เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 278
ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วและหยิบขนมปังที่โจนาธานยื่นให้โจนาธานคนนี้เป็นผู้ใช้เวทธาตุไฟนี่เอง
“นมหรือน้ำผลไม้?” จากนั้นโจนาธานก็ถามพร้อมกับชี้ไปตรงหน้า
“ชา…น้ำผลไม้” ชีอ้าวชวางเกือบจะโพล่งออกมาว่าชากุหลาบตามความเคยชินแล้วแต่เปลี่ยนทัน หลังจากรับน้ำผลไม้ที่โจนาธานส่งให้แล้วสายตาของชีอ้าวชวางก็หลุบต่ำลงชากุหลาบ…คนที่มักจะชงชากุหลาบให้นางอยู่เสมอคนนั้น…
“เจ้าคิดว่าผู้หญิงคนนั้นตลกหรือไม่ คิดว่าตัวเองงามที่สุดในแผ่นดิน นางเอาแต่ตามไดทันส์ตลอดเวลา ไม่ยอมให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ไดทันส์เลย มันเป็นเรื่องที่น่าขำจริงๆ คิดว่าตัวเองถูกอยู่ตลอด” โจนาธานมองเลนนี่แล้วกดเสียงพูดกับชีอ้าวชวาง น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยันตอนนี้เลนนี่กำลังรินน้ำส่งให้ไดทันส์ แต่ไดทันส์ไม่รับแล้วหยิบน้ำของตัวเองออกมาทำให้มือของเลนนี่ที่ถือน้ำอยู่ต้องหยุดกลางอากาศจากนั้นก็ชักมือกลับไป
เมื่อเห็นดังนั้น โจนาธานแทบจะหัวเราะออกมาชีอ้าวชวางมองสถานการณ์ตอนนี้แล้วสีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยโจนาธานคนนี้เป็นตัวป่วนจริงๆ เขามีความสุขบนความเจ็บปวดของผู้หญิงคนนั้น
“คราวนี้เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าทำไมข้าไม่อยากนั่งกับพวกเขา” โจนาธานเคี้ยวขนมปังแล้วพูด
ชีอ้าวชวางพยักหน้าเบาๆ เป็นการบอกว่าเข้าใจนิสัยของผู้หญิงคนนั้นไม่สอดคล้องกับรูปลักษณ์ของนางเลยสักนิดจากท่าทางตอนแรกที่นางมาซักถามก็รู้ได้อย่างชัดเจนเลยว่านางเย่อหยิ่งและใจแคบ…
ส่วนโจนาธานเป็นคนขี้เหงา หลังจากรอมาทั้งวันก็ยังไม่มีคนออกมาจากประตู โจนาธานก็เอาแต่พูดแล้วก็พูดอยู่ข้างหูชีอ้าวชวางตลอดเขาพูดทุกสิ่งทุกอย่างเลยแล้วก็พูดเรื่องโลกแห่งความวุ่นวายอย่างละเอียดด้วยก่อนหน้านี้โพ่เทียนบอกนางแค่บางอย่างเกี่ยวกับสถาบันดวงดาวคร่าวๆ แต่ไม่ทันได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องของโลกแห่งนี้ตอนนี้ต้องขอบคุณโจนาธานจริงๆ ที่ทำให้นางได้เข้าใจโลกแห่งความวุ่นวายได้อย่างชัดเจน
ในโลกแห่งนี้ไม่มีความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์มีเผ่าอสูร มนุษย์ ปีศาจและเอลฟ์ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ากฎเกณฑ์ ทั้งหมดมีสี่เมืองซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเมืองเทียนเป่าของโพ่เทียนนั่นเอง พอชีอ้าวชวางได้ยินชื่อนี้ก็เข้าใจความหมายแล้ว เมืองอื่นอีกสามเมืองก็คือ เมืองจิ่วเทียน เมืองปี้ยวี่และเมืองจวี้เฟิงมีสำนักใหญ่เก้าแห่งในโลกแห่งนี้และยังมีสำนักเล็กๆ อีกจำนวนนับไม่ถ้วน โดยสำนักเทียนต้าวถือว่าเป็นสำนักกลางๆในเก้าสำนักสำคัญและมีบางพื้นที่ที่โจนาธานไม่รู้จักตัวอย่างเช่นทะเลรอบนอกแห่งหนึ่งที่กล่าวขานกันว่าเป็นดินแดนร้างเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่อันตรายจึงไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบโจนาธานจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรอยู่ที่นั่น
สถาบันดวงดาวเป็นสถานที่ที่มีเหล่าผู้แข็งแกร่งระดับสูงซ่อนเร้นอยู่และเป็นสถานที่ที่เหล่ามหาอำนาจของโลกสามารถก้าวไปสู่อีกระดับได้ทุกๆ ยี่สิบปีเจ้าเมืองแต่ละเมืองจะส่งคนใต้บังคับบัญชาของตนไปฝึกฝนและเข้าร่วมการประเมินเพื่อเสริมสร้างอิทธิพลของตัวเองในสายตาภายนอกอาจดูเหมือนว่าสำนักแต่ละสำนักกับเมืองต่างๆ ไม่มีความสัมพันธ์อันใดต่อกันทว่าแท้จริงแล้วก็มีความเกี่ยวข้องกันอย่างลับๆ อยู่ผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบดวงดาวของหอคอยดวงดาวได้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาแม้ว่าจะผ่านแค่การทดสอบระดับแรกเท่านั้นแต่ก็จะเป็นที่เคารพนับถือและอิจฉาในตอนที่กลับไปบ้านเกิด
ชีอ้าวชวางเข้าใจเรื่องพวกนี้แต่ก็ตกใจกับความแข็งแกร่งและอิทธิพลของโพ่เทียนตอนที่เจอโพ่เทียนครั้งแรกก็ตกใจกับความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของเขาแล้วยังมีผู้หญิงที่ได้พบที่แก่นแท้ของไฟก่อนหน้านี้หลังจากได้รู้ตัวตนของอาเป่าก็ดูเหมือนว่าจะอิจฉาอีกโพ่เทียนนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…
“เฮ้อ น่าเบื่อจัง…” โจนาธานหาวแล้วเอามือไปรองหัวมองท้องฟ้าแล้วพึมพำ“ไม่รู้จริงๆว่าผู้อาวุโสคิดอย่างไรถึงให้พวกเราเป็นคนประสานงาน ก่อนหน้านี้มันเป็นหน้าที่คนอื่นนี่ ไม่เคยให้นักเรียนระดับแปดดาวมาทำเลย”
พอชีอ้าวชวางได้ยินก็ตะลึงเล็กน้อย แบบนี้ก็แสดงว่าปีก่อนๆไม่เคยมีคนที่มีความแข็งแกร่งขนาดนี้มาทำหน้าที่ประสานงานแบบนี้แต่ในปีนี้ถือเป็นข้อยกเว้น หรือว่าจะมีปัญหาอันใดเกินขึ้น
“โจนาธาน เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่ข้าหรือเจ้าควรจะตั้งคำถาม เราแค่ต้องทำให้ดีก็พอแล้ว” ไดทันส์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ขี้เกียจคุยกับเจ้าแล้ว เจ้ามันเป็นพวกหน้าตาย!” โจนาธานตะคอกอย่างไม่พอใจ
“โจนาธาน ระวังน้ำเสียงของเจ้าด้วย!” เลนนี่ขมวดคิ้วมองโจนาธานแล้วพูด
“ไดทันส์ยังไม่ว่าเลย เจ้ามาโวยวายอะไร เจ้าเป็นคนรักของไดทันส์หรืออย่างไร หรือเป็นภรรยาหรือว่าเป็นแม่ของเขา” คำพูดแปลกๆ ของโจนาธานทำให้แววตาของชีอ้าวชวางมีประกายรอยยิ้มเกิดขึ้น หนุ่มหล่อสดใสคนนี้มีพิษสงเช่นนี้นี่เอง! เป็นอีกครั้งที่เขาทำให้ผู้หญิงคนนั้นโมโหได้สำเร็จ
ปฏิกิริยาของเลนนี่น่ารำคาญจริงๆ เห็นได้ชัดว่าไดทันส์เป็นคนแบบนั้น แม้โจนาธานแหย่ไดทันส์เช่นนั้น แต่ไดทันส์เองก็ไม่ได้ใส่ใจเอาความเห็นได้ชัดว่าทั้งสองมีมิตรภาพที่ดีต่อกันมาก แต่เลนนี่ต้องการจะเข้าข้างอีกฝ่ายแล้วมาตำหนิทางนี้เอง
“เจ้า! โจนาธาน อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้านะ!” สีหน้าของเลนนี่เปลี่ยนไปทันทีแล้วก็ยืนขึ้นมองโจนาธานอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆ น่าขันนัก! เจ้าสามหมื่นปี มาสิ…เจ้าอาจจะมีพวกผู้ชายทั้งหลายที่มาคอยติดตามเจ้า แต่ในสายตาข้าไม่ได้สนใจเจ้าเลย อย่ามาใช้น้ำเสียงแบบเหนือกว่าสั่งสอนคนอื่น ที่เจ้าคิดจะมาสั่งสอนข้าเช่นนี้ เจ้ามีคุณสมบัติถึงขั้นนั้นแล้วหรือไร การทดสอบของเจ้าก็ยังตามหลังข้าอยู่ไม่ใช่หรือ” โจนาธานพูดถ้อยคำร้ายกาจออกมาโดยไม่สนใจใบหน้าที่งดงามของเลนนี่ที่ตอนนี้สีหน้าไม่ดีแล้ว จากนั้นก็เกาหัวเหมือนไม่ได้มีความผิดอะไรแล้วพูดอย่างไม่เข้าใจ “หรือว่าเจ้าคิดว่าแก่กว่าข้าสองปีแล้วจะมาสั่งสอนข้าได้”
ประโยคสุดท้ายนั้นทำเอาเลนนี่แทบจะกระอักเลือดนางกำหมัดอยู่ที่ชายเสื้อจนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาว ดวงตาที่สวยงามนั้นแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
ยิ่งเห็นว่าเลนนี่โกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา โจนาธานก็ยิ่งเติมเชื้อเพลิงต่อไม่หยุด “เลนนี่ข้าบอกให้นะ ข้าบอกกับเจ้าด้วยความเมตตาจากใจจริงเลย”
เลนนี่อึ้ง นางไม่เข้าใจว่าโจนาธานจะพูดอะไรจากนั้นประโยคถัดไปของโจนาธานก็ทำให้จิตใจของนางโกรธจนแทบระเบิดออกมาเลย
“ข้าจะเตือนเจ้าด้วยความหวังดีว่าผู้หญิงที่โกรธง่ายจะแก่เร็วนะ นี่เจ้าก็แก่มากพอแล้ว ถ้าจะแก่มากไปกว่านี้อีกก็คงจะแย่แน่” โจนาธานยิ้มและพูดประโยคนั้นออกมา
คราวนี้ไม่ว่าเลนนี่จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้วชีอ้าวชวางเลิกคิ้วเล็กน้อยขณะมองโจนาธานที่ใบหน้ายิ้มแย้มและในแววตาของเขาก็มีประกายแปลกๆ อยู่ด้วย ผู้ชายคนนี้น่าสนใจ!
เลนนี่ตะโกนและไม้กายสิทธิ์หรูหราก็ปรากฏขึ้นในมือของนางจากนั้นชีอ้าวชวางก็รู้สึกได้ถึงความหนาวสั่น
น้ำ!
เลนนี่เป็นผู้ใช้เวทน้ำ
น้ำที่พุ่งมารวมตัวกันในอากาศเป็นปืนน้ำเกลียวขนาดใหญ่ จากนั้นก็เกิดเสียงขึ้นและพุ่งเข้าใส่โจนาธาน แน่นอนว่าการโจมตีนี้มาถึงตัวชีอ้าวชวางที่อยู่ข้างโจนาธานด้วยเห็นได้ชัดว่าเลนนี่จงใจ
โจนาธานเป็นผู้ใช้เวทไฟ
น้ำกับไฟเข้ากันไม่ได้!
สีหน้าของโจนาธานเปลี่ยนไปทันทีมือของเขาก็มีการขยับแล้วแต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้น
“พอแล้ว”ในที่สุดไดทันส์ที่เงียบไปก็พูดขึ้นช้าๆ
ปืนน้ำขนาดยักษ์ที่กำลังปั่นป่วนก็หยุดอยู่กลางอากาศจากนั้นก็สลายไป
ไดทันส์ไม่ได้หันมาด้วยซ้ำแต่กลับสกัดการโจมตีของเลนนี่ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!
ชายผู้นี้…
ชีอ้าวชวางเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของไดทันส์อย่างครุ่นคิด
ไดทันส์ลุกขึ้นยืนช้าๆ และหันกลับมาแต่ใบหน้าของเขายังคงสงบอยู่เช่นเดิม
“ทำแบบนี้สนุกหรือ?” ไดทันส์พูดช้าๆ
คำแต่ไม่กี่คำแต่ฟังแล้วราวกับฟ้าร้องอยู่ในหูของทุกคนจนแก้วหูสั่นสะท้าน เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
เลนนี่ที่คิดจะโจมตีอีกครั้งก็สงบลงทันทีโจนาธานเองก็เก็บรอยยิ้มนั้นไป
“อย่าให้คนอื่นมองเป็นเรื่องตลก สถานะในตอนนี้ของพวกเจ้าคืออยู่ระดับแปดดาวนะ” คำพูดของไดทันส์ทำให้ความตึงเครียดระหว่างคนทั้งสองสลายไปอย่างสิ้นเชิง
“ฮึ่ม!” โจนาธานส่งเสียงอย่างเย็นชาและนั่งลงอย่างหงุดหงิด
เลนนี่มองโจนาธานอย่างโกรธเกรี้ยวและนั่งลงข้างๆ ไดทันส์
ส่วนการโจมตีของเลนนี่ที่โจมตีโจนาธานจนกระทบต่อชีอ้าวชวางนั้น ไดทันส์ไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยสายตาของชีอ้าวชวางมีประกายหยอกล้อปรากฏขึ้น เพราะว่าดวงตาที่ล้ำลึกของไดทันส์กำลังมองมาที่นาง ชีอ้าวชวางเองก็ไม่ได้หลบสายตา นางสบตากับไดทันส์ แต่สายตาหยอกล้อของชีอ้าวชวางกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดไดทันส์ก็ละสายตาและหันไปชีอ้าวชวางก็ดึงสายตากลับมาแล้วหลับตาลงอย่างสงบ
เวลาในตอนกลางวันผ่านไปเช่นนี้เมื่อถึงเวลากลางคืนในที่สุดก็มีคนเดินออกมาจากประตูเหล็กคนที่มาคือหญิงสาวที่มีดวงตาเผด็จการ ตอนที่นางเดินออกมามีสายลมที่พัดกลิ่นเลือดมาด้วยและยังมีจิตสังหารที่ไม่อาจปกปิดได้ด้วย
ยามที่ชีอ้าวชวางได้กลิ่นก็ขมวดคิ้วและค่อยๆ ลืมตาขึ้นแต่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นผู้หญิงที่เคยพบมาก่อน นางคือผู้คนที่ชีอ้าวชวางได้เจอในโลกแห่งความวุ่นวายตอนที่ไปเอาแก่นแท้ของไฟวันนั้น ผู้หญิงที่จะมาแย่งอาเป่า! สาวงามชุดสีแดงคนนั้น ท่าทางของนางดูดุร้ายและดวงตาก็ดูโหดเหี้ยมความดุดันที่เผยให้เห็นยิ่งทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดทั้งที่ร่างกายของนางไม่มีเลือดเลยแม้แต่น้อยแต่กลับมีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงคละคลุ้งไปหมดกลิ่นอายที่ตัวของนางตอนนี้ก็ทำให้รู้ได้เลยว่านางฆ่าฟันมาตลอดทางแต่ไม่มีเลือดสักหยดบนร่างกายของนาง ความแข็งแกร่งนี้…
นางแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากชีอ้าวชวางมองผู้หญิงคนนั้นนิ่งๆ จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้ง
“ขอแสดงความยินดีที่ผ่านการประเมินรอบสองโปรดไปรออยู่ข้างๆ ก่อน อีกสี่วันเราจะทำการประเมินรอบที่สาม” น้ำเสียงของไดทันส์ยังคงเรียบเฉยอยู่เช่นเดิม