เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 256
“อยากกำจัดศาสนจักรเพรสไบทีเรียน จากนั้นก็กลายเป็นเทพีแห่งแสงที่แท้จริงและกลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของโลกเทพเจ้าหรือไม่?” ชีอ้าวชวางมองใบหน้าเศร้าของมาริลีนและถามประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“อะไรนะ?” มาริลินเรียกสติคืนมาและมองชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจ
“มีให้เลือกสองทาง ทางเลือกหนึ่งคือการเป็นเทพีแห่งแสงที่แท้จริง ปกครองโลกเทพเจ้าและหยุดสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ความหมายที่เจ้าบอก อีกทางหนึ่งคือการตายด้วยมือของข้าในตอนนี้” ชีอ้าวชวางหรี่ตาลงและพูดอย่างอันตราย
ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสี่ที่อยู่ด้านหลังมาริลินยืนขึ้นและดึงอาวุธของพวกเขาออกมาพร้อมกับมองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างระแวดระวัง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชีอ้าวชวาง แต่พวกเขาก็ยังคงชักดาบและเตรียมเผชิญหน้า ความภักดีนี้ของพวกเขาดีจริงๆ
“แน่นอนว่ามีทางเลือกที่สาม” ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างชั่วร้ายและเอื้อมมือไปเล่นลูกแมวล่าสมบัติที่เหล่มองอย่างเกียจคร้านอยู่ในอ้อมแขนของตนและพูดออกมาอย่างชั่วร้าย “นั่นคือการกลับไปที่เมืองศูนย์กลางให้คนของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนเลี้ยงดูอย่างทรมานและถูกทารุณ”
ใบหน้าของทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสี่เปลี่ยนไปในทันที แต่พวกเขาจับดาบในมือไม่มั่นคงเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว
มาริลินดูสงบลง จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนไปหาชีอ้าวชวางอย่างสุภาพและพูดอย่างใจเย็น “ข้าเลือกข้อแรก ข้าหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า คุณหนูชีอ้าวชวางผู้แข็งแกร่ง”
ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างเงียบๆ มาริลินคนนี้ฉลาดมากและเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมมากด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร การหยุดสงครามศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่นางต้องทำ ในตอนนี้ไม่รู้ว่าจุดประสงค์อะไรที่ทำไมมาริลินต้องการหยุดสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ชีอ้าวชวางมองออกว่ามาริลินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ความทะเยอทะยานของนางถูกซ่อนไว้ และก็ซ่อนไว้อย่างดีด้วย
ขอแค่หยุดสงครามศักดิ์สิทธิ์ก็พอ สำหรับมาริลินผู้นี้ นางจะอยากหยุดสงครามศักดิ์เพื่อดูแลรักษาตัวแล้วทำสงครามใหม่ หรือว่านางจะมีจิตเมตตาที่แท้จริงไม่อยากให้มีการเข่นฆ่ากันอีกต่อไปแล้วก็ไม่รู้ ครั้งนี้โลกเทพเจ้าจะต้องล้มและจะต้องเตรียมพร้อมกับสงครามในอนาคตไปไม่ได้อีกนาน
“แต่ว่าคุณหนูชีอ้าวชวาง เจ้าตัวคนเดียวจะต่อสู้กับพวกของเพรสไบทีเรียนได้หรือ? พวกเพรสไบทีเรียนไม่ธรรมดา แถมยังมีทูตสวรรค์สิบปีกและทูตสวรรค์สิบสองปีกที่ทรงพลังอีกด้วย” มาริลินถามอย่างกังวล
“เจ้าคิดว่าข้ามาคนเดียวหรือ?” ชีอ้าวชวางยิ้มน้อยๆ และไม่ได้ตอบคำถามของมาริลิน แต่โยนสิ่งที่อยู่ในมือออกไปและพูดกับทูตสวรรค์แปดปีกที่อยู่ข้างหลังมาริลิน “เจ้าชื่ออะไร?”
“ชาร์ลอตต์” ทูตสวรรค์แปดปีกรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ชีอ้าวชวางพูดกับเขาอย่างกะทันหัน
“พวกเขาล่ะ?” ชีอ้าวชวางมองหัวใจทูตสวรรค์ที่อยู่ในกำแพงแล้วถาม
“เอบี้ ยูเต้ เรเดอร์” ชาร์ลอตต์แนะนำทูตสวรรค์แปดปีกอีกสามคนจากนั้นก็พูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เรามีเหลือกันอยู่เท่านี้ นักรบคนอื่นๆ เสียสละเพื่อพวกเราไปหมดแล้ว”
“นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ” คำพูดที่เย็นชาของชีอ้าวชวางทำให้ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งหลายกัดฟันและมองนางอย่างขุ่นเคือง
“ข้าไม่ได้พูดแบบนี้เพื่อดูหมิ่นสหายที่ตายไปแล้วของเจ้า” ชีอ้าวชวางยักไหล่และพูดอย่างเย็นชา จากนั้นใบหน้าของทูตสวรรค์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ชีอ้าวชวางพูดต่อ “ข้าพูดความจริง ถ้าความแข็งแกร่งของพวกเขามากพอ มันจะไม่เป็นอย่างตอนนี้ สิ่งนี้ข้าให้พวกเจ้า” ชีอ้าวชวางโยนของในมือไปให้ชาร์ลอตต์
“นี่?” ชาร์ลอตต์ถามอย่างไม่เข้าใจพลางมองเหล่าทูตสวรรค์ที่อยู่ในเขตกั้น
“ดูดซับพลังซะ นี่ไม่ใช่พลังที่บริสุทธิ์ที่สุดหรือ? พวกเจ้าก้าวหน้าหลังจากดูดซับพลังนี้ใช่หรือไม่?” ชีอ้าวชวางถามอย่างสบายๆ
“จะทำแบบนี้ได้อย่างไร! เราจะไม่ทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้!” ใบหน้าของชาร์ลอตต์เปลี่ยนไปทันทีและโยนสิ่งในมือลงพื้น
ชีอ้าวชวางมองเขตกั้นบนพื้นและยิ้มอย่างเย็นชา แสงสีทองปรากฏขึ้นในมือ สิ่งที่ไม่มีใครเทียบได้ปรากฏในมือแล้ว
ชีอ้าวชวางแกว่งดาบเบาๆ และชี้ดาบไปที่ชาร์ลอตต์พร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา
“คุณหนูอ้าวชวาง เจ้า…” ใบหน้าของมาริลินตื่นตระหนกทันที
เหงื่อเย็นของชาร์ลอตต์ไหลออกมาจากหน้าผาก เขามองดวงตาอันแหลมคมและเย็นชาของชีอ้าวชวางแต่ก็ไม่ยอมถอย กัดฟันพูด “เจ้าแข็งแกร่งมาก แต่เจ้าบังคับให้เราทำสิ่งที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ไม่ได้”
โง่! ชีอ้าวชวางเยาะเย้ย ทูตสวรรค์เหล่านี้ถูกล้างสมองอย่างจริงจังเลย!
“มันโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมหรือ? หมายความว่าเจ้าบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมมาก ดังนั้นเจ้าจะไม่ใช้วิธีนี้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้า จากนั้นก็จะรอให้พวกกลุ่มต่อไปมาฆ่าเจ้ากับพลังที่อ่อนแอเช่นนี้ จากนั้นก็ทำลายหัวใจทูตสวรรค์ของเจ้าซะ และเอาเทพีที่เจ้าปกป้องไปกักขังและทรมาน?” ชีอ้าวชวางมองชาร์ลอตต์ที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ แต่ไม่ได้คิดจะหยุด “เจ้าช่างไร้เดียงสาและน่ารักมาก คนอื่นๆ จะตัดหัวเจ้า เจ้ายังยื่นคอออกมา มาสิ ฆ่าข้าให้ตายแล้วช่วยเอาเทพีไปดูถูกด้วย แบบนี้สินะ”
“เจ้า เจ้าพูดจาไร้สาระ! ข้าไม่ได้ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ!” ชาร์ลอตต์มองมาริลินที่หน้าซีดอย่างประหม่าและรีบตอบโต้
“สิ่งที่เจ้าทำอยู่ก็หมายความว่าอย่างนี้แหละ” สายตาของชีอ้าวชวางเย็นชา แล้วยื่นดาบไปข้างหน้าพร้อมพูด “เลือกมา จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องเทพีหรือถูกฆ่าและให้เทพีกลายเป็นของเล่น”
ชาร์ลอตต์มองเขตกั้นบนพื้นนิ่ง หัวใจทูตสวรรค์ที่อยู่ในเขตกั้นกำลังวิ่งกันไปมาอย่างวุ่นวาย จากนั้นก็กระแทกเขตกั้นลงกับพื้นแต่กำจัดมันไม่ได้ คนเหล่านี้เคยเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันและรับเกียรติยศนักรบด้วยกัน! แต่ตอนนี้กลับต้องมาเหวี่ยงดาบใส่พวกเขา หลังจากดูดซับพลังจนหมดก็จะไม่มีพวกเขาอยู่อีกต่อไปแล้ว
“ทุกคนมีความศรัทธาที่แตกต่างกัน ความศรัทธาของพวกเขาคือการปกป้องศาสนจักรเพรสไบทีเรียน ปล่อยให้คนของเพรสไบทีเรียนครอบงำและปกปิดความจริง แต่ความศรัทธาของเจ้าคือการปกป้องเทพีเพื่อให้นางใช้แสงสว่างและความบริสุทธิ์ที่แท้จริงมาหล่อเลี้ยงโลก” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ
ศรัทธา?!
ชาร์ลอตต์หันหน้าไปมองมาริลินที่งดงาม ใบหน้าและดวงตาที่งดงามเหล่านั้นมีความลึกล้ำไร้หนทางต้องการให้เขาปกป้อง…
ใช่ ความศรัทธาของข้าคือมาริลิน! ความศรัทธาของข้าคือเทพีแห่งแสง…มาริลินซูฟีล!
สายตาของชาร์ลอตต์แน่วแน่ขึ้นและไม่พร่ามัวอีกต่อไป เขาค่อยๆ ก้มลงหยิบเขตกั้นที่เขาเพิ่งทิ้งลงบนพื้น จากนั้นก็หันไปมองทูตสวรรค์แปดปีกอีกสามและพูดอย่างเคร่งขรึม “ศรัทธาของเราคือเทพีแห่งแสง สิ่งที่เรากำลังทำในวันนี้ถือเป็นก้าวแรกสู่ความสว่างพวกศาสนจักรที่มืดและสกปรกจะต้องถูกขับออกไป และโลกปีศาจเทพเจ้าจะต้องมีแสงสว่างและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง ถนนสายนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้งและขวากหนาม พวกเจ้ายังเต็มใจที่จะเดินไปกับข้าหรือไม่?”
“ข้าเต็มใจ” ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสามพูดอย่างเคร่งขรึมพร้อมเพรียงกัน
“ดี!” ชาร์ลอตต์หันหน้าไปมองชีอ้าวชวางแล้วพยักหน้าเบาๆ แต่หนักแน่น
มาริลินยืนอยู่ข้างๆ ตัวสั่นเล็กน้อย นางมองชาร์ลอตต์อย่างลึกซึ้งแต่ก็พูดไม่ออกชีอ้าวชวางยิ้มเล็กน้อย การพูดเช่นนี้คงจะเป็นลักษณะเฉพาะของโลกเทพเจ้า ชีอ้าวชวางสะบัดนิ้วเบาๆ จากนั้นเขตกั้นในมือของชาร์ลอตต์ก็แตกออก หัวใจทูตสวรรค์ที่อยู่ข้างในกำลังจะหนีไป แต่ถูกทูตสวรรค์แปดปีกของชาร์ลอตต์จับไว้ได้
ชาร์ลอตต์และคนอื่นๆ ดูดซับหัวใจทูตสวรรค์จำนวนมากเข้าไป ในไม่ช้า แสงสีขาวพราวก็ปกคลุมร่างของทั้งสี่เอาไว้
“พลังของพวกเขากำลังจะก้าวหน้า!” เสียงของมาริลินแผ่วเบาแต่นางรู้สึกตื่นเต้นมาก
พูดจาไร้สาระ! ชีอ้าวชวางรู้สึกไม่พอใจ ถ้าดูดซับหัวใจทูตสวรรค์ไปมากมายขนาดนั้นแล้วไม่ได้ก้าวหน้าก็แปลกแล้ว
“เหมียว?”แมวล่าสมบัติปีนขึ้นไปบนหัวของชีอ้าวชวาง มันมองหาตำแหน่งที่สูงเพื่อจะดูความก้าวหน้าของทูตสวรรค์ตรงหน้านี้
“อ้าก…” ทูตสวรรค์แปดปีกทั้งสี่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวที่แข็งแกร่งมากจนมองไม่เห็นร่างที่อยู่ข้างใน พวกเขาทุกคนส่งเสียงครวญครางเป็นเวลานานแล้วพลังที่แท้จริงก็แผ่กระจายออกไป
แสงสีขาวค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ปีกทั้งแปดข้างหลังชาร์ลอตต์ค่อยๆ เพิ่มปีกอีกข้างหนึ่งออกจากแต่ละด้านกลายเป็นทูตสวรรค์สิบปีก ความแข็งแกร่งของทูตสวรรค์ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จากทูตสวรรค์สองปีกจนถึงทูตสวรรค์สิบสองปีก ทูตสวรรค์สิบสองปีกหาได้ยากมากในโลกเทพเจ้า แต่พลังของทูตสวรรค์สิบปีกก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน ในโลกเทพเจ้ายังไม่เคยเกิดวิธีที่ชั่วร้ายและโหดเหี้ยมในการเพิ่มพลังเช่นนี้เลย แต่วันนี้ชาร์ลอตต์ได้ทำมันแล้ว การเลื่อนขั้นจากทูตสวรรค์แปดปีกเป็นสิบปีในทันทีทันใดเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย
ดวงตาของมาริลินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางได้ทูตสวรรค์สิบปีกถึงสี่องค์มาปกป้องนางในคราวเดียว ทำไมนางถึงไม่มีความสุขนะ?
เมื่อแสงสีขาวสลายไป ร่างของชาร์ลอตต์และคนอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคน ทูตสวรรค์แตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นลมปราณ ความแข็งแกร่ง หรือแม้กระทั่งรูปลักษณ์ของพวกเขาก็ตาม เมื่อครู่พวกเขาหล่อเหลาอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาก็งดงามขึ้นด้วย
ดูเหมือนว่าโลกเทพเจ้าจะเหมือนกับโลกภูตผีปีศาจกับโลกอสูรปีศาจ พลังและรูปลักษณ์จะมีการแปรผันไปด้วยกัน
“เอาละ ขั้นตอนแรกดำเนินการไปแล้วและจะไม่มีวันย้อนกลับไปได้แล้ว ตอนนี้ได้เวลาหารือเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปของเราแล้ว” ชีอ้าวชวางมองชาร์ลอตต์ด้วยความเยาะเย้ย ผู้คนในโลกเทพเจ้าก็เป็นเพียงพวกคนหน้าซื่อใจคดเท่านั้น
“ข้าไม่เคยเสียใจกับก้าวแรกที่ยากลำบากนี้” ชาร์ลอตต์ตอบอย่างหนักแน่น “ดังนั้น คุณหนูชีอ้าวชวาง เส้นทางต่อไปข้าก็จะไม่มีทางเสียใจ ข้าจะทำตามคำสั่งของเจ้าทีละขั้น”
“อย่าพูดว่าภัยพิบัตินับพันครั้งนั้นไม่ชอบธรรมและน่ากลัวอีก เจ้าต้องรู้ว่าข้าไม่เคยบังคับพวกเจ้าเจ้า ถนนนี้เป็นเส้นทางของพวกเจ้าเอง” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา นางมองคนเจ้าเล่ห์ของโลกเทพเจ้าเหล่านี้คิดว่าตัวเองถูกบังคับให้ทำแล้วก็รู้สึกไม่พอใจ เสแสร้งอะไรกัน?