เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 275
พอได้แล้ว!” เมื่อเห็นว่าแจ็คลินยังไม่หยุด ทารีน่าก็ขมวดคิ้วและตำหนิอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าลืมความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้อาวุโสอัลทิสไปแล้วหรือ หรือว่าลืมไปแล้วว่าทำไมเขาถึงได้มาเป็นผู้อาวุโสของสำนักเรา เจ้าลืมตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้วหรือ”
พอเจอการตำหนิอย่างรุนแรงของทารีน่า สีหน้าของแจ็คลินก็เปลี่ยนไปเลยใช่จะลืมตัวตนและความแข็งแกร่งที่แท้จริงของคนผู้นั้นไปได้อย่างไรแจ็คลินอดไม่ได้ที่จะบ่นอยู่ในใจแต่ก็ยอมนั่งลงเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกสีหน้าของคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกันเมื่อนึกถึงตัวตนและความแข็งแกร่งที่เหมาะสมของคนคนผู้นั้นผู้อาวุโสอัลทิสคือคนที่แม้แต่เจ้าสำนักก็ไม่สามารถต่อกรได้ จะนับประสาอะไรกับศิษย์ตัวเล็กๆ อย่างเขาล่ะ!
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนหัวข้อกันไปโดยปริยายและเริ่มพูดคุยกันแบบสบายๆ แต่ในใจก็ยังคงมีความไม่พอใจอยู่ชายผมแดงคนนั้นยิ่งเห็นก็ยิ่งรำคาญสายตาสายตาของแจ็คลินมืดมนและแอบคิดในใจว่ารอให้มีโอกาสก่อนเถอะ เขาจะสั่งสอนเด็กคนนั้นอย่างแรงเลย จะทำให้หมอนั่นต้องทนทุกข์ทรมาน!
สายตาของทารีน่าสบเข้ากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้
ผมสีแดงยาวสลวยถูกม้วนขึ้นแบบง่ายๆ ยุ่งจนตกลงมาที่ไหล่และข้างหลัง มีสายลมพัดเอื่อยโชยมาเบาๆ ความเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ก็กระจายอยู่รอบๆ ตัวเขาใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูสงบนิ่งอย่างไม่เข้ากับวัยและดวงตาสีดำขลับลึกล้ำนั้นสามารถดึงดูดคนราวกับทำให้ตกสู่วังวนได้แต่ริมฝีปากบางของเขาปิดสนิทอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ได้พูดกับใครเลยเสื้อผ้าสีเข้มของเขาก็ยิ่งทำให้เขาลึกลับแต่ก็ดูเศร้าสิ่งที่แปลกที่สุดก็คือเขามีต่างหูคริสตัลสีม่วงสองอันอยู่ที่ติ่งหูข้างขวาของเขาและมันเปล่งแสงประกายสีม่วงจางๆ อยู่ภายใต้แสงจันทร์
เขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ รังสีเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาทำให้คนอื่นทนมองไม่ได้แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปเป็นความรู้สึกขัดแย้งที่แปลกมาก
ทำไมรู้สึกว่าเขามีความเศร้าอยู่เสมอเลยนะ?
เขามีเรื่องอะไรกันแน่?
ทารีน่าไม่รู้เลยว่านางที่ไม่เคยมีความรู้สึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงมาโดยตลอดเริ่มสนใจเพศตรงข้ามเป็นครั้งแรกและนางก็อยากรู้เรื่องราวเบื้องหลังของชายคนนั้นด้วย
ชีอ้าวชวางหลับตาลงปล่อยให้สายลมพัดผ่านใบหน้าและผมไปทุกสิ่งภายนอกไม่สำคัญเลย ตอนนี้นางมีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น…
การประเมินของสถาบันดวงดาวจะเริ่มเมื่อไหร่นะ
อัลทิส ชายผู้หล่อเหลาและมีดวงตาสีพีชได้บอกไว้แล้วว่าจะมีคนมาพาพวกเขาไปเข้าการประเมินเขาย้ำเตือนอยู่ซ้ำๆว่าการประเมินของสถาบันดวงดาวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อาจจะโหดร้ายมากเลยด้วย! เพราะมีศิษย์ที่เสียชีวิตในการประเมินประเภทนี้ หัวข้อการประเมินในทุกปีจะแตกต่างกันแต่นี่มันก็ผ่านมาสักพักแล้ว ทำไมคนที่จะมาพาไปยังไม่มาเลยล่ะ
ชีอ้าวชวางพิงต้นไม้อยู่อย่างเงียบๆ แล้วจู่ๆ อากาศที่สงบก็แปลกประหลาดขึ้น
สายลมเปลี่ยนไป…
ชีอ้าวชวางรีบลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชีอ้าวชวางไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ที่นี่มียอดฝีมือของทุกสำนักอยู่ ตอนนี้หลายๆ คนก็มองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตัวทันที
ยังไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงเตือนใดๆ เวลาต่อมาอากาศก็มีแต่ความสกปรกเต็มไปหมด เมฆสีดำปรากฏขึ้นในอากาศแต่ก็มีเพียงแค่ตรงบริเวณตั้งกระโจมของพวกเขาเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงกระทบกันดังขึ้นในคืนที่เงียบสงบ
สายลมพัดมาจากด้านบนศีรษะผสมกับเสียงที่สั่นสะเทือนนั้นอย่างดุเดือด!
ฝนตกหรือ?
ไม่ใช่สิ!
ทันใดนั้นรูม่านตาของชีอ้าวชวางก็ขยายออกและสะบัดนิ้วทันทีโดยไม่ลังเล จากนั้นก็มีเขตกั้นโปร่งใสปรากฏขึ้นบนหัวของชีอ้าวชวาง
จากนั้นก็มีเสียงดังติดต่อกันจนทำให้เขตกั้นสึกกร่อน!
น้ำฝนนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนมากจริงๆ น่าแปลกใจมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องดังขึ้นเห็นได้ชัดว่ามีคนได้รับบาดเจ็บจากฝนแปลกประหลาดนี้แล้วเสียงนั้นก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชีอ้าวชวางหลือบมอง มือก็รวมพลังและร่างกายก็ห่อหุ้มไปด้วยสายลมที่โปร่งใสสายลมหมุนขึ้นและลงอย่างรวดเร็วห่อหุ้มร่างของชีอ้าวชวางไว้แน่นค่อยๆ ปัดน้ำฝนที่ตกลงมาทั้งหมดออกไปไม่ให้เข้ามาสักหยดเลย
ทางด้านทารีน่าก็กำลังชุลมุนกันยกใหญ่ ทารีน่าสร้างเขตกั้นมาล้อมทุกคนไว้อย่างใจเย็นแต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเขตกั้นสึกกร่อนไปในทันที นางจึงสร้างเขตกั้นอีกเรื่อยๆ ศิษย์คนอื่นๆ ก็ยังคงสร้างเขตกั้นเพื่อปิดกั้นน้ำฝนที่แปลกประหลาดเหล่านั้น แต่น้ำฝนก็ยังคงกัดกร่อนเขตกั้นที่พวกเขาสร้างขึ้นอีก พวกเขาก็ยังคงสร้างเขตกั้นต่อไปอีกเรื่อยๆ พื้นที่ที่อยู่ก็เล็กลงเรื่อยๆ ทุกคนรู้สึกแตกตื่นและเป็นทุกข์มากในใจพวกเขารู้สึกตกใจที่ฝนประหลาดนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนน่ากลัวเช่นนี้
ในตอนที่พวกเขาแทบไม่มีที่ว่างให้หลบแล้ว ในที่สุดฝนที่แปลกประหลาดก็หยุดลง
ชีอ้าวชวางกำลังตั้งสมาธิอยู่และสายลมรอบตัวก็ค่อยๆ สลายไปนางเงยหน้าขึ้นมองความวุ่นวายตรงหน้าในใจก็ครุ่นคิดสถาบันดวงดาวอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ จะมีใครแอบโจมตีสถาบันดวงดาวหรือ เห็นได้ชัดว่าไม่สมเหตุสมผลเลย ยกเว้นแต่…
ตอนที่ชีอ้าวชวางกำลังตั้งสมาธิอยู่ สายตาของทารีน่าก็มองมาที่ร่างของนาง ปฏิกิริยาแรกของทารีน่าหลังจากเรียกสติกลับมาได้ก็คือมองมาทางนี้ พอเห็นใบหน้าสงบของชีอ้าวชวางและไม่มีอาการบาดเจ็บอะไรเลยทารีน่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในใจก็ยังประหลาดใจกับปฏิกิริยาที่ดีและความเข้มแข็งของชายคนนี้อยู่ นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมปฏิกิริยาแรกของตัวเองถึงเป็นเช่นนี้แทนที่นางจะสนใจพวกศิษย์ศิษย์น้องที่อยู่รอบตัวนาง
ทารีน่ามองไปรอบๆ ฝนนี้ดูแปลกมาก ทั้งยังมีฤทธิ์กัดกร่อนอีกด้วย บางคนในตอนแรกยังไม่มีการตอบสนองอะไร แต่พอถูกฝนแปลกๆ นั้นหยดลงบนร่างกายสองสามหยดผิวหนังและเนื้อของพวกเขาก็ไหม้ไปทันที จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นต่อเนื่องไม่หยุด บางคนถูกฝนกัดกร่อนจนเห็นกระดูก ส่วนเรื่องความเจ็บปวดนั้นไม่ต้องพูดถึงส่วนพวกเขาที่ตอบสนองทันทีก็ทำได้แค่สร้างเขตกั้นต้านเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาเองก็ตื่นตระหนกเช่นกันแต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลย แถมยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสงบอีกด้วย
ท่าทีสงบและผ่อนคลายนี้ จะเป็นอย่างที่แจ็คลินพูดว่าไม่มีอะไรโดดเด่นได้อย่างไร
ทารีน่ามองใบหน้าสงบของชายคนนั้นดูเหมือนเขาจะรู้สึกถึงการจ้องมองของนาง เขาเหลือบมองมาทางนี้ จากนั้นก็หันไปทางอื่นอย่างไม่แยแส
ทารีน่าตกใจและดึงสายตาตัวเองกลับมาทันทีพอเห็นศิษย์น้องของนางยังคงมีท่าทางตื่นตระหนกกันอยู่ ก็หันมาสนใจสถานการณ์ของแต่ละคนแทน โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
“เกิดอะไรขึ้น! เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นที่ทางเข้าสถาบันดวงดาวได้อย่างไรใครกันที่มาลอบโจมตีที่นี่อย่างไม่กลัวตาย!”แจ็คลินพูดออกมาอย่างไม่พอใจในใจก็คิดว่าคนที่กล้าโจมตีที่นี่จะต้องถูกสถาบันดวงดาวฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแน่ๆ!
“แจ็คลินอย่าพูดเรื่องไร้สาระ เจ้าคิดว่าจะมีใครกล้าเข้ามาโจมตีสถานที่แห่งนี้ในเวลานี้งั้นหรือ?”จิตใจของทารีน่าช่างงดงามจริงๆ นางคาดเดาความเป็นไปได้นั้นได้ในพริบตาแล้วจึงดุคำพูดของแจ็คลินถ้าไม่หยุดเขาก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะพูดอะไรที่จะทำให้คนอื่นหัวเราะขนาดไหน
ในตอนที่กำลังมีความวุ่นวายเกิดขึ้น ที่บันไดตรงเชิงเขาก็มีแสงสีขาวปรากฏขึ้น จากนั้นก็ปรากฏเป็นประตูสีขาวที่สามารถมองเห็นด้านในได้
เส้นทางมิติหรือ?!
มีคนสามคนเดินออกมาจากประตูอย่างช้าๆ พวกเขาทั้งสามสวมเสื้อผ้าสีขาวเหมือนกันทั้งหมด มีผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนมีสัญลักษณ์ติดอยู่ตรงหน้าอกของพวกเขาเป็นดาวเล็กๆ สีทองแปดดวง! นั่นคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งที่สามารถไปถึงชั้นแปดของหอคอยดวงดาวได้!
ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล!
ผู้แข็งแกร่งของสถาบันดวงดาวนั้นน่ากลัวจริงๆ
มีเส้นทางมิติปรากฏขึ้น จากนั้นคนที่ปรากฏตัวก็มีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้พวกเขามาที่นี่เพื่อทำหน้าที่เป็นทูตนำทางไปยังการประเมินใช่หรือไม่?
แต่แบบนี้มันไม่เกินความจำเป็นไปหน่อยหรือ?
ต้องรู้ก่อนว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถไปถึงชั้นเก้าได้เลย ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็ไปถึงชั้นแปดเท่านั้นเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคนที่มาพบพวกเขาในครั้งนี้เป็นนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดในสถาบันตอนนี้
ชายที่นำมานั้นมีลักษณะที่ดูไม่ธรรมดาเลย ใบหน้าหล่อเหลาของเขามีจมูกสูงโด่งสมบูรณ์แบบราวกับหยกคิ้วเรียวและดวงตาที่ดูเหมือนจะมีประกายสีฟ้าจางๆ อยู่และผมยาวสีดำสนิทของเขาถูกรวบไว้อย่างเป็นระเบียบไม่ยุ่งเลยแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ แต่ราวกับว่ายืนอยู่ที่จุดสูงสุดแล้วมองลงมาใบหน้าที่สงบเสียจนทำให้คนมองรู้สึกถูกกดขี่ได้โดยไม่ต้องพูดจาแม้ว่าเขาจะยืนอยู่ไม่ไกลแต่ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าอยู่ห่างไกลมากจนไม่สามารถสัมผัสได้
ผู้ชายและผู้หญิงที่อยู่ซ้ายขวาของเขาก็มีลักษณะที่โดดเด่นไม่ธรรมดาเช่นกันชายทางซ้ายดูอายุน้อยกว่าเขาเล็กน้อยมีผมสีดำและดวงตาสีเหลืองอำพันใบหน้าหล่อเหลาท่าทางดูนุ่มนวลและมีรอยยิ้มสดใสที่มุมปากในดวงตาของเขาก็มีรอยยิ้มเช่นกันให้ความรู้สึกเป็นกันเองมากหญิงสาวทางขวาสีหน้าเย็นชาผมสีบลอนด์ตาสีฟ้าไม่มีการแสดงออกอื่นใดบนใบหน้าที่งดงามนั้นดวงตาของนางก็ดูเย็นชาเช่นกันแต่เป็นอารมณ์เย็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้ชายหลายคนสำหรับสาวงามที่เย็นชานั้น หากเอาชนะใจมันได้ ย่อมทำให้ผู้ชายรู้สึกถึงความสำเร็จเสมอและผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนประเภทที่ทำให้ผู้ชายมีความปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น
ชั่วขณะนี้ สายตาของผู้ชายทั้งหลายจับจ้องไปที่หญิงสาวท่าทางเย็นชาคนนั้น
“ทุกท่านการประเมินรอบแรกจบลงแล้ว” ชายชุดสีขาวคนหน้าพูดอย่างช้าๆ ด้วยเสียงเย็นเยียบ
จากนั้นก็ด้านล่างวุ่นวายขึ้นทันที
การประเมินรอบแรกจบลงแล้ว? มันเริ่มเมื่อไหร่กัน?
ดวงตาของชีอ้าวชวางเป็นประกายอย่างชัดเจน
ฝนแปลกๆ เมื่อครู่ต้องเป็นการประเมินรอบแรกแน่นอน
พอพิจารณาถึงความแข็งแกร่งและอิทธิพลในตอนนี้ของสถาบันดวงดาวและผู้นำของสำนักต่างๆ ที่จะร่วมประเมินแล้ว ใครเล่าจะกล้ามาลอบโจมตีเช่นนี้ได้
บางคนยังคงมีสีหน้าสงบอยู่ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้คาดเดาได้เหมือนกับชีอ้าวชวางว่าฝนเมื่อครู่เป็นการประเมินรอบแรก