เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 276
“ตอนนี้ ขอเชิญศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครู่ออกไปได้แล้ว พวกเจ้าถูกคัดออกแล้ว”ชายชุดสีขาวที่อยู่ข้างหน้ายังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งและเยือกเย็นด้วยท่าทีเฉยเมย
เกิดเสียงพูดคุยมากมายจากด้านล่าง บางคนก็แสดงสีหน้าผิดหวังและไม่พอใจแต่ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
เพราะอำนาจตัดสินอยู่ในมือของสถาบันดวงดาว
แจ็คลินตบหน้าอกของเขาและมองทารีน่าอย่างชื่นชมโชคดีที่ศิษย์พี่หยุดพฤติกรรมงี่เง่าของเขาไว้ ไม่อย่างนั้นคงจะเสียหน้ามากจริงๆ!
ทุกคนไม่กล้าคัดค้านอะไรแต่ไม่ได้หมายความว่าศิษย์ที่ไม่พอใจบางคนจะไม่พูดอะไรไร้สาระเพื่อระบายความไม่พอใจและความทุกข์ในใจของพวกเขา
“อย่างน้อยก็ควรให้พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นใครนะ” เสียงหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจและมีความยั่วยุ เป้าหมายของเขาก็คือชายชุดขาวที่ดูไม่ธรรมดาผู้นั้น
ลงมืออะไรไม่ได้ก็ใช้ปากสักหน่อยก็ได้นี่
แต่ก่อนที่ชายชุดขาวจะเอ่ยปาก สาวงามเยือกเย็นข้างๆ ก็ส่งเสียงเย็นชาจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและพูดด้วยสายตาเหยียดหยาม “เจ้าไม่ได้มีความจำเป็นหรือมีคุณสมบัติใดๆ ที่จะรู้ชื่อของพวกเรามีเพียงคนที่ผ่านการประเมินเท่านั้นที่มีคุณสมบัติพอจะได้รู้ คนที่ไม่ได้ผ่านการประเมินเมื่อครู่ก็ไปได้แล้ว อย่าให้ข้าต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สอง”
คำพูดของสาวงามน่ามองผู้นี้ไม่ได้ดังมากแต่ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจนคนที่เพิ่งส่งเสียงโวยวายก็กระเด็นออกไปชนต้นไม้ใหญ่สองสามต้นข้างหลังกว่าจะหยุดลงได้จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา ซ้ำยังลุกไม่ได้อีกเป็นเวลานาน
แต่สาวงามเยือกเย็นกลับส่งเสียงเย็นชาและสายตาของนางก็เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
พื้นที่ตรงนั้นเงียบลงทันที
เงียบกันไปแบบนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าสาวงามผู้นี้จะลงมือโดยไม่มีบอกกล่าวเช่นนี้ ทั้งยังทำรุนแรงขนาดนั้นอีก!
บางคนโกรธ บางคนไม่พอใจบางคนประหลาดใจแต่ไม่มีใครลุกขึ้นพูดอะไรสักคำ
ในชั่วพริบตา เหล่าคนที่รู้สึกดีกับสาวงามที่เย็นชาเมื่อครู่ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจทันที ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแต่เย่อหยิ่ง จิตใจของนางยังเยือกเย็นถึงขนาดนี้เลย แต่ก็มีบางคนที่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้มากขึ้นเช่นกัน หากสามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้เชื่องได้ก็จะเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งแต่ทำได้แค่คิดเท่านั้น ก็คู่ต่อสู้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเชียว
“ฮ่าๆ อย่าถือสานะทุกคน ศิษย์พี่ของข้าก็เป็นเช่นนี้เอง หวังว่าผู้ที่ผ่านการประเมินรอบแรกจะไม่หมดกำลังใจในการประเมินรอบที่สองอย่าท้อแท้ ถ้าไม่ผ่านก็ยังมีโอกาสหน้าอีกในอนาคต ถ้าไม่ผ่านก็กรุณารีบออกไปด้วย” ชายผู้มีความสดใสที่อายุน้อยกว่ายิ้มทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดไป
ยังมีโอกาสในอนาคตใช่หวังว่าการประเมินในปีหน้าจะผ่านไปได้อย่างราบรื่นผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินก็ทำได้แค่ปลอบใจตัวเองแบบนี้เท่านั้น
ในเวลานี้ก็มีคนไปช่วยคนที่ล้มไปพื้นเมื่อครู่ให้ลุกขึ้น ส่วนคนที่ไม่ผ่านการประเมินก็มีความกลัวและรีบเก็บข้าวของของพวกเขาแล้วออกไป
ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ที่บันไดไม่ได้มีท่าทีใดๆ พวกเขาแค่ยืนรอคนที่ถูกคัดออกเก็บของออกไปอย่างเงียบๆ เท่านั้น
พื้นที่ตรงนั้นเงียบลงอีกครั้ง ทุกคนที่ยังคงอยู่คือคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากเมื่อครู่แม้ว่าจะมีบางคนที่มีความคิดว่ามีคนที่ไม่ได้มีความสามารถจริงๆ ปะปนมาแต่เมื่อเห็นคนที่ถามเมื่อสักครู่นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแบบนั้น พวกเขาทั้งหมดก็เลิกคิดไป
“ผู้ที่ได้เข้าร่วมการประเมินรอบที่สองโปรดตามพวกเรามา” หลังจากที่ชายชุดขาวพูดออกมาอย่างไม่แยแส เขาก็หันหลังแล้วเดินไป
สาวงามเยือกเย็นและหนุ่มหล่อสดใสก็ตามไปติดๆ สาวงามเยือกเย็นมองตาของชายชุดสีขาวเป็นประกายความอ่อนโยนที่ไม่อาจเข้าใจได้และหนุ่มหล่อสดใสก็มองภาพนี้แล้วยิ้มเยาะที่มุมปาก
คนอื่นๆ ก็ยืนขึ้นเก็บของและตามไป
ชีอ้าวชวางเดินตามหลังไปด้วยสีหน้าสงบ
ทุกคนเดินไปตรงข้างหน้า พอเดินไปตามบันไดได้ครึ่งทาง ประตูเหล็กสีดำทรงสูงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาอย่างกะทันหัน
ชายชุดขาวที่เป็นผู้นำหยุดและค่อยๆ ผลักประตูเหล็กสูงนั้นออกประตูเหล็กส่งดังเอี๊ยดอ๊าดจากนั้นด้านหลังประตูเหล็กก็ปรากฏเทือกเขาที่มืดมนประตูเหล็กที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนี้เชื่อมต่อกับพื้นที่ที่ไม่รู้จักแห่งหนึ่ง! เป็นประตูมิติอีกแล้วงั้นหรือชีอ้าวชวางประหลาดใจสถาบันดวงดาวแห่งนี้ไม่ธรรมดาเลย!
ในขณะที่ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแผ่วเบาก็มีคนพูดขึ้นมา “นั่นมันทำจากเหล็กเนื้อแข็ง! มันหนักมากเลย…” จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หมายความว่าประตูเหล็กนั้นหนักมาก แต่พอชายชุดขาวผู้นั้นแตะกลับเหมือนไม่หนักแล้วเปิดออกได้อย่างสบายๆ เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของชายชุดขาวผู้นี้ทรงพลังมาก
พอผลักประตูเปิดออกสายลมเย็นๆ ก็พัดเข้ามาจนทำให้ตัวสั่นได้เลย
ชายชุดขาวที่เป็นผู้นำหันหน้าหล่อเหลาของเขามาและพูดเบาๆ “การประเมินรอบที่สองจะต้องเข้าสู่ประตูเหล็กนี้ หลังจากข้ามพื้นที่นี้ไปแล้วจะมีประตูเหล็กแบบนี้อยู่ที่สุดทาง พวกเราจะรอรับพวกเจ้าที่นั่น หากพวกเจ้ามีชีวิตอยู่ถึงห้าวันก็ถือว่าผ่าน จำเอาไว้ มีเวลาแค่ห้าวันเท่านั้น ถ้าเกินเวลาก็จะมีคนอื่นไปรอรับพวกเจ้าแล้วพาออกไปจากภูเขาดวงดาว”
ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกันการประเมินของสถาบันดวงดาวจะแตกต่างกันไปในทุกปีดังนั้นแม้ว่าศิษย์ที่ผ่านการประเมินในอดีตจะมาบอกศิษย์รุ่นต่อไปเรื่องการการประเมินก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ชีอ้าวชวางมอง มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? แค่ผ่านพื้นที่นี้งั้นหรือ?
เสียงเย็นชาของสาวงามเยือกเย็นดังขึ้นอีกครั้ง “มีสัตว์ร้ายที่ทรงพลังและโหดร้ายมากมายอยู่ข้างในนั้น จะมีชีวิตรอดได้หรือไม่ไม่มีทางรู้ได้ ตอนนี้หากไม่ต้องการเข้าร่วมแล้วก็ออกไปได้ทันทีเลย” แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะนิ่งเรียบ แต่เนื้อความที่กล่าววมาก็ทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายใจคิดว่าพวกเขารักตัวกลัวตายงั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะมาเข้าร่วมการประเมินของสถาบันดวงดาวหรือเป็นดังที่สาวงามเยือกเย็นพูด เวลานี้มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังมาจากประตู มันดูน่ากลัวมาก บางคนอดใจสั่นไม่ได้ บางคนก็เริ่มถอยออกห่างด้วยเช่นกัน
สาวงามเยือกเย็นเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะ “คิดให้ดีก่อนแล้วค่อยเข้าไป ถ้าเอาชีวิตไปทิ้งข้างในนั้น ก็คงจะพูดได้แค่พวกเจ้าแข็งแกร่งไม่พอ” การประเมินของสถาบันดวงดาวโหดร้ายมาโดยตลอด การเสียชีวิตระหว่างการประเมินเป็นเรื่องปกติมาก แต่ในทุกปีก็ยังคงมีคนเข้าร่วมจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าสถาบันดวงดาวแห่งนี้ไม่ธรรมดาเลย
ทันทีที่คำพูดของสาวงามเยือกเย็นจบลงชีอ้าวชวางก็เดินผ่านนางไปอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางสงบและก้าวขาตรงเข้าไปในประตูเหล็กสูงและหนักนั้น จากนั้นก็หายลับไป
สาวงามเยือกเย็นขมวดคิ้ว ดวงตาของนางมีประกายความรังเกียจเกิดขึ้นก็แค่คนบ้าบิ่นคนหนึ่ง เดี๋ยวก็ได้ตายเร็วเพราะความงี่เง่า
หางตาของชายชุดขาวหันไปมอง แววตาของเขาปรากฏประกายแปลกประหลาดแต่ไม่นานก็หายวับไป
“หืม?” หนุ่มหล่อสดใสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้ม จากนั้นพูดกับคนที่ไม่พอใจ “คำพูดของศิษย์พี่ของข้าไม่ได้มุ่งร้าย นางเพียงแค่เตือนทุกคนว่าอย่าเอาชีวิตไปทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ สัตว์เวทที่อยู่ข้างในนั้นทรงพลังมากถ้าพวกเจ้าคิดดีแล้วก็เชิญ หวังว่าทุกคนจะระมัดระวังตลอดทางและข้ามพื้นที่นี้ได้อย่างปลอดภัย”
เมื่อพูดจบบางคนก็ต้องการพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่กลัวความตายและรีบวิ่งเข้าไปในประตูเหล็กแล้วเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่รู้จักนั้นทันที
ทารีน่าแอบกังวลเมื่อเห็นชีอ้าวชวางเข้าไปเมื่อครู่ ตอนนี้เมื่อได้ฟังหนุ่มหล่อพูดจบแล้ว นางก็พาศิษย์น้องที่อยู่ข้างหลังก้าวเข้าไปในประตูเหล็กทันที
ศิษย์ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก้าวเข้าไปในประตูเหล็กและหายไปในฉากกลางคืนนั้นกันหมดแล้ว
ชายชุดขาวมองค่ำคืนที่กว้างใหญ่และเงียบงันนั้น
“ไดทันส์ เจ้าคิดว่าจะมีกี่คนที่ผ่านการประเมินในครั้งนี้” หนุ่มหล่อสดใสถามชายชุดขาวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าควรเรียกว่าศิษย์พี่นะ โจนาธาน” ก่อนที่ชายที่ชื่อไดทันส์จะพูดอะไร สาวงามก็ตำหนิอย่างเย็นชาทันทีเห็นได้ชัดว่านางค่อนข้างไม่พอใจที่หนุ่มหล่อสดใสเรียกชายชุดขาวด้วยชื่อของเขา
แต่ใครจะรู้ว่าทันใดนั้นหนุ่มหล่อสดใสที่ยิ้มแย้มจะก้มหน้าลงอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดอย่างเย็นชา“เลนนี่ เจ้าอย่าเข้าใจผิด เมื่อครู่ที่ข้าเรียกเจ้าว่าศิษย์พี่ก็แค่เป็นการไว้หน้าเท่านั้น ตามกฎของสถาบันที่ว่าห้ามเปิดเผยชื่อจริงต่อหน้าคนที่ยังไม่ผ่านการประเมิน เจ้าอายุมากกว่าข้า ข้าจึงเรียกเจ้าว่าศิษย์พี่ก็เท่านั้น”
สีหน้าของเลนนี่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและกำลังจะระเบิดแล้ว
“มาสิ เจ้าสามหมื่นปี คิดจะลงมือกับข้าหรือ เจ้าอย่าลืมนะว่าคนที่ลงมือก่อนจะถูกลงโทษ” เวลานี้หนุ่มหล่อสดใสไม่ได้พูดอย่างสดใสเลยสักนิด เขาพูดอย่างรุนแรงมาก คำเรียกนั้นแทบจะทำให้เลนนี่ระเบิดออกมาเลย
ตัวตนของทั้งสามคนนี้ไม่ธรรมดาเลยพวกเขาผ่านการทดสอบดวงดาวและสามารถไปถึงชั้นแปดของหอคอยดวงดาวนับเป็นนักเรียนระดับแปดดาวชายชุดขาวที่เป็นผู้นำนั้นชื่อว่าไดทันส์ เขาเป็นอันดับหนึ่งที่ยังไม่มีใครโค่นลงได้หนุ่มหล่อสดใสมีชื่อว่าโจนาธานแม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าแต่เขาก็ยังคงไล่ตามรักษาอันดับที่สองไว้ส่วนสามหมื่นปีที่เขาเรียกหมายถึงเลนนี่ สาวงามผู้เยือกเย็นโจนาธานไม่ค่อยถูกคอกับเลนนี่มาโดยตลอด ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมในสายตาของคนอื่น แต่ในสายตาของโจนาธานนางเป็นแค่ผู้หญิงงี่เง่าธรรมดา
สถาบันดวงดาวไม่ได้จัดลำดับตามการลงทะเบียนแต่จะจัดไปไปตามการทดสอบดวงดาว ตัวอย่างเช่นนักเรียนที่เพิ่งเข้ามาในปีนี้จะได้ร่วมในการทดสอบดวงดาว ผู้ที่สามารถผ่านขั้นที่แปดได้ก็จะเป็นความแข็งแกร่งระดับแปดดาวและจะอยู่ในชั้นเรียนเดียวกับนักเรียนที่ผ่านการทดสอบระดับแปดแม้ว่านักเรียนที่เข้ามาก่อนแต่ไม่ได้ผ่านไปถึงระดับแปดก็ต้องให้ความเคารพกับผู้ที่แข็งแกร่งในระดับแปด สถานที่แห่งนี้เป็นโลกที่เคารพนับถือผู้แข็งแกร่ง