เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 295
ชีอ้าวชวางมองภาพน่าสะพรึงกลัวเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ กรวยน้ำแข็งบนท้องฟ้ายังคงตกลงมาอย่างรุนแรงลงมา จากนั้นมันก็ส่งเสียงดังฉ่าอย่างรุนแรงและระเหยไปในทันที บนพื้นยังคงมีเปลวไฟก็ลุกโชนและมีอุณหภูมิสูงจนดูเหมือนจะเผาไหม้ได้ทุกอย่าง ทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นสะท้าน สิ่งที่ยิ่งทำให้ปวดหัวกว่าก็คือสถานที่ที่เปลวไฟพวยพุ่งออกมานั้นมีความผิดปกติอย่างมาก คาดเดาไม่ได้ว่าในวินาทีถัดไปเปลวไฟจะออกมาตรงจุดไหน
“ข้าไม่ไปกับเจ้าต่อแล้วนะ เจ้าระมัดระวังด้วย” พาริน่าขมวดคิ้วและนึกอะไรบางอย่างได้ “จริงสิ ว่ากันว่าชั้นที่แปดเป็นหนองน้ำน่ากลัว มีหินจำนวนมากลอยอยู่บนหนองน้ำ ต้องเหยียบหินพวกนั้นถึงจะข้ามไปได้ แต่ไม่ใช่ว่าหินทุกก้อนจะรับน้ำหนักคนที่ยืนอยู่บนนั้นได้ เจ้าต้องระวังไม่ให้ตก ถ้าเจ้าล้มเจ้าจะตาย ข้าได้ยินคนพูดกันมาน่ะ เจ้าต้องระวัง อย่าตายนะ ต้องจำไว้ว่าเจ้ายังติดหนี้บุญคุณข้าอยู่”
พาริน่าเข้าใจดีว่าระดับของนางไปต่อไม่ได้แล้ว และนางก็เซ้าซี้ให้ชีอ้าวชวางพานางไปด้วยไม่ได้ เพราะมันอาจทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในอันตรายยิ่งขึ้นไป สูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่อยู่ต่ำกว่าชั้นหกคนที่มีมิตรภาพที่ดีต่อกันจึงไปพร้อมกัน แต่พอขึ้นจากชั้นหกไปแล้วก็จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เพราะแบบนั้นจะเป็นอันตรายต่อกันทั้งหมด
ชีอ้าวชวางหันไปมองพาริน่าและพยักหน้า “ขอบคุณ ข้าจะระวังตัว แล้วจะกลับไปตอบแทนบุญคุณเจ้าแบบมีชีวิต”
“หึ รู้แบบนั้นก็ดี” พาริน่าพูดอย่างเย็นชา จากนั้นก็หยิบม้วนเวทที่ทางสถาบันให้มาแล้วฉีกออกเป็นชิ้นๆ รอออกไป
“ไม่ไหวก็ถอยออกมา อย่าเสี่ยงเอาชีวิตไปทิ้ง จำไว้นะ” ร่างของพาริน่าค่อยๆ หายไป จนวินาทีสุดท้ายก็ยังสั่งไม่หยุดอีก พาริน่าเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในท่าทีของนาง จากจุดเริ่มต้นที่แค่ต้องการจับผู้ชายที่ทำให้นางเกลียด แต่ตอนนี้กลับเป็นห่วงจากใจจริงโดยไม่รู้ตัว
ชีอ้าวชวางมองภาพที่น่าสยดสยองและแปลกประหลาดตรงหน้า แต่เขาก็ก้าวเข้าไปในสถานที่ที่เหมือนนรกแห่งนี้โดยไม่ลังเล
มันร้อนมากแต่ก็หนาวมาก แปลกมาก ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมีความรู้สึกทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน
นี่คือความรู้สึกของชีอ้าวชวาง พื้นร้อนมาก และความร้อนที่รุนแรงก็ระอุขึ้นมาจากฝ่าเท้าอย่างบ้าคลั่ง แต่ท้องฟ้ากลับมีกรวยน้ำแข็งเย็นๆ ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และมีลมหนาวกระโชกแรงด้วย แน่นอนว่ารองเท้านั้นส่งกลิ่นเหม็นไหม้ออกมาแล้ว แม้ว่าชีอ้าวชวางจะไม่ได้สัมผัสพื้น แต่มันก็มีผลเช่นนี้ ชีอ้าวชวางไม่ได้แตะพื้น แต่นางปล่อยให้ลมพัดพานางไปอย่างนุ่มนวลและก้าวไปข้างหน้าเหนือพื้นดินไม่กี่เซนติเมตร แต่ถึงกระนั้นรองเท้าก็ยังคงมีกลิ่นไหม้เกรียมอยู่ดี
ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปาก ถอดรองเท้าแล้วโยนเข้าไปในแหวนมิติ จากนั้นก็ลอยไปด้วยเท้าเปล่า บนพื้นดินร้อนระอุ กรวยน้ำแข็งบนท้องฟ้าตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ชีอ้าวชวางหลีกเลี่ยงน้ำแข็งแหลมคมเหล่านี้ได้อย่างสบาย
เมื่อก้าวไปข้างหน้า กรวยน้ำแข็งบนท้องฟ้าก็หนาแน่นขึ้นและเปลวไฟที่พื้นก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนยากจะป้องกัน
ร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เห็นได้ชัดว่าเข้ามาในนี้ก่อนแล้ว เขาคือผู้ชายคนหนึ่ง เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่เร่งรีบ ปีกสีดำคู่หนึ่งบนหลังกางออกราวกับเป็นร่มขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นกรวยน้ำแข็งทั้งหมดที่ตกลงมาจากท้องฟ้าได้อย่างง่ายดาย กรวยน้ำแข็งตกลงบนปีกของเขาโดยไม่ทิ้งร่องรอยแม้แต่น้อย เขายังเดินเท้าเปล่าบนพื้น เปลวไฟที่พุ่งออกมาไม่ทำร้ายเขา ในทางตรงกันข้าม เสื้อผ้าของเขาถูกไฟไหม้อย่างหนักจนเกือบจะเปลือยเปล่าแล้ว
คนของเผ่าปีศาจ…
ทันทีที่ชีอ้าวชวางเห็นร่างของบุคคลนั้นก็เข้าใจตัวตนของอีกฝ่าย ความแข็งแกร่งของปีกคู่นั้นและร่างกายได้บอกทุกอย่างแล้ว
เมื่อรู้สึกได้ถึงชีอ้าวชวางที่อยู่ใกล้ๆ คนๆ นั้นก็เพียงแค่มองชีอ้าวชวางและไม่พูดอะไร จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าราวกับว่ากำลังเดินเล่นสบายๆ ในลานบ้าน
แต่เมื่อชีอ้าวชวางเดินผ่านเขาและเดินต่อไปข้างหน้า สายตาของเขาก็ดูประหลาดใจมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเห็นตัวตนของชีอ้าวชวางว่าเป็นปีศาจแ ต่อีกฝ่ายไม่ได้กางปีกออกเพื่อสกัดกั้นน้ำแข็งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า และยังคงหลบกรวยน้ำแข็งบนท้องฟ้านั้นต่อด้วยความว่องไวแปลกประหลาด มองไปตลอดทาง ภาพด้านหลังนั้นก็ค่อยๆ หายไป และชีอ้าวชวางก็ห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วย
เมื่อเห็นชีอ้าวชวางหายไปจากสายตาแล้ว ชายคนนั้นก็ครุ่นคิด ดูเหมือนว่าปีนี้จะมีม้ามืดนะ คนผู้นั้นไม่มีดาวสีทองบนเสื้อผ้า ราวกับเขาเป็นเพียงนักเรียนใหม่ แล้วอีกฝ่ายจะผ่านระดับแปดไปอย่างราบรื่นไหม? ในใจเขาเกิดความคาดหวังขึ้นมาไม่น้อย
ชีอ้าวชวางคร่ำครวญอยู่ในใจเพราะถนนนี้ดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด เป็นเวลาเกือบห้าชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังไม่สิ้นสุดอีก ไม่ใช่ว่าชีอ้าวชวางร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะก้าวต่อไป แต่นางก็พบกับความลำบากใจเช่นเดียวกับผู้ชายคนนั้น คือเสื้อผ้าบนร่างกายของนางดูเหมือนจะทนต่อความร้อนของเปลวไฟไม่ได้ และก็ค่อยๆ ถูกแผดเผาไป แม้ว่าร่างกายนี้จะเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าชีอ้าวชวางจะไม่อายที่จะเปลือยกายนี่ ยิ่งไปกว่านั้น หากในช่วงเวลาวิกฤต ชายคนนั้นเขายังกางปีกมาล้อมปิดตัวเองได้ แต่ชีอ้าวชวางยังไม่เข้าใจวิธีการเปลี่ยนร่างนี้ นางทำได้เพียงแค่รักษารูปลักษณ์นี้ไว้เท่านั้น กางปีกสีดำขนาดใหญ่ออกมาไม่ได้
โชคดีที่หลังจากผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ได้เห็นจุดสิ้นสุดของพื้นที่นี้แล้ว
ชีอ้าวชวางรีบกระโดดไปที่ขอบทางและมองไปรอบๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ จากนั้นจึงรีบเอาเสื้อผ้าออกมาจากแหวนมิติและเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าทันที
เฮ้อ…ชีอ้าวชวางถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้ก็พบว่าตัวเองเหนื่อยมาก กว่าจะผ่านสถานที่ประหลาดราวนรกนั้นมา นางต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจอย่างมาก ควรจะต้องพักสักหน่อยแล้ว
ชีอ้าวชวางมองดู รอบๆ มีหินขรุขระ หลังจากคิดแล้วก็พบที่ซ่อนเพื่อนั่งสมาธิและเริ่มปรับลมหายใจ การทดสอบเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ทำให้นางต้องใช้พลังงานไปมหาศาล นางค่อยๆ หลับตาลงและรู้สึกได้ถึงพลังของต้นกำเนิดลมในร่างกาย จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าสู่สภาวะไร้ตัวตน
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานแค่ไหน แต่ชีอ้าวชวางถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงสองเสียง
“หึ ผ่านตรงนี้ทีไรก็รู้สึกยากลำบากทุกครั้ง” เสียงนี้ดูอ่อนแรง แต่ชีอ้าวชวางก็ได้ยิน
“ใช่ หากเราไม่มีสิ่งเหล่านี้เราก็คงผ่านไปไม่ได้หรอก” อีกฝ่ายก็เหนื่อยมากเช่นกัน แต่ในน้ำเสียงก็มีความพึงพอใจอยู่ ชีอ้าวชวางก็ได้ยินเสียงนี้เช่นกัน สองคนนี้เป็นผู้พิทักษ์ที่อยู่ข้างๆ เบธฟินนีย์ เห็นได้ชัดว่าเบธฟินนีย์ไม่ได้อยู่กับพวกเขา เพราะคำพูดต่อไปนั้นแย่มาก
“เบธฟินนีย์นั่น เราทั้งคู่อุตส่าห์ทำงานอย่างหนักเพื่อพานางมาถึงชั้นหก ไม่มีคำขอบคุณสักคำ” เสียงแรกพูดอย่างไม่พอใจ
“เบฮาลอย่าวิตกไปเลย วันหนึ่งพวกนั้นจะตกอยู่ในมือเราเอง ถึงเวลานั้นเราจะทำได้ทุกอย่างที่เราต้องการ” น้ำเสียงนี้ลามกมาก
“ฮ่าๆ เดเซส เจ้าพูดถูก หุ่นของผู้หญิงคนนั้นสุดยอดมาก ถึงตอนนั้นนางจะทำให้เรามีความสุขแน่นอน ฮ่าๆ คงจะรู้สึกดีทีเดียว” ผู้ชายที่หัวเราะคือคนที่ชื่อเบฮาล เขาทำราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดเกิดขึ้นแล้ว
“ถึงตอนนั้นก็ทรมานผู้หญิงคนนั้นให้สุดๆ ไปเลย ให้นางร้องขอชีวิต เราทำเพื่อนางมากมายขนาดนี้ แต่นางกลับเมินเฉย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่ามีคนอยู่ในใจของนาง” เดเซสพูดอย่างขมขื่น
หัวใจของชีอ้าวชวางเมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็สั่นไหวขึ้นมา มีใครบางคนอยู่ในใจของเบธฟินนีย์มานานแล้ว หรือว่า…
“เหอะ เจ้าคิดว่าเจ้ารู้สึกคนเดียวหรือ? คิดว่าข้ารู้สึกไม่ได้หรือ? ทุกครั้งที่นางไปร้านนั้น นางจะสั่งอาหารจานนั้นตลอด แต่พออาหารมานางก็มักจะไม่กิน เอาแต่จ้องมองอาหารนั้น สายตานั้น หากไม่ได้คิดถึงผู้ชายคนนั้นแล้วจะกำลังคิดอะไรอยู่ล่ะ?” เบฮาลพูดอย่างขมขื่นพร้อมกับแววตาดุร้าย “ถ้าข้ารู้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร ข้าจะไปตัดไอ้นั่นของมันให้หมากิน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ชีอ้าวชวางก็รู้ว่าเบธฟินนีย์ไม่ได้ลืมเวนส์ และเวนส์ก็ยังมีความทรงจำเกี่ยวกับเบธฟินนีย์อยู่มากมาย เมื่อเป็นเช่นนี้ ชีอ้าวชวางจึงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
“เฮ้อ ก็ได้แต่พูดเท่านั้น เจ้าก็รู้ว่าภูมิหลังของผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่จะไปทำอะไรผลีผลามใส่ได้” เดเซสถอนหายใจ “นางเป็นถึงลูกสาวของเจ้าเมืองปี้ยวี่”
“ข้ารู้ ไม่อย่างนั้นเราจะมาเอาใจนางขนาดนี้ไปทำไม เฮ้อ เรื่องจะไปบังคับมีอะไรกับนาง แค่คิดก็ยังเป็นไปไม่ได้” เบฮาลถอนหายใจ
“ต่อไปถ้าปราบนางได้แล้วเราก็จะมีทุกอย่าง เราสู้ต่อกันเถอะ” เดเซสจนใจแม้ว่าเมื่อครู่จะพูดโหดร้ายมาก แต่เขาก็ไม่กล้าที่ทำบุ่มบ่ามกับเบธฟินนีย์หรอก อำนาจที่อยู่เบื้องหลังผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะไปยั่วยุได้
“อืม ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกไปซะ วางยานางแล้วให้นางเป็นคนเริ่มก่อน เราไม่ได้บังคับนาง แต่นางเป็นคนบังคับเรา ถึงตอนนั้นนางก็คงพูดอะไรไม่ได้หรอก พูดไปแล้วก็เหมือนเราเป็นฝ่ายช่วยนาง เหอะๆ…”
“ว้าว ถึงตอนนั้นจะให้ใครก่อนดีล่ะ?”
จิตใจลามกของคนสองคนกำลังเพิ่มขึ้น
“คนไหนจะตายก่อนล่ะ?” แต่ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างออกรส ทันใดนั้นเสียงอันเยือกเย็นก็ดังมาเข้าหูของพวกเขา ขัดจังหวะการพูดคุยที่สวยงามของพวกเขา
“ใคร?!” ทั้งสองคนตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ แล้วเหงื่อเย็นๆ ก็ผุดขึ้นบนแผ่นหลัง มีคนอยู่! แบบนี้สิ่งที่พวกเขาพูดเมื่อกี้ก็มีคนได้ยินน่ะสิ?!
ชีอ้าวชวางค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากมุมที่ซ่อนอยู่แล้วมองไปที่สองคนนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“เจ้านี่เอง!” ทั้งสองสะดุ้ง จากนั้นก็มองชีอ้าวชวางด้วยสายตาบึ้งตึง ในใจของพวกเขามีแผนการอยู่ ชีอ้าวชวางต้องตายที่นี่ ชีอ้าวชวางปฏิเสธพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องอับอายถึงสองครั้งติดกัน เรื่องนั้นต้องแก้แค้น อีกทั้งชีอ้าวชวางยังได้ฟังคำพูดทั้งหมดของทั้งสองคนที่พูดเมื่อครู่ด้วย ต้องฆ่าเขาซะ
“ข้าเอง” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ “ช่างบังเอิญจริงๆ”