เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 272
“ราชาปีศาจ ข้าไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับท่าน ทำไมท่านต้องสู้สุดตัวถึงเพียงนี้ล่ะ” ในที่สุดชีอ้าวชวางก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและสายตาที่มองคาร์ดิโอที่บินอยู่ในอากาศ
“ข้าก็แค่อยากให้เจ้าตาย!” คาร์ดิโอยิ้มเยาะ “ข้าจะทำลายเจ้าให้สิ้นซาก ร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้ามันไม่ควรมีอยู่!”
ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนที่อยู่ข้างๆ อย่างซับซ้อน นางเข้าใจว่าในตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ต้องทุกข์ทรมานทางกายจากอาการบาดเจ็บที่ถูกคาร์ดิโอโจมตีเท่านั้นแต่จิตใจเขาก็ทุกข์ตรมด้วย
สู้? ไม่สู้?
ไม่สู้ก็ต้องตาย!
ชีอ้าวชวางบรรลุขั้นที่สิบสองของกระจกดอกบัวแล้วแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังห่างไกลจากการจะเป็นคู่ต่อสู้ของคาร์ดิโออยู่ดี!
ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่ส่องอยู่บนท้องฟ้าและขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านแม่ใจเย็นๆ แล้วสัมผัสถึงดวงอาทิตย์ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นสื่อกลางให้กับท่านแม่หินหมึก! ข้าจะล้างแค้นให้หินหมึก!” ทันใดนั้นดอกบัวสีทองที่เงียบไปนานก็พูดขึ้น เสียงทุ้มต่ำนั้นดังขึ้นในใจของชีอ้าวชวาง
“หินหมึกเป็นอย่างไรบ้าง” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและถามอย่างเป็นห่วง
“ยังมีลมหายใจอยู่ หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าจะต้องรักษานาง บางทีอาจจะหายไปนานมากหน่อย” น้ำเสียงของดอกบัวสีทองมีทั้งความปวดร้าวและความโกรธ “ดังนั้น ท่านแม่ได้โปรดจบมันให้เร็วที่สุดสู้ม้วนเดียวจบไปเลย!”
“ราชาปีศาจ ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับท่าน” ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองราชาปีศาจและพูดอย่างเย็นชา
“เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งแต่มาพูดโอ้อวดอย่างไม่ละอายใจ วันนี้ข้าจะกำจัดเจ้าไปซะ!” เสียงของคาร์ดิโอในตอนนี้ราวกับฟ้าร้อง มันทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
“อย่า!” เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดเขารู้สึกเหมือนถูกศรนับพันแทงเข้าที่หัวใจ
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนอยู่ด้านหน้าของชีอ้าวชวางแล้วรูม่านตาของเขาก็ขยายขึ้น เพราะจู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงความรู้สึกร้อนแรงที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ที่ด้านหลังของเขา
“หลิงยวิ๋นหลบไป” ชีอ้าวชวางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เหลิ่งหลิงยวิ๋นตกใจและค่อยๆ หันไปแต่เขากลับได้เห็นว่าใบหน้าของชีอ้าวชวางมีแสงสีทองจางๆค่อยๆ ปรากฏขึ้นเขาถอยออกไปยืนด้านข้างโดยไม่รู้ตัวจากนั้นแมวล่าสมบัติก็กระโดดออกจากหลังของชีอ้าวชวางไปที่อยู่ไหล่ของเหลิ่งหลิงยวิ๋นแทน
ชีอ้าวชวางค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นทันใดนั้นสิ่งแปลกๆ ก็ปรากฏขึ้นในมือแล้วก็มีแสงส่องออกมา ต่อมาใบหน้าของนางก็ปกคลุมไปด้วยแสงสีทองจางๆ ดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักแสงสีทองก็ค่อยๆ กระจายไปปกคลุมจนทั่วร่าง
“คำสาปของอี้เซวียนคืออะไร ท่านไม่เคยคิดที่จะแก้คำสาปให้เขาเลยหรือ” ชีอ้าวชวางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างมาก
“ฮ่าๆๆๆ…” ราชาปีศาจที่บินอยู่กลางอากาศหัวเราะออกมา “มันสายไปแล้ว ตั้งแต่ที่เจ้าเหยียบแผ่นดินนี้ คำสาปนั้นก็เริ่มทำงานแล้ว…” วิธีหยุดคำสาปก็คือทำลายเจ้าให้สิ้นซาก! ราชาปีศาจไม่ได้พูดประโยคหลังออกไป
ชีอ้าวชวางเหลือบมองแล้วก็มีประกายความเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตา คำพูดของราชาปีศาจ…
“ไปตายซะ! เจ้ามนุษย์ต่ำต้อยที่คอยแต่รบกวนจิตใจลูกชายข้า” ราชาปีศาจแสยะยิ้ม มือขวาของเขายังคงรวบรวมพลังอยู่จากนั้นเสียงก้องกังวานก็ดังขึ้นพลังสีดำบนฝ่ามือของเขาขยายออกไปเรื่อยๆ พลังปราณสีดำจากทุกทิศทางมาบรรจบกันอย่างรวดเร็วเสียงของมันก็เหมือนพายุที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอีกทั้งท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีดำมืดหม่นไปด้วย
“รวมพลัง!” ชีอ้าวชวางหลุบตาลงและเปล่งเสียงออกมา ทันใดนั้นคลื่นอากาศสีทองก็ระเบิดกระจายออกไปรอบๆโดยที่ศูนย์กลางคือตัวนาง จากนั้นลำแสงสีทองขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมนแล้วห่อหุ้มชีอ้าวชวางเอาไว้ ลำแสงนั้นคือลำแสงที่พุ่งลงมาจากดวงอาทิตย์โดยตรง!
พลังของดวงอาทิตย์?! นี่คือลำแสงของดวงอาทิตย์ใช่หรือไม่
ปีศาจทั้งหมดต่างพากันตกตะลึงและมองภาพตรงหน้าพวกมันอย่างงุนงงมนุษย์คนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่ นางสามารถใช้พลังจากดวงอาทิตย์ได้งั้นหรือ
ทันใดนั้นแสงสีทองก็ส่องประกายจนทำให้ทุกคนลืมตาไม่ขึ้นจากนั้นแสงก็ขยายตัวออกไปท้องฟ้าที่มืดครึ้มในตอนแรกก็ค่อยๆ สว่างขึ้น ตอนนี้แสงสีทองกำลังขับไล่ความมืดมิดอยู่
สีหน้าของคาร์ดิโอเปลี่ยนไปทันที แม้แต่มือของเขาก็ยังหยุดนิ่งเขาตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวพร้อมทั้งรวบรวมพลังแล้วปล่อยมันออกไป
ชีอ้าวชวางหันไปมองและเหวี่ยงดาบไปสกัดกั้นไว้
ทันใดนั้นก็เหมือนทะเลที่พายุโหมกระหน่ำ…
จากนั้นก็เกิดเสียงดังก้องจนพื้นดินสั่นสะเทือน
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว!
ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ
จากนั้นหยาดเลือดก็สาดกระเซ็นอยู่ในอากาศและหยดลงบนพื้นจนรวมกันเป็นรอยเลือดที่น่าตกใจ!
แต่ทั้งสองไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเลย
มีใครบางคนอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคนและก็รับการโจมตีจากทั้งสองไปเต็มๆ
คนนั้นก็คือเฟิงอี้เซวียน
“ไม่นะ…” ราชาปีศาจคำรามออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาบินอยู่ในอากาศและกรีดร้องขึ้นไปบนฟ้าด้วยความเจ็บปวดเขารู้จักพลังการโจมตีอย่างเต็มที่ของเขาดีที่สุด! เขารู้ว่ามนุษย์คนนี้มีคุณสมบัติพิเศษบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงใช้พลังอย่างเต็มที่เพื่อจะกำจัดมนุษย์คนนี้ทั้งร่างกายรวมทั้งจิตวิญญาณด้วย! แต่ตอนนี้เฟิงอี้เซวียนกลับมารับการโจมตีนี้…
“คำสาปมันยังคงทำงานอยู่หรือ ไม่ ไม่นะ! มันเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร” คาร์ดิโออยู่บนท้องฟ้าด้วยท่าทีบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาดูสับสนและเอาแต่บ่นพึมพำแต่น้ำเสียงของเขากลับมีความเศร้าและว่างเปล่าอยู่ในนั้น
สิ่งที่พยายามป้องกันมาตลอดเกิดขึ้นแล้ว!
เดิมทีคิดว่าการใช้มนุษย์ผู้นั้นมาขู่และทำให้ลูกชายของเขาอยู่ห่างๆ จะเลี่ยงคำสาปที่ชั่วร้ายนั้นได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคำสาปจะยังเกิดขึ้นและมันเกิดเร็วขึ้นจากแรงกระตุ้นของตัวเขาเอง
หรือว่าเขาจะคิดผิดไปเอง?
คาร์ดิโอมองเฟิงอี้เซวียนที่ล้มลงด้วยใบหน้าไร้สีเลือดอย่างตกใจ ทันใดนั้นเขาก็กรีดร้องออกมาแล้วพลังรุนแรงก็กระจายออกไปโดยรอบทันที…
ดาบยาวในมือของชีอ้าวชวางหายไปและนางก็วิ่งไปข้างหน้าแล้วกอดเฟิงอี้เซวียนที่ใบหน้าซีดเซียวไว้แน่นแล้วค่อยๆ ร่อนลง
“ทำไม” ชีอ้าวชวางตัวสั่น ในใจมีแต่ความตื่นตระหนกพอมองใบหน้าที่ซีดจนเกือบจะโปร่งใสของเฟิงอี้เซวียนหัวใจของชีอ้าวชวางก็รู้สึกแย่ลงชีอ้าวชวางรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวและหัวใจ
“ข้า…ไม่มีทางให้เจ้าตายแต่…ข้าก็ไม่อยากให้พ่อของข้าต้องเจ็บปวด…” รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าซีดเซียวของเฟิงอี้เซวียน
ชีอ้าวชวางกอดเฟิงอี้เซวียนไว้และค่อยๆ ร่อนลงบนแท่นสูง
เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองทุกสิ่งตรงหน้าเขาอย่างตกใจและเจ็บปวดหัวใจมากขึ้น…
“จิตวิญญาณของข้า…กำลังจะสลายไป…อ้าวชวา งข้าทำตามสัญญาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว…” เฟิงอี้เซวียนยิ้มอย่างอ่อนแรง แต่ก่อนที่ชีอ้าวชวางจะพูดอะไร เขาก็หันหน้าไปมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่อยู่ข้างหลังของชีอ้าวชวางเสียก่อนแล้วพูดด้วยเสียงต่ำ“เหลิ่งหลิงยวิ๋น เจ้ารีบ…พาอ้าวชวางไป…”
คาร์ดิโอยังคงร้องคำรามอย่างเจ็บปวดอยู่กลางอากาศ หากเขาเรียกสติกลับมาได้อาจจะไม่มีทางหนีไปได้อีก! เฟิงอี้เซวียนกังวลเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงขอให้เหลิ่งหลิงยวิ๋นรีบพาชีอ้าวชวางออกไป
“ไม่!” เสียงของชีอ้าวชวางสั่นเครือ
แววตาของเฟิงอี้เซวียนมีประกายความกังวลโศกเศร้าและอาวรณ์อยู่ในนั้นแต่ก็ยังพยายามค่อยๆ ยื่นมือขวาออกไปสัมผัสใบหน้าของชีอ้าวชวางที่เขาคิดถึงมาตลอด
ชีอ้าวชวางจับมือของเฟิงอี้เซวียนไว้และพูดอย่างเด็ดขาด “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าตาย!”
เฟิงอี้เซวียนยิ้มจางๆ ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว ร่างกายของเขาต้านทานการโจมตีที่รุนแรงของคาร์ดิโอและชีอ้าวชวางไม่ไหวแล้ว
“คามิลล์…”
ชีอ้าวชวางจับมือของเฟิงอี้เซวียนแล้วตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทุกคนที่ได้ยินต่างเฝ้ามองอยู่…
“คามิลล์ ข้ารู้ว่าท่านทำได้ออกมาสิ! ออกมา! ช่วยเขาที! ”ชีอ้าวชวางตะโกนขึ้นไปบนฟ้าด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าและคาดหวัง
เฟิงอี้เซวียนและเหลิ่งหลิงยวิ๋นต่างก็ตะลึง
ร่างของคาร์ดิโอหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
เฮ้อ
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น
เสียงถอนหายใจนี้ดูเหมือนจะดังขึ้นจากบนท้องฟ้าและดูเหมือนจะดังอยู่ในหัวใจของทุกคนด้วย!
ใครกัน?
ใครที่มีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้?
วินาทีต่อมาท้องฟ้าก็กลับกลายเป็นปลอดโปร่ง
ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาวพร้อมกับสายลมที่พัดเอื่อย
ชายในชุดสีขาวปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าและลอยอยู่อย่างนั้น เสียงถอนหายใจเบาๆ นั้นน่าจะมาจากเขาคนนี้
ชายชุดขาวคนนี้ก็คือคามิลล์ที่หายตัวไปอย่างกะทันหันนั่นเอง
“อ้าวชวาง…” คามิลล์เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“คามิลล์ ช่วยอี้เซวียนด้วย ท่านทำได้ ข้ารู้!” ชีอ้าวชวางเงยหน้ามองคามิลล์อย่างกังวล
เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองคามิลล์อย่างซับซ้อนคามิลล์เป็นใครกันแน่? เขามีการดำรงอยู่แบบไหนกัน?
“ข้าทำได้” คามิลล์ยิ้มเล็กน้อย
“ช่วยเขาด้วย!” ชีอ้าวชวางร้อนใจมากขึ้น
“แต่ขอเหตุผลที่ข้าช่วยชีวิตเขาหน่อยสิ” คามิลล์ยังคงยิ้มอย่างนุ่มนวลและสง่างามแล้วพูดออกมาอย่างชัดเจน “ข้าไม่มีเหตุผลที่จะช่วยเขาเลย ถ้าเป็นเจ้าที่บาดเจ็บข้าก็จะช่วยแต่กับเขา ข้าไม่…”
รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของคามิลล์ดูคุ้นเคยแต่ก็ดูแปลกประหลาดเขายิ้มแต่ดวงตาของเขาเย็นชามาก
เขาไม่ได้กำลังล้อเล่น ตอนนี้เขากำลังจริงจังอย่างผิดปกติ
“ทะ…ทำไม…” ชีอ้าวชวางมองคามิลล์ที่กำลังยิ้มอย่างแปลกใจ
“ไม่ทำไม” คามิลล์ยิ้มเหมือนเดิมและน้ำเสียงของเขาก็แผ่วเบาแต่กลับเย็นชามาก!
ชีอ้าวชวางหันมามองเฟิงอี้เซวียนที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ นางก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นที่พลังของเฟิงอี้เซวียนค่อยๆ หายไปตลอดเวลา…
หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปเฟิงอี้เซวียนก็คงจะจากนางไปตลอดกาลจริงๆ และคงกลับมาไม่ได้อีกแล้ว!
ความสิ้นหวังและความเศร้าโศกมากมายถาโถมเข้าใส่ชีอ้าวชวางนางทำได้เพียงจับมือของเฟิงอี้เซวียนไว้แน่น
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเห็นท่าทางอย่างนั้นของชีอ้าวชวางก็รู้สึกเสียใจมาก ได้แต่ถามตัวเองในใจว่าหากคนที่ล้มลงไปคือตัวเขาเองชีอ้าวชวางจะควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนตอนนี้หรือไม่ จะเป็นเช่นนี้หรือไม่นะ…