เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 277
“เจ้า…” ประกายเย็นชาวาบขึ้นในแววตาของเลนนี่ นางใกล้จะระเบิดแล้ว
“พอแล้ว ไปกันเถอะไปรอพวกเขาอยู่ทางนั้นกัน อย่ามาโต้เถียงอะไรกันแบบนี้” ไดทันส์ขัดการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างแผ่วเบา เขายื่นมือออกมาปัดไปตรงหน้า จากนั้นแสงสีขาวก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นประตูด้านหลังแล้วก็ก้าวเข้าไป
พอไดทันส์พูดทั้งสองก็หยุดโต้เถียงกันความวิตกกังวลและความอ่อนโยนฉายในแววตาของเลนนี่ในขณะที่มองไดทันส์ นางกลัวว่าคำพูดและการกระทำของนางเมื่อครู่จะทำให้ไดทันส์รู้สึกไม่ดี
โจนาธานเห็นแบบนั้นก็หัวเราะเยาะและตามหลังไดทันส์ไป
เลนนี่มองแผ่นหลังของโจนาธานด้วยความโกรธแล้วจึงเดินตามไป
ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนชีอ้าวชวางมองไปด้านหน้าที่ดูเหมือนสงบแต่เมื่อสายลมพัดมาเบาๆ ชีอ้าวชวางก็เหลือบมอง สายลมบอกกับนางว่าข้างหน้ามีอันตรายใหญ่หลวงสัตว์เวทดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนรรออยู่ตอนที่เหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมการประเมินก้าวเข้ามาในพื้นที่นี้ พวกสัตว์เวทในบริเวณนี้ก็รู้สึกได้แล้วเคี้ยวฟันรออาหารของพวกมันแล้วในสายตาของสัตว์เวทพวกคนที่ก้าวเข้ามาในพื้นที่นี้คืออาหารเลิศรสของพวกมัน
ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าผืนนภาสีดำสนิท ไร้ซึ่งดวงจันทร์หรือไม่มีดวงอาทิตย์แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับที่เมื่อครู่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์อยู่ร่วมกันในโลกแห่งความวุ่นวายจะมีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนตำแหน่งอย่างช้าๆ ทุกวัน กลางวันและกลางคืนของโลกแห่งนี้ดำรงอยู่ในเวลาเดียวกันและตอนที่พวกเขารออยู่ในพื้นที่โล่งก่อนหน้านี้ก็ยังมีดวงจันทร์เต็มดวงอยู่บนท้องฟ้าอยู่เลย
“ฟิ้ว…ฟิ้ว…” สายลมเบาๆ ล้อมรอบชีอ้าวชวางเอาไว้ราวกับมีชีวิตและส่งเสียงจากนั้นชีอ้าวชวางก็ยิ้มจางๆ และพูดด้วยเสียงต่ำ “อื้ม ข้ารู้แล้ว ”สายลมดูเหมือนจะเข้าใจคำพูดของชีอ้าวชวางแล้ววนเวียนอยู่ข้างชีอ้าวชวางอย่างมีความสุข
หากใครได้เห็นภาพนี้ก็จะต้องตกใจเพราะชายหนุ่มคนนี้สามารถเข้าใจเสียงของลมและสามารถสื่อสารกับลมได้เป็นอย่างดี ถ้าออสต้าผู้เป็นเจ้าชายเอลฟ์อยู่ที่นี่เขาคงจะตกใจมาก ต้องบอกก่อนว่าเขาเป็นเอลฟ์ที่มีร่างกายและพรสวรรค์ในการสื่อสารกับสายลมแต่ชายหนุ่มคนนี้สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ในเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น!
ชีอ้าวชวางคลี่ยิ้มแล้วเด็ดใบไม้ขนาดประมาณฝ่ามือออกมาสองสามใบ แล้วค่อยๆ ชูขึ้นสูงปล่อยให้ใบไม้ลอยไปในอากาศ จากนั้นชีอ้าวชวางก็ค่อยๆ บินขึ้นไป ในชั่วพริบตาลมหายใจของนางก็หายไปหรือน่าจะต้องพูดว่าลมหายใจของนางกลืนไปกับอากาศรอบข้างไปแล้ว
สายลมพัดเบาๆ ชีอ้าวชวางที่ยืนอยู่บนใบไม้ราวกับไร้น้ำหนักค่อยๆ บินไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนและหายไป
ทารีน่าที่ตามมาไม่เห็นร่างของชีอ้าวชวางแล้วในใจของนางก็เกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อยเด็กคนนั้น เข้าไปคนเดียวแบบนี้คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเขากระมัง
“ศิษย์พี่ มีอะไรหรือ” แจ็คลินมองทารีน่าแล้วถามด้วยท่าทางงุนงง
“อ้อ ไม่มีอะไรไปกันเถอะ อย่าแยกกันระหว่างทางนะ ระวังตัวกันด้วย” ทารีน่าสั่งอย่างใจเย็น
“ค่ะ/ครับ” ศิษย์ทุกคนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพวกเขาเชื่อฟังคำพูดของทารีน่า
ต่อจากนั้นทุกคนก็เดินไปยังพื้นที่ที่ไม่รู้จักนี้อย่างระมัดระวัง
ที่ประตูมิติอันหนักอึ้งอีกแห่งเวลานี้พวกของไดทันส์เพิ่งมาถึง
โจนาธานเอียงศีรษะอย่างล้อเลียน “ไดทันส์ เจ้าอยากเดิมพันสักหน่อยหรือไม่ว่าใครจะมาถึงที่นี่ก่อน พวกเราเปิดประตูรอเลย”
ไดทันส์ยังไม่ทันได้พูดอะไร เลนนี่ก็พูดด้วยความไม่พอใจก่อน “จะรีบเปิดประตูตั้งแต่ตอนนี้เลยหรือ รอให้พ้นสองวันก่อนค่อยเปิด เจ้าคิดว่าคุณสมบัติของคนเหล่านั้นจะมาได้ในเวลาอันสั้นงั้นหรือ” เลนนี่พูดอย่างดูถูกและมองโจนาธานด้วยสายตาเหยียดหยันดูเหมือนจะเยาะเย้ยในความไร้เดียงสาและความไม่รู้ประสาของโจนาธาน
แต่เมื่อคำพูดของเลนนี่จบลง ประตูเหล็กหนาก็ค่อยๆ เปิดออกจากข้างใน…
ประตูเหล็กหนักถูกเปิดออก เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดรุนแรงเป็นพิเศษในคืนที่เงียบสงบเช่นนี้
โจนาธานอ้าปากค้างและมองอย่างไม่เชื่อสายตาขณะที่ประตูเหล็กหนักค่อยๆ เปิดออกจากด้านใน
เลนนี่ยิ้มค้างและดวงตาก็ตกตะลึงด้วย
ไดทันส์ดูสงบมากแต่ก็มีความประหลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
หลังจากที่ประตูเหล็กเปิดออกอย่างช้าๆ ก็เผยให้เห็นใบหน้าที่สงบและหล่อเหลาผมสีแดงเพลิงของเขาปลิวไสวไปตามสายลมนัยน์ตาสีดำลึกล้ำดูเย็นชาเมื่อเห็นทั้งสามคนยืนอยู่ที่ประตู ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆร่างสูงสง่าเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เท่านั้น
“เจ้า เจ้า…” โจนาธานอยากจะถามว่าเด็กผมแดงตรงหน้าเขาผ่านพื้นที่นี้อย่างปลอดภัยและรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ลิ้นของเขากลับแข็งทื่อ อธิบายไม่ได้
“เจ้า เจ้าเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร แถมยังไม่ได้รับบาดเจ็บด้วย?!” เลนนี่พูดอย่างเรียบเฉยแต่น้ำเสียงนั้นไม่ใช่การถามแบบสงสัยแต่เป็นการซักไซ้
แต่ไดทันส์กลับคิดไว้แล้วเมื่อครู่ที่โจนาธานถามคำถามนั้นไดทันส์ก็นึกถึงใครบางคนทันทีซึ่งก็คือเด็กผู้ชายคนนี้ แต่มันเร็วกว่าที่เขาคาดไว้มาก
แต่ชีอ้าวชวางก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินผ่านคนทั้งสามคนไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย เดินไปที่ด้านหลังนั่งลงช้าๆ หลับตาและเริ่มนิ่งลง
เมื่อเห็นท่าทีของชีอ้าวชวาง เลนนี่ก็พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าถามว่าทำไมเจ้าถึงผ่านพื้นที่นี้ได้เร็วขนาดนี้มันเป็นไปไม่ได้! เจ้าโกงหรือไม่?!”
คำพูดนี้หยาบคายอย่างยิ่งสายตาของเลนนี่มีความไม่เชื่อและอิจฉาริษยาอยู่ในนั้น เดินทางผ่านพื้นที่นี้ได้เร็วขนาดนี้เลย! แต่ชีอ้าวชวางกลับดูสงบและเมินเฉยแล้วยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
เลนนี่รู้สึกว่านี่เป็นการดูถูกนางจึงโกรธมากจนคิดจะลงไม้ลงมือ นางอยากจะสั่งสอนเด็กที่ไม่เห็นใครในสายตาคนนี้แล้วก็อยากจะทดสอบด้วยว่าโกงหรือไม่
“น่าขำจริงๆ เจ้าทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้นะ ความอิจฉาของเจ้ามันช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน” น้ำเสียงร้ายกาจพูดขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นโจนาธานที่พูดคำเหล่านั้นออกมา เขามักจะพูดด้านที่ไม่ดีของเลนนี่ต่อหน้าไดทันส์อย่างไม่เกรงใจอยู่เสมอ
สีหน้าของเลนนี่เปลี่ยนไปทันที นางกำหมัดจนข้อนิ้วเป็นสีขาวโจนาธานทำให้นางต้องอับอายต่อหน้าไดทันส์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
เวลานี้ไดทันส์ก็พูดขึ้นเบาๆ “ขอแสดงความยินดีด้วยที่ผ่านการประเมินรอบสอง ข้าหวังว่าเจ้าจะผ่านในรอบที่สามด้วยนะ”
“ขอบคุณ” ชีอ้าวชวางไม่ได้ลืมตาแต่พูดออกมาอย่างแผ่วเบาจากนั้นก็หลับตาพักผ่อนต่อ
เลนนี่แสยะมุมปากแล้วกลืนคำพูดที่พูดเมื่อครู่ลงคอไปและค่อยๆ คลายหมัดออกนางทำเพียงแค่มองโจนาธานอย่างดุร้ายและมีความอาฆาตในแววตาด้วย
โจนาธานมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ อย่างเงียบๆ ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ไดทันส์รีบกลับสู่สภาวะปกติและไปนั่งด้านข้าง รอให้คนอื่นๆ ที่ผ่านการประเมินออกมาจากประตูเหล็กเลนนี่มองไดทันส์ที่มีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าและความอ่อนโยนในแววตาของเขาแล้วค่อยไปนั่งข้างเขา
โจนาธานมองภาพนี้ด้วยสายตาเยาะเย้ย จากนั้นเขาก็เดินไปหาชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ นาง
“เฮ้ เจ้าชื่ออะไรหรือ ข้าชื่อโจนาธาน เจ้าข้ามมาได้เร็วขนาดนั้นนี่ไม่เลวเลยนะ”โจนาธานหัวเราะเบาๆ
“ชีอ้าวชวาง” ชีอ้าวชวางพูดออกไปทั้งที่ยังไม่ลืมตา
ชีอ้าวชวาง? โจนาธานอึ้ง ชื่อนี้ดูเหมือนเป็นชื่อผู้หญิงเลย? แต่จะว่าไปแล้ว เด็กคนนี้ดูสวยยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก โดยเฉพาะนิสัยของเขา เหมือนน้ำแข็งแต่ก็เหมือนน้ำด้วย
“โอ้ เจ้าเป็นศิษย์สำนักไหน ศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักเจ้าล่ะ” โจนาธานยังคงถามด้วยรอยยิ้ม
“สำนักเทียนต้าว” ชีอ้าวชวางพูดแล้วก็เงียบไปอีกครั้ง
โจนาธานกลอกตาด้วยความอึดอัดเล็กน้อย เด็กผมสีแดงเพลิงคนนี้เย็นชามาก แถมยังถนอมคำพูดราวกับว่าเป็นทองคำเงียบขรึมยิ่งกว่าไดทันส์เสียอีก
โจนาธานเห็นว่าถามไปก็ไม่ได้อะไรจึงเลิกถาม แล้วนั่งนิ่งๆ ตามชีอ้าวชวางจากนั้นก็หลับตาสงบสติเหมือนนาง
ในขณะนี้ บริเวณรอบๆ ก็เงียบลง
เวลาทั้งคืนผ่านไปกับการนั่งอยู่อย่างนี้
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สลับตำแหน่งกัน ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาแล้ว
ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลืมตาขึ้นแต่รู้สึกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาโจนาธานยังคงนั่งอยู่ข้างๆ นางอยู่
ไม่ไกลจากบันไดด้านล่างพวกเขาไดทันส์และเลนนี่ก็นั่งอยู่ตรงนั้น
“ไดทันส์ เจ้าหิวหรือไม่ กินอาหารที่ข้าเตรียมมาสักหน่อยดีหรือไม่” สีหน้าที่เคยเย็นชาของเลนนี่ในเวลานี้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
“ไม่ต้อง ข้าเอามาเองแล้ว” ไดทันส์ยังคงไม่แสดงสีหน้าใด เขาพูดประโยคนั้นออกมาอย่างเย็นชาแล้วหยิบอาหารออกมาจากแหวนมิติของเขาและเริ่มกิน
เลนนี่รู้สึกอายเล็กน้อยแต่ก็เริ่มกินอาหารที่นางเตรียมมาเองพวกสิ่งของต่างๆ อย่างเช่นแหวนมิตินั้นค่อนข้างหายากแม้กระทั่งในโลกแห่งนี้แต่คนเหล่านี้ดูเหมือนจะมีกันคนละวงเลยทีเดียว สถาบันดวงดาวนี่เกินคาดจริงๆ
ชีอ้าวชวางมองทั้งหมดนี้เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรและเตรียมจะเอาอาหารออกจากแหวนมิติของตัวเองเช่นกัน แต่กลับมีมือหนึ่งส่งขนมปังมาตรงหน้า
ชีอ้าวชวางมองตามมือนี้ไปแล้วก็ได้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและยิ้มแย้มของโจนาธาน
“ตอนเช้ากินอันนี้สิ มีอันนี้ด้วยนะ” โจนาธานเอาน้ำผลไม้และนมออกมาวางไว้ตรงหน้าเขาและชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางตะลึงไปเล็กน้อย พอมองไปที่ตาของโจนาธานก็เห็นเพียงแค่ความตรงไปตรงมาในสายตาเขาเท่านั้น
“ขอบคุณ” ชีอ้าวชวางไม่เกรงใจอีกต่อไปและหยิบขนมปังในมือของโจนาธานมาจากนั้นโจนาธานก็เอามือกลับไป
“เดี๋ยวก่อน” จู่ๆ โจนาธานก็หยิบขนมปังกลับมาโดยไม่รอการตอบสนองของชีอ้าวชวางเลยจากนั้นเขาก็ย่อมือและความร้อนก็ลอยออกมาจากฝ่ามือของเขาแล้วขนมปังนั้นก็ส่งกลิ่นหอมและมีความร้อนจางๆ ด้วย