เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 298
เมื่อถูกไดทันส์พูดใส่แบบนี้ เลนนี่ก็หวั่นไปเล็กน้อย จากนั้นก็นึกได้ว่านางทำกิริยาไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“ข้าแค่แปลกใจก็ใจร้อนถามไปหน่อยเท่านั้นเอง” เลนนี่อธิบายอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าจะทำให้ไดทันส์จำพฤติกรรมที่ไม่ดีของนาง เวลานี้นอกจากจะไม่สบายใจแล้วนางก็ยังเกลียดชีอ้าวชวางด้วย ผู้ชายผมแดงคนนี้ก็เหมือนกับโจนาธานที่ทำให้นางโกรธได้เสมอ
ไม่แปลกใจที่เลนนี่จะโกรธมาก ในสถาบันนี้จะมีผู้ชายคนไหนเมินต่อคำถามของเลนนี่ล่ะ? เหล่าคนที่ชื่นชมก็มักจะบอกในทุกเรื่องที่รู้ ส่วนคนที่ไม่ได้ชื่นชมมากนักก็จะไว้หน้านาง จะมีก็เพียงโจนาธานเท่านั้นที่เยาะเย้ยนาง และตอนนี้ท่าทีของชีอ้าวชวางที่มีต่อนางนั้นก็ทำให้ยิ่งคลั่ง อีกฝ่ายไม่สนใจนางสักนิด!
ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไร แต่ทำแค่นั่งเงียบรอ นางต้องการจะดูว่าสองคนนี้จะใช้วิธีอะไรผ่านหนองน้ำที่อันตรายนี้
เวลานี้เสียงของไดทันส์ก็ดังขึ้น ไม่ได้พูดกับชีอ้าวชวางแต่พูดกับเลนนี่
“เลนนี่ เจ้าจะพึ่งข้าทุกครั้งไม่ได้หรอกนะ คราวนี้เจ้าต้องพึ่งความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อผ่านไปให้ได้” น้ำเสียงของไดทันส์นั้นราบเรียบมาก
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ชีอ้าวชวางก็ตระหนักได้ทันทีว่าที่แท้เลนนี่ก็พึ่งไดทันส์ในการผ่านชั้นแปดนี่เอง แต่เหล่านักเรียนที่ผ่านระดับแปดดาวจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันในตอนท้ายนี่ เกิดอะไรขึ้นกับอันดับสามของเลนนี่ล่ะ? หรือจะบอกว่าคนอื่นๆ ที่ผ่านล้วนเป็นนักเรียนชายแล้วก็ยอมอ่อนข้อให้นาง?
ชีอ้าวชวางพูดถูก! เรื่องมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ! นักเรียนชายคนอื่นๆ ยอมอ่อนข้อให้เลนนี่ มีเพียงโจนาธานเท่านั้นที่ไม่ยอม นั่นเป็นเหตุผลที่โจนาธานพูดว่าเลนนี่เป็นที่สามหมื่นปี! ความแข็งแกร่งของเลนนี่เป็นระดับสูงสุดของระดับเจ็ดดาว แต่ไม่ถึงแปดดาวหรอก
สายตาของชีอ้าวชวางปรากฏแววดูถูก นางดูหมิ่นเลนนี่ และที่ดูถูกยิ่งกว่านั้นก็คือผู้ที่ทำให้เลนนี่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน
แค่มีความงามก็ทำได้แล้วหรือ? ความงามทำได้ทุกอย่างที่ต้องการหรือ? หมดคำจะพูดจริงๆ!
เมื่อไดทันส์พูดแบบนี้เลนนี่ก็ตกใจและร้องออกมาด้วยความกลัว “ไดทันส์ เจ้าทำแบบนี้ไม่ได้นะ ถ้าเจ้าไม่พาข้าไป ข้าจะถูกลดลงเหลือเจ็ดดาวนะ!”
เลนนี่ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ไดทันส์ ไม่เอานะ ข้าไม่ยอมตกลงไปที่เจ็ดดาวนะ ข้า…”
“ครั้งที่แล้วข้ารับปากไว้ข้าเลยทำตามคำสัญญาแล้วพาเจ้าข้ามไป แต่ครั้งนี้ข้าไม่จำเป็นต้องพาเจ้าข้ามไป” ไดทันส์มองหน้าเลนนี่แล้วพูดโดยไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเขายังคงสงบมาก ไม่มีอารมณ์และความอบอุ่นใดๆ และใบหน้าที่หล่อเหลาของไดทันส์ก็ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ด้วย
“ไม่นะ ไดทันส์ ข้าเป็นอันดับสามนะ ข้าจะถูกลดให้เป็นเจ็ดดาวไม่ได้นะ ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ ข้า…” เลนนี่ร้องไห้และพูดกับไดทันส์อย่างน่าสงสาร “ไดทันส์ เจ้าทนได้หรือ? เจ้าทนเห็นข้าอับอายต่อหน้าคนอื่นได้หรือ? เบธฟินนีย์ พาริน่า แล้วก็ไอเบลคงจะรอหัวเราะเยาะข้าอยู่!” ในบรรดาสี่สาวงาม เลนนี่คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นอันดับสามในบรรดานักเรียนระดับแปดดาว แต่ที่สามนี้เป็นตำแหน่งที่มีน้ำหนักมากทีเดียว
ไม่แปลกที่ปฏิกิริยาของเลนนี่จะรุนแรงเช่นนี้ หากมีนักเรียนชายหลายคนมาชื่นชอบ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเป็นเป้าหมายของความเกลียดชังของนักเรียนหญิงหลายคน ถ้าเลนนี่ถูกลดเหลือเจ็ดดาว เหล่าผู้หญิงที่รอเยาะเย้ยก็คงจะมีความสุขกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอเบลผู้เป็นคู่แข่งของเลนนี่ ไอเบลเป็นที่หนึ่งในบรรดานักเรียนระดับเจ็ดดาว และเป็นหนึ่งในสี่สาวงามของสถาบัน นางมักจะมีความคิดที่ไม่ตรงกันกับเลนนี่อยู่เสมอ เวลาเจอกันก็มีแต่จะฟาดฟันกัน
“ถ้าเจ้าถูกคนอื่นเยาะเย้ยก็เป็นสิ่งที่เจ้าทำมันเอง ความสามารถที่แท้จริงของเจ้ามันไปไม่ถึงแปดดาวตั้งแต่แรก เจ้าเองก็รู้ดีว่าอันดับที่สามของเจ้าได้มันมาได้อย่างไร? เจ้ารู้ดีกว่าใครทั้งนั้น” ไดทันส์พูดด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แต่คำพูดบาดคมนั้นทำให้สีหน้าของเลนนี่ซีดลงทันที
ชีอ้าวชวางไม่แสดงท่าทีอะไร นางเพียงแค่นั่งฟังเรื่องตลกนี้อยู่เงียบๆ
“ไดทันส์…” เลนนี่มองไดทันส์ที่พูดอย่างไม่แยแสด้วยความไม่อยากเชื่อ นางไม่อยากจะเชื่อว่าไดทันส์จะพูดคำที่ไร้ความปรานีขนาดนี้กับนาง นอกจากนี้นางยังมีความรู้สึกต่ำต้อยอีกด้วย เพราะหางตาของเลนนี่เหลือบมองไปทางชีอ้าวชวางที่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ไดทันส์พูดคำพวกนี้ต่อหน้าคนอื่น!
“จงพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองข้ามไป ถ้าเจ้าทำไม่ได้ก็อย่าเอาชีวิตมาทิ้ง” ไดทันส์พูดประโยคนี้จบก็ไม่สนใจเลนนี่อีก เขาเดินไปและมองที่หนองน้ำเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
เลนนี่ทั้งตกใจทั้งกลัว นางมองไปที่แผ่นหลังของไดทันส์อย่างหมดหวังและตัวสั่นไปหมด สีหน้าของนางซีดเซียวและกัดริมฝีปาก พูดอะไรไม่ออก นางรู้จักนิสัยของไดทันส์เป็นอย่างดี และสิ่งที่ไดทันส์ตัดสินใจแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเพื่อนาง!
เหมาเหมาลอยอยู่ที่ขอบหนองน้ำจ้องได้ทันส์ แต่กลับส่งเสียงออกมาแล้วว่ายไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งเหมือนพยายามเลี่ยงไดทันส์
หืม? ชีอ้าวชวางมองเหมาเหมาอย่างประหลาดใจ แต่ก็เห็นว่าเหมาเหมากำลังมองมาที่นางเช่นกันจากนั้นเหมาเหมาก็ส่ายหัวและพึมพำอีกสองสามครั้ง
“เหมาเหมาบอกว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งมาก ยากที่จะรับมือได้ ครั้งที่แล้วได้รับบาดเจ็บเพราะเขา ดังนั้นครั้งนี้ก็เลยไม่ยุ่งกับเขา” เสียงของฉางคงดังเข้ามาในหัวของชีอ้าวชวางในเวลาที่เหมาะสมพอดี เขาอธิบายพฤติกรรมแปลกๆ ของเหมาเหมาให้ชีอ้าวชวางฟัง
ชีอ้าวชวางเหงื่อออกเล็กน้อย เหมาเหมายังถูกรังแกจนกลัว ถ้าอย่างนั้นความแข็งแกร่งของไดทันส์นั้นคงจะแข็งแกร่งมากจริงๆ ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งถึงขั้นไหน
ไดทันส์นั่งลงหลับตาช้าๆ ไปทางหนองน้ำ
ชีอ้าวชวางมองไดทันส์จากหางตาด้วยความสงสัย ผู้ชายคนนี้สัมผัสความเป็นจริงของหินได้หรือ?
แววตาเศร้าของเลนนี่มองตรงไปที่ไดทันส์แต่ก็ยังไม่ได้เดินออกไปจากตรงนั้น
“เจ้ากลับไปดีกว่า คนอื่นก็พาเจ้าผ่านที่นี่ไปไม่ได้หรอก หากเจ้ายืนกรานที่จะให้คนอื่นพาไป มันก็จะเป็นอันตรายต่อคนอื่นและตัวเจ้าเอง” จู่ๆ ไดทันส์ก็พูดขึ้นมา มีอีกคนที่พาเลนนี่ผ่านไปได้ และนั่นก็คือโจนาธาน แน่นอนว่าโจนาธานก็จะไม่มีวันพาเลนนี่ข้ามไปหรอก ถ้าเขาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ เขาคงจะเอาแต่หัวเราะ
ประโยคนี้ทำให้ความหวังอันริบหรี่สุดท้ายในใจของเลนนี่พังทลายลง เลนนี่กัดริมฝีปากแน่นและมองไดทันส์ด้วยความเศร้า ความอัปยศ และความเจ็บปวดในใจ นางเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับผู้ชายคนนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ทำเช่นนี้กับนาง แม้ว่านางจะเตรียมใจไว้แล้วว่าไดทันส์ไม่ได้รักนาง แต่เลนนี่ไม่เคยคิดว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้
เลนนี่หันหลังและจากไปในที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่านางจะออกจากหอคอยหรือกลับไปที่ชั้นล่างเพื่อวางแผนอื่นต่อ
หลังจากที่เลนนี่ไปแล้ว บริเวณโดยรอบก็เงียบลงมีเพียงเหมาเหมาเท่านั้นที่พิงหัวอยู่กับขอบหนองน้ำและจ้องมองชีอ้าวชวาง ในบางครั้งเขาก็กะพริบตาให้
“สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นมิตรกับเจ้างั้นหรือ?” ทันใดนั้นไดทันส์ก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล
ชีอ้าวชวางหันไปมองไดทันส์ แต่เห็นว่าไดทันส์ลืมตาขึ้นแล้วมองนางอยู่
มองออกด้วยหรือ? ชีอ้าวชวางประหลาดใจ
“บนตัวของเขาไม่ได้มีกลิ่นอายสังหารและมองเจ้าอยู่ตลอด อีกอย่าง ปกติแล้วเขาไม่เคยอยู่ใกล้ฝั่ง” ไดทันส์พูดการคาดเดาของเขาออกมา
ชีอ้าวชวางไม่พูดอะไร
“อยากรู้หรือไม่ว่าจะข้ามไปได้อย่างไร?” จู่ๆ ไดทันส์ก็พูดแบบนี้
ชีอ้าวชวางนิ่งไปอยู่สักพักแล้วมองไปที่ไดทันส์ด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าไดทันส์ผู้เป็นอันดับหนึ่งในระดับแปดดาวนั้นเป็นน้ำเต้าที่เย็นชา ความเงียบของเขาก็เป็นสิ่งล้ำค่ามาก ทำไมวันนี้เขาถึงพูดเรื่องไร้สาระตั้งมากมายล่ะ?
ไม่รอให้ชีอ้าวชวางตอบ ไดทันส์ก็พูด “ตราบใดที่จิตใจของเจ้าสงบลงได้อย่างสมบูรณ์ และรวมตัวเองเข้ากับสิ่งรอบตัว ใช้ใจสัมผัสมัน เจ้าก็จะรู้สึกได้ถึงความเป็นจริงของหินเหล่านั้น”
หลังจากพูดแล้วไดทันส์ก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ เหมือนพร้อมจะออกเดินทางแล้ว
“ทำไมเจ้าถึงบอกข้าเรื่องนี้” ชีอ้าวชวางถาม
“อย่าคิดว่าข้าช่วยเจ้านะ เวลาข้าอารมณ์ดี เจอใครข้าก็จะบอกเขา เพียงแต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดล่ะ?” น้ำเสียงของไดทันส์ที่เดิมทีดูเย็นชากลับมีแววเยาะเย้ยแฝงอยู่
ก่อนที่ชีอ้าวชวางจะได้พูดอะไร เขาก็ย้ายไปที่หินก้อนที่สามแล้ว หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง เขาก็ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลแล้วร่างนั้นก็ค่อยๆ หายไปในภาพลวงตา หายไปจากสายตาของชีอ้าวชวาง
รวมตัวเองเข้ากับสภาพแวดล้อม รวมเข้าสู่โลกใบนี้? ชีอ้าวชวางนั่งนิ่งไม่ขยับและคิดถึงสิ่งที่ไดทันส์พูด เหมาเหมาก็ไม่ได้จากไป มันยังคงจ้องชีอ้าวชวางอยู่
“เฮ้ ชีอ้าวชวางไม่ไปหรือ? เหมาเหมายังรอนำทางให้อยู่นะ” เสียงของฉางคงดังขึ้นในหัวของชีอ้าวชวาง
“ไม่รีบน่ะ เจ้าปล่อยให้เหมาเหมาเล่นคนเดียวไปก่อนแล้วค่อยเรียกเขาเมื่อข้าต้องการ” ชีอ้าวชวางบอกฉางคงให้บอกเหมาเหมาทำตัวตามสบายไปก่อน
“อื้อ” แม้ว่าฉางคงจะไม่เข้าใจแต่ก็ยังรับคำและออกจากร่างของชีอ้าวชวางไปบอกเหมาเหมาตามที่ชีอ้าวชวางบอก เหมาเหมาบ่นเล็กน้อยและว่ายลึกลงไปในหนองน้ำ
ชีอ้าวชวางนั่งขัดสมาธิบนพื้น จากนั้นก็หลับตาและคิดถึงคำพูดของไดทันส์
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน แต่ชีอ้าวชวางก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติตรงหน้าและก็ลืมตาขึ้น แต่กลับเห็นใบหน้าหล่อเหลาขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้เกินไปจนน่าตกใจ
ชีอ้าวชวางตกใจและยื่นมือออกไป จากนั้นจึงเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือโจนาธานนั่นเอง
โจนาธานมองชีอ้าวชวางด้วยรอยยิ้มและกะพริบตาพร้อมพูด “ชีอ้าวชวาง เหอะๆ เจ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?”
“โจนาธาน” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วมองโจนาธานที่กำลังยิ้มอยู่ตรงหน้าและยื่นมือออกไปผลักเขาออก