว่าการยุติสงครามศักดิ์สิทธิ์จะง่ายขึ้นนะ
ชีอ้าวชวางเงียบรอให้มาริลินจัดการอารมณ์ของนาง มาริลินดูตื่นเต้นมาก นางหายใจหอบถี่
สำหรับทูตสวรรค์แปดปีกที่อยู่ข้างหลังมาริลินก็มีความแค้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน อารมณ์ของมาริลินก็คงที่และค่อยๆ พูดกับชีอ้าวชวาง “ดังนั้น คุณหนูชีอ้าวชวาง หากเจ้าจะแก้แค้นก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก แม้ว่าเจ้าจะพบกับแองเจลิก้านางก็ใกล้บ้าแล้ว นางมีจุดจบที่น่าสังเวช” ใบหน้าของมาริลินดูเยือกเย็น