เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 304
โจนาธานเบิกตากว้างมองชีอ้าวชวางและมองไดทันส์ที่ยังคงไม่มีการแสดงสีหน้าใดๆ บนใบหน้าเช่นเดิม
“พรุ่งนี้เช้าเจอกันที่ประตูสถาบัน” ไดทันส์พูดอย่างเคร่งขรึม
“อืม” ชีอ้าวชวางตอบรับและเดินไป
โจนาธานยังคงตะลึงอยู่ เขามองชีอ้าวชวางที่กำลังเดินจากไปและจากนั้นก็มองไดทันส์ที่ยืนขึ้นอย่างเงียบๆ ตอนนี้ความสงสัยในใจของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ไดทันส์ลุกขึ้นและเดินไปที่ประตูช้าๆ โจนาธานรีบเดินตามไปทันทีและส่งเสียงดัง “เฮ้ พวกเจ้าสองคนเจอกันเมื่อไหร่? มิตรภาพดีขนาดนี้ได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ทำไมข้าชวนเขาแล้วเขาไม่ไป แต่แค่เจ้าพูดคำเดียวเขาก็พูดแบบนั้น ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ทำไมๆๆๆ?”
ไดทันส์ไม่สนใจโจนาธานที่ตามหลังและเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ ไดทันส์เข้าใจว่าชีอ้าวชวางผ่านการการทดสอบครั้งที่แปดเนื่องจากคำพูดของเขาและก็รู้สึกขอบคุณเขาจึงตอบตกลง
เช้าวันรุ่งขึ้น ชีอ้าวชวางมาที่ประตูสถาบันและเห็นไดทันส์กับโจนาธานรออยู่ก่อนแล้ว
“ขอโทษที่มาสาย” ชีอ้าวชวางทักทาย
“ไม่หรอก เรามาเร็วเกินไป” ไดทันส์ตอบเบาๆ
กรามของโจนาธานเกือบหลุดออกมาเลย เขากะพริบตาแรงๆ จ้องไดทันส์ตรงหน้า นี่เขาเข้าใจผิดหรือไม่? ได้ยินผิดหรือไม่? ไดทันส์สุภาพกับคนอื่นขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
“ไปกันเถอะ” ไดทันส์เดินนำหน้า
“อืม” ชีอ้าวชวางพยักหน้าและเดินตามหลังไป ส่วนโจนาธานก็เดินตามหลังไปด้วยความสงสัย
ชายรูปงามทั้งสามเดินทางไปด้วยกัน พวกเขามาถึงที่ทะเลสาบกว้างขวางและขึ้นไปบนแผ่นหินลอยน้ำขนาดใหญ่ การปรากฏตัวของสามคนนั้นโดดเด่นมาก เดิมทีไดทันส์และโจนาธานก็เป็นบุคคลสำคัญของสถาบันอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสะดุดตายิ่งขึ้นไปอีก
เมื่อสามคนนี้เดินไปด้วยกัน ทุกคนจึงมองจนเหลียวหลัง ทุกคนต่างสงสัยว่าเด็กหนุ่มผมแดงที่เดินมากับไดทันส์และโจนาธานคือใคร ทำไมเลนนี่ถึงไม่ตามพวกเขาไปด้วย แต่เป็นเด็กหนุ่มผมแดงแปลกหน้าและหล่อเหลาคนนี้แทน
ทั้งสามคนเดินลงบันไดหินยาว
“ไดทันส์ ครั้งนี้ข้าอยากกินอันที่กินไปครั้งที่แล้ว แล้วก็…” โจนาธานพูดไปเรื่อยๆ
ชีอ้าวชวางและไดทันส์เงียบ
“จริงสิ ชีอ้าวชวาง ข้าจะบอกเจ้าว่าบ้านของไดทันส์นั้นรวยมาก พี่สาวของเขาเป็นภรรยาของเจ้าเมืองจิ่วเทียน เราจะได้กินดื่มอาหารดีๆ แล้วล่ะ” โจนาธานบอกความเป็นมาของไดทันส์
อ๋อ ไดทันส์เป็นน้องชายของภรรยาเจ้าเมืองจิ่วเทียนงั้นหรือ?
“หุบปาก” ไดทันส์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ก็ได้ๆ” โจนาธานแลบลิ้นใส่ “ไปเถอะๆ ที่กลับไปครั้งนี้เป็นเพราะการประชุมสี่เมืองใช่หรือไม่?”
“ใช่” ไดทันส์ตอบสั้นๆ
“เป็นการประชุมที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่แต่ละเมืองมาอวดเมืองของตัวเอง” โจนาธานยักไหล่อย่างจนใจ “แต่ก็ไม่แปลกใจ ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผลที่ตามมาจากการทำลายสมดุลของทั้งสี่เมืองก็คงจะหายนะแน่ๆ”
“เพื่อรักษาสมดุล?” ชีอ้าวชวางย้ำคำพูดของโจนาธานและขมวดคิ้ว
“ใช่ ทุกการประชุมเป็นแบบนี้ การแข่งขันความสามารถ การประมูลสมบัติ ทุกอย่างที่อวดได้เลย” โจนาธานยักไหล่อย่างเบื่อหน่าย
ทั้งสี่เมืองเข้าร่วม ดังนั้นโพ่เทียนและอาเป่าก็จะไปที่นั่นด้วยสิ?
“จะจัดขึ้นเร็วๆ นี้หรือ?” ชีอ้าวชวางถาม
“ไม่หรอก อีกสามเดือนน่ะ หลังจากเราเสร็จสิ้นการแข่งขันแล้ว ตอนนี้ข้าจะกลับไปเตรียมของบางอย่าง” ไดทันส์พูด
“อ๋อ” ชีอ้าวชวางเงียบลง แต่ในใจก็คิดว่าจะไปที่เมืองเทียนเป่าในอีกสามเดือน จะไปดูว่าจะพอจะช่วยอะไรโพ่เทียนและอาเป่าได้บ้าง ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว คิดถึงอาเป่ามากเลย
ทั้งสามคนจ้างรถม้าและรีบไปที่เมืองจิ่วเทียน ระหว่างทางชีอ้าวชวางได้เห็นทุกสิ่งที่คล้ายกับโลกเดิม ยกเว้นแต่ว่าในโลกนี้มีหลายเชื้อชาติ ทั้งมนุษย์ คนแคระ เอลฟ์ ปีศาจ สัตว์ประหลาด ฯลฯ ทุกเชื้อชาติล้วนมารวมตัวกัน แต่พวกมันก็อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกก่อนหน้านี้ ยิ่งกว่านั้น ความแข็งแกร่งของทุกคนที่นี่ก็แข็งแกร่งกว่าโลกนั้นด้วย
“ข้าเดาว่าเลนนี่จะต้องตามมา” โจนาธานกินอาหารในรถม้าและพูด
“ถ้าไม่พูดจะตายหรือ?” ไดทันส์พูดเสียงเข้ม
“ตาย! หากเจ้าไม่เชื่อข้าพูดก็เอาชีวิตข้าไปเลย!” โจนาธานบ่นพลางกลืนสิ่งที่อยู่ในปากของเขาและพูดอย่างจริงจัง
ไดทันส์พูดไม่ออกเลย
“เลนนี่แปลกมาก ทำไมตอนอยู่ในสถาบันข้าถึงเห็นนางสวมผ้าคลุมหน้าตลอดเลย? จะทำเป็นคนลึกลับหรือ? ไม่น่านะ ทุกคนในสถาบันก็รู้ใบหน้าของนางกันหมด” โจนาธานงง เขาลูบคางและบ่นพึมพำกับตัวเอง
ชีอ้าวชวางหลับตาและหยุดพูด นางรู้ดีที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น
“เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับใบหน้าที่หยิ่งผยองของนาง นางจึงต้องปกปิดมันไว้ชั่วคราว?” โจนาธานขมวดคิ้วคาดเดา
“เจ้าช่วยหยุดการนินทาแบบนี้ได้หรือไม่?” ชีอ้าวชวางส่ายหัว
“แบบนั้นจะได้อย่างไรกัน? เจ้าลืมที่ข้าพูดหรือ?” โจนาธานหัวเราะเบาๆ “ข้ามีความสุขมากเวลาที่นางอารมณ์เสีย”
ชีอ้าวชวางกลอกตาและหยุดพูด ผู้ชายขี้ซุบซิบคนนี้พูดไม่ออกเลยจริงๆ
ระหว่างทางมีการหยุดพักอยู่เรื่อยๆ จึงเคลื่อนไปอย่างช้ามาก ทั้งหมดเป็นเพราะโจนาธานมีหลายเรื่อง จะซื้ออันนี้ จะกินอันนั้น
ผ่านมาเวลาเจ็ดวันแล้ว ในที่สุดทั้งสามคนมาถึงเมืองจิ่วเทียน
คฤหาสน์ของเจ้าเมืองจิ่วเทียนงดงามมาก พี่สาวของไดทันส์ชื่อเอลิซ่า เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและงดงาม นางมารับทั้งสามคนในห้องโถงเล็ก นางมีความสุขมากตอนได้เห็นไดทันส์ และเห็นได้ชัดว่าโจนาธานกับนางคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เมื่อนางเห็นชีอ้าวชวางนางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะโจนาธานบอกว่าไดทันส์เป็นคนเชิญชีอ้าวชวางให้กลับมาด้วยกัน
“ชีอ้าวชวาง นี่พี่สาวของข้า ชื่อเอลิซ่า” ไดทันส์แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกัน
“สวัสดี” ชีอ้าวชวางพยักหน้าอย่างสุภาพ
“สวัสดี” เอลิซ่าดูมีท่าทีหนักใจเล็กน้อย ไดทันส์ที่นางรู้จักเป็นเด็กที่ไม่แยแสใครยกเว้นตัวนางเอง ดูเหมือนว่านางจะไม่เคยเห็นเขาริเริ่มรู้จักหรือติดต่อกับใครเลย แต่เด็กที่ดูนิ่งสงบตรงหน้านี้ กลับถูกไดทันส์เชิญกลับมาด้วยกัน
“อ้อ จริงสิ ไดทันส์ เลนนี่กลับมาก่อนแล้วนะ อาศัยอยู่ข้างๆ นี่เอง ไปเจอนางสิ” เอลิซ่ายิ้มและพูดกับไดทันส์
“ไม่” ไดทันส์ตอบสั้นๆ
“ทำไมล่ะ? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเจ้ากับนาง…” เอลิซ่ารู้สึกประหลาดใจและงุนงง
“จบลงแล้ว” ไดทันส์ยังคงพูดอย่างเฉยเมย
“หือ?” เอลิซ่าตะลึงและหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด “นางป่วยอยู่ เจ้าควรไปดูหน่อยนะ”
“หืม? เป็นโรคอะไรหรือ?” โจนาธานถามเสียงดังและพยายามแสร้งให้หว่างคิ้วเขาดูเศร้าหมอง
“ข้าบอกไม่ถูก ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติกับผิวของนาง สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นกลัวที่สุดคือการที่รูปร่างหน้าตาของนางเกิดปัญหา ตอนนี้นางกำลังหดหู่มาก ไปดูนางหน่อยเถอะ บางทีนางอาจจะอารมณ์ดีขึ้น หมอหลายคนไปรักษานางแล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย” เอลิซ่าขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังค่อนข้างเป็นห่วงเลนนี่ ถึงอย่างไรเลนนี่ก็เคยขวางการโจมตีของนักฆ่าเพื่อนาง
“อืม” ไดทันส์พูดอย่างเฉยเมย จากนั้นก็หันไปหาชีอ้าวชวางและโจนาธานและพูด “ไปกันเถอะ ยังมีเรื่องต้องจัดการอีก”
ชีอ้าวชวางและโจนาธานยืนขึ้นลาเอลิซ่าและตามหลังไดทันส์ไป
“เฮ้อ เด็กคนนี้ จริงๆ เลยนะ ไม่เข้าใจว่าเลนนี่ไม่ดีตรงไหน เย็นชากับนางตลอดเลย” เอลิซ่าส่ายหัวและถอนหายใจ
ในทางเดินยาวและเสาด้านข้างทำจากหยกขาวสูงและเต็มไปด้วยดอกไม้
“ฮ่าๆ เลนนี่ป่วย มีปัญหาจริงๆ ด้วย แถมยังเป็นปัญหาผิวหนังอีก คราวนี้ดูสิว่านางจะมองคนอื่นอย่างไร” โจนาธานยิ้มจนดวงตาหรี่ลงเป็นเส้น “เยี่ยมมาก นางเหลือเจ็ดดาวแล้ว แถมนางยังมีปัญหาเรื่องหน้าตาอีก”
ไดทันส์ยังคงเงียบ
โจนาธานส่ายหัว
ชีอ้าวชวางเข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไปดูกันเถอะ” ไดทันส์พูดเบาๆ
“ไม่จริงน่า! เจ้าจะไปดูนางจริงๆ หรือ!” โจนาธานกระโดดตรงไปที่ทางเดิน
“ชอบทำอุบายต่อหน้าพี่สาวข้าเสมอ ผู้หญิงแบบนี้…” ไดทันส์ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่ใบหน้าที่สงบอยู่เสมอของเขาดูแย่ลงเล็กน้อย
จู่ๆ โจนาธานก็หยุดพูดและเดินตามไดทันส์ไปเงียบๆ เขารู้ว่าน้ำเสียงของไดทันส์หมายความว่าเขากำลังโกรธ ถ้าเลนนี่ไม่ได้ป่วยจริงๆ ผลที่ตามมาก็จะแย่มากแน่นอน
ชีอ้าวชวางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและกะพริบตา คราวนี้ไดทันส์เข้าใจผิดเลนนี่จริงๆ เลนนี่กำลังมีปัญหาอยู่ แถมยังเป็นเพราะน้ำมือของนางอีก ถ้าไดทันส์เห็นอะไรขึ้นมาจะพูดอย่างไรดีล่ะ?
“คราวนี้เลนนี่ไม่ได้ทำอุบายหรอก” ทันใดนั้นชีอ้าวชวางก็เปล่งเสียงพูด
“อะไรนะ? เจ้ารู้ได้อย่างไร?” โจนาธานมองชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจ
ไดทันส์ก็หยุดและหันไปมองชีอ้าวชวาง แต่ใบหน้าของเขาสงบและพูดเบาๆ “เจ้าเป็นคนทำใช่หรือไม่?” แม้ว่าจะเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงก็มีความมั่นใจมาก
“หะ?” โจนาธานอ้าปากค้างและมองชีอ้าวชวางด้วยความประหลาดใจ
“ใช่” ชีอ้าวชวางพยักหน้า “ตอนที่นางอยู่ที่ริมบึง นางกับซิมิต้องการจะฆ่าข้า” ชีอ้าวชวางไม่ตื่นตระหนกเลยเมื่อไดทันส์ถามอย่างตรงไปตรงมา นางก็ยอมรับว่าทำเอง…
“อ้อ แล้วซิมินั่นล่ะ เจ้าทำอย่างไร?” โจนาธานเป็นเหมือนเด็กขี้สงสัย
“ฆ่าไปแล้ว จากนั้นข้าก็ใส่บางอย่างเข้าไปในร่างกายของเลนนี่” ชีอ้าวชวางบอกอย่างตรงไปตรงมา ต่อหน้าสองคนนี้ ชีอ้าวชวางรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ทำไปกับเลนนี่เลย สองคนนี้ไม่สนใจอย่างแน่นอน