เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 267
สีหน้าของบรรดาทูตสวรรค์สิบหกปีกของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนเปลี่ยนไป ถ้าข่าวลือในตำนานเป็นจริงล่ะก็…
“หุบปาก มันก็แค่เรื่องไร้สาระ แค่มนุษย์พวกเจ้าก็กลัวแบบนี้แล้วหรือ?” พอกาบรินเห็นสถานการณ์ในสนามรบ เขาก็ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวและถอยหลังไปพร้อมกับท่องคาถาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเหล่าทูตสวรรค์ของศาสนจักรได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆรู้สึกว่าใจสงบลงพวกเขาต่างก็ปลอบใจตัวเองอยู่ตลอดว่านางเป็นเพียงมนุษย์ต่ำต้อยเท่านั้น นางจะพลิกสถานการณ์อะไรได้ล่ะ นางก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งในหมู่มนุษย์เท่านั้นแต่พวกเขาทั้งหมดเป็นถึงทูตสวรรค์สิบหกปีกนะ! ยิ่งไปกว่านั้นกาบรินยังเป็นอัจฉริยะที่มีทั้งพลังเวทและพลังยุทธในศาสนจักร โอ้ไม่สิ ในบรรดานักรบทูตสวรรค์เขาคือผู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในโลกเทพเจ้านี้เกรงว่าจะมีเพียงเทพเจ้ามังกรเท่านั้นที่พอจะสามารถต่อกรกับเขาได้
มีเขาอยู่ต้องจัดการกับมนุษย์ต่ำต้อยผู้นั้นได้อย่างแน่นอน และหลังจากกำจัดนางแล้ว เขาก็จะกำจัดขุมกำลังของมาริลินได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าสมาชิกของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนก็ต่อสู้อย่างหัวชนฝา
กาบรินร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว จากนั้นงูเปลวไฟสีแดงเพลิงก็ปรากฏลมหายใจของมันร้อนแรงราวกับจะแผดเผาผู้คนให้กลายเป็นเนื้อแห้ง อากาศตอนนี้ก็ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟได้
สีหน้าของชาร์ลอตต์เปลี่ยนไปอย่างมาก หลังจากหลบการโจมตีของทูตสวรรค์จากเพรสไบทีเรียนได้เขาก็ตะโกน “ถอยเร็วเข้า! งูพิษของกาบรินไม่ได้ต้านทานได้ง่ายๆ!” เห็นได้ชัดว่าชาร์ลอตต์เคยเห็นความร้ายกาจของเวทมนตร์นี้แล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกเพื่อบอกให้ทุกคนถอยหลบไปก่อน จากนั้นเขาก็สร้างเขตกั้นเพื่อแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกันอย่างรวดเร็ว แม้จะรู้ว่าสิ่งนี้อาจไม่ได้ผลมากนักแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ส่วนเหล่าทูตสวรรค์ของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนทุกคนต่างก็มีรอยยิ้มอำมหิตบนใบหน้าออกมาแล้ว! งูพิษเปลวไฟของกาบรินในโลกเทพเจ้านี้จะมีใครต้านทานได้ล่ะ แน่นอนว่ายกเว้นเทพเจ้ามังกร
สีหน้าของชีอ้าวชวางและพวกแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา เพราะพวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเสื้อผ้าบนร่างกายแทบจะลุกไหม้โลหิตในกายดูเหมือนจะเดือดเนื่องจากความร้อนที่แผดเผามานี้อยู่แล้ว
ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
สมาชิกของเพรสไบทีเรียนเข้าไปรวมตัวกันแล้วหนึ่งในนั้นก็สร้างเขตกั้นที่เป็นเหมือนคริสตัลขึ้นมา การที่พวกเขาทำเช่นนี้ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าหวาดหวั่นของเวทมนตร์ของกาบริน
“อ้าวชวาง” เหลิ่งหลิงยวิ๋นเรียกเสียงต่ำและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อป้องกันชีอ้าวชวางแต่ตรงหน้าของเขากลับปรากฏประกายบางอย่างแล้วก็มีเงาบินไปข้างหน้า เฟิงอี้เซวียนที่มีสีหน้าเย็นชากำลังยืนป้องกันอยู่ตรงหน้าชีอ้าวชวางอย่างเงียบๆ
ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงครู่หนึ่ง แต่สายตากลับค่อยๆ อ่อนลง
“ตายเสียเถอะ เจ้าพวกต่ำต้อย กล้ามากที่มายั่วโมโหข้า”เมื่อกาบรินร่ายคาถาเสร็จก็ตะคอกออกมาอย่างดุดัน
งูเปลวไฟที่ร้อนแรงนั้นพุ่งเข้าหาชีอ้าวชวางและพวกจากนั้นอากาศก็มีการเคลื่อนที่อย่างแปลกประหลาดยามที่ถูกงูเปลวไฟตัวนี้ตัดผ่าน
ชีอ้าวชวางไม่ได้หลบแต่กลับตั้งรับแล้วไปป้องกันอยู่ที่ด้านหน้าของเฟิงอี้เซวียน
การที่ชีอ้าวชวางไม่ได้หลบเลี่ยงทำให้กาบรินตกตะลึง
มนุษย์ผู้นี้ไม่รู้จักกลัวหรือว่านางอยากจะป้องกันการโจมตีของเขาแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวกันนะ
“อ้าวชวาง!” เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้วแน่นในที่สุดก็เรียกชื่อของชีอ้าวชวางออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมาเนิ่นนานเสียงนั้นเต็มไปด้วยความกังวลและความเป็นห่วง
ชีอ้าวชวางตกใจและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที
อี้เซวียนในเวลาเช่นนี้ หรืออาจจะพูดได้ว่ามีแต่ในช่วงเวลาแบบนี้เท่านั้นสินะเจ้าถึงจะจำข้าได้?
ชีอ้าวชวางหันไปเผชิญหน้ากับงูเปลวเพลิง แล้วก็ทำเพียงแค่สะบัดนิ้วเบาๆ เท่านั้น
จากนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนทันที!
ทันใดนั้นกลุ่มเปลวไฟสีดำสูงก็เกิดขึ้นตรงหน้าของชีอ้าวชวางมันเป็นเปลวไฟสีดำบริสุทธิ์ มีความแตกต่างกับเปลวไฟของนายน้อยโดยสิ้นเชิงเลย
เปลวไฟของนายน้อยจะมีร่องรอยของเลือดสีแดงอยู่ภายในสีดำ แต่เปลวไฟสีดำของชีอ้าวชวางนั้นสงบมาก เป็นสีดำสนิทและมีการเผาไหม้อย่างเงียบๆ ราวกับไม่มีอยู่จริง มันไม่มีความรู้สึกร้อนและเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย
เป็นกลุ่มเปลวไฟสีดำที่สงบนิ่งอย่างยิ่งแต่กลับหยุดยั้งงูพิษที่ดุร้ายและน่ากลัวได้!
ลมหายใจร้อนผ่าวหายไปในทันที ชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ ที่รู้สึกว่าอุณหภูมิของเลือดพวกเขาเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ในตอนนี้ก็ค่อยๆ ลดลงแล้ว อากาศที่แทบจะลุกไหม้ก็หยุดนิ่งไปเช่นกัน ส่วนงูเปลวไฟหยุดอยู่ห่างจากชีอ้าวชวางราวห้าเมตร
กาบรินตกตะลึง เขามองเวทมนตร์ที่ตนปล่อยออกไปอย่างนิ่งอึ้ง
เหล่าทูตสวรรค์สิบหกปีกต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาทำได้เพียงแค่มองงูพิษที่หยุดนิ่งตรงนั้น
แม้ว่าเหล่าคนที่อยู่ข้างหลังชีอ้าวชวางจะประหลาดใจ แต่ก็ได้มีท่าทีเหลือเชื่ออย่างที่อีกฝ่ายเป็น
ในแววตาของไป๋ตี้และเฮยหยู่มีร่องรอยของการหยอกล้อปรากฏขึ้นและเฮยหยู่ก็มองสายตาของกาบรินด้วยความเห็นใจ
เปลวเพลิงแห่งราชัน!
กาบรินโชคร้ายถึงขีดสุดเลยจริงๆ
เขาเป็นนักเวทธาตุไฟ ส่วนชีอ้าวชวางเป็นผู้ควบคุมเปลวเพลิงแห่งราชัน!
งูเปลวไฟหยุดนิ่งไปอย่างเงียบๆ ไม่อาจไปต่อได้ กาบรินโกรธเล็กน้อยและกำลังจะร่ายคาถาอีกครั้ง แต่งูพิษขนาดใหญ่นั้นกลับกระทำในสิ่งที่กาบรินจะไม่มีวันลืมเลย
ภาพที่ได้เห็นก็คืองูพิษขนาดใหญ่ตัวนั้นค่อยๆ ยืดตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นก้มตัวผงกศีรษะและคลานไปข้างหน้าชีอ้าวชวาง
ในเวลานี้มันกำลังโค้งคำนับอย่างเคารพต่อชีอ้าวชวางราวกับมีชีวิตอันที่จริงถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นการแสดงความเคารพต่อเปลวเพลิงแห่งราชันตรงหน้าชีอ้าวชวาง
กาบรินรู้สึกว่าหน้าอกของเขากำลังปั่นป่วนเลือดที่อยู่เต็มปากกำลังจะพ่นออกมา แต่เขาก็กลืนลงคอไปอย่างสิ้นหวัง บาดเจ็บภายใน มันคือการบาดเจ็บภายในแน่นอน…
เดวิสและทูตสวรรค์ที่อยู่ข้างหลังเขาทุกคนต่างหน้าถอดสีและมองฉากตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ
รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชีอ้าวชวาง หัวใจก็สดชื่นมาก การเป็นผู้นำนั้นช่างแตกต่างจริงๆ!
จากนั้นฉากที่น่าทึ่งยิ่งกว่าก็ปรากฏขึ้น ชีอ้าวชวางเหลือบมอง ตอนนี้เปลวเพลิงแห่งราชันตรงหน้ากำลังลุกโชนขึ้นจากนั้นก็แกว่งไปมาเบาๆ
งูพิษขนาดใหญ่ยืดตัวตามขนาดของเปลวเพลิงแห่งราชัน จากนั้นมันก็ค่อยๆหันหน้าเล็งไปที่กาบรินและกลุ่มของเขา
ตาของกาบรินใกล้จะถลนออกมาแล้ว เขามองเวทมนตร์ที่เขาปล่อยออกมา นั่นคือเวทมนตร์ที่เขาเพิ่งปล่อยออกมาหลังจากใช้เวลาพยายามอยู่นานเลยนะ! ตอนนี้ ตอนนี้มันจะเปลี่ยนฝ่ายหรือ
“ไป!”ชีอ้าวชวางสั่งเสียงต่ำ จากนั้นงูพิษตัวใหญ่ก็ตื่นตัวพุ่งเข้าไปหากาบรินและกลุ่มของเขา
คราวนี้เปลี่ยนเป็นกาบรินและพวกที่รู้สึกว่าเสื้อผ้ากำลังจะลุกเป็นไฟและเลือดกำลังร้อนขึ้นแทนแล้ว
“ท่านพ่อ รีบมาเร็วเข้า!” เดวิสตะโกนปลุกกาบรินที่ยังคงงุนงงกับอาการบาดเจ็บภายในอยู่
กาบรินรีบไปทางทูตสวรรค์อย่างรวดเร็วทันที ในตอนนี้เขากำลังก่นด่าอยู่ในใจ ทำไมเมื่อครู่เขาถึงใช้เวทมนตร์ที่ใช้พลังทั้งหมดนั่นกันนะ
“โล่ศักดิ์สิทธิ์!” ทันใดนั้นทูตสวรรค์สิบหกปีกองค์หนึ่งก็บินไปข้างหน้าเหล่าทูตสวรรค์แล้วกางโล่ขนาดใหญ่ที่มีแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวขึ้นมาป้องกันทูตสวรรค์สิบหกปีกทั้งหมดที่อยู่ข้างหลัง
ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วมองด้วยความตื่นเต้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่าทูตสวรรค์ทำในสิ่งที่ย้อนไปทำร้ายตัวพวกเขาเอง ดังนั้นย่อมต้องจับตาดูให้ชัดเจนอยู่แล้ว
เสียงดังกึกก้องนั้นราวกับว่าจะทำให้พื้นดินสะเทือน
ทูตสวรรค์ที่เป็นผู้กางโล่ศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่มีหน้าที่อยู่ในตำแหน่งการป้องกัน แต่น่าเสียดายที่การโจมตีครั้งนี้มันน่ากลัวมากเกินไปจนทำให้โล่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และกระจายไปในอากาศในขณะที่ร่างกายของเขาถูกกระแทกและกระเด็นออกไปไกลลิบพร้อมกับหยาดหยดสีแดงที่กระเซ็นอยู่ในอากาศนั่นก็คือเลือดที่เขาพ่นออกมา ดูท่าทูตสวรรค์ผู้นี้คงจะไม่รอดแล้ว
คนของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนคนอื่นๆ ก็แย่ไปเช่นกัน ทุกคนหน้าซีดและท่าทีของพวกเขาก็ดูคลุมเครืออย่างมาก ทำให้อดคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่ได้ ในสถานการณ์จริงพวกเขาแต่ละคนได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“เจ้า! เจ้า…” กาบรินชี้ชีอ้าวชวางด้วยความโกรธและไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้นอาการบาดเจ็บภายในอย่างสาหัสของเขา สิ่งที่ต้องโกรธก็คือการถูกเวทมนตร์ของตัวเองทำร้าย…
ไป๋ตี้หลับตาลงอย่างเจ็บปวด เขาทนมองสายตาที่น่าเศร้าของกาบรินไม่ไหวอีกต่อไป
เฮยหยู่ส่ายหัวและมองเปลวไฟสีดำที่ลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นก็ถอนหายใจ เปลวเพลิงแห่งราชันนั้นช่างดีจริงๆ
เฟิงอี้เซวียนมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจ สายตาของเขามีความซับซ้อนมาก
ทูตสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังชาร์ลอตต์ทุกคนต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกัน
ในขณะนี้ขวัญกำลังใจของกาบรินและพรรคพวกลดลงจนเหลือศูนย์แล้ว
บริเวณโดยรอบเงียบเสียจนได้ยินเพียงเสียงกระพือปีกเท่านั้น
มาริลินยืนอยู่ไกลๆและมองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจสูงขึ้นไปบนท้องฟ้านั้น ทูตสวรรค์ที่อ่อนแอองค์อื่นๆ จะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่นางมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างแจ่มชัด เยี่ยมมาก! คิดไม่ถึงเลยว่ามนุษย์ผู้นี้จะทำให้นางประหลาดใจได้มากขนาดนี้ ตอนนี้ขวัญกำลังใจของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนลดลงและทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัสนี่เป็นโอกาสดีที่จะคว้าชัยชนะ!
“ชาร์ลอตต์ ขึ้นไป! แล้วฆ่าพวกเก่าแก่นั่นซะ!” มาริลินตะโกนออกมาด้วยจิตใจร้อนรน สายตาของนางร้อนแรงจนแทบจะละลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าแล้วนางรู้แค่เพียงว่าชาร์ลอตต์จะปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด จะต้องกำจัดพวกเก่าแก่เหล่านั้นให้ได้
เพื่อเขาและเพื่อตัวนางเอง!
มาริลินเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางรู้สึกได้ถึงอนาคตอันสดใสที่รออยู่
ตำแหน่งผู้ปกครองสูงสุดของโลกเทพเจ้าจะมาอยู่ในมือแล้วเมื่อครองโลกทั้งสามได้ ก็จะกลายเป็นผู้นำสูงสุด!
ไกลออกไปกลางเวหานั้นกาบรินระงับลมหายใจที่รุนแรงในร่างกายและกลืนเลือดที่กำลังจะกระอักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาแดงก่ำของเขาจ้องชีอ้าวชวางอย่างดุดัน
ไอ้คนสมควรตาย! มนุษย์ต่ำต้อย! ไม่ยอม ข้าไม่ยอม!
กาบรินไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว ในที่สุดเขาก็กระอักเลือดออกมาอย่างรุนแรง ทั่วร่างของเขาก็สั่นเทิ้ม เดวิสเห็นดังนั้นก็รีบบินไปพยุงกาบรินอย่างลำบาก
สีหน้าของเขาก็ถอดสีเหมือนกับสมาชิกของศาสนจักรเพรสไบทีเรียนที่อยู่ด้านหลัง
พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน!