เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 306
“ท่านน้า พาข้าไปเล่นที่บ้านน้าเลนนี่ได้หรือไม่?” คิระหน้ามุ่ยแล้วยื่นมือไปกอดคอของไดทันส์ พยายามอ้อนอย่างสุดความสามารถ
“เจ้าไปเองนะ ให้สาวใช้อุ้มไปก็ได้ถ้าไม่อยากเดิน” ไดทันส์วางคิระลงและลูบหัวเขา
“ท่านน้า!” คิระกระทืบเท้า ยังคงพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง
ไดทันส์หันไปหาโจนาธานแล้วพูด “ไปกันเถอะ เจ้าอยากกินข้าวไม่ใช่หรือ?”
“อืมๆ” โจนาธานพยักหน้าโดยไม่สนใจความโกรธของคิระ
“พวกเจ้าพานายน้อยกลับไปเถอะ” ไดทันส์สั่งสาวใช้ทั้งสอง
“ค่ะ นายท่าน” สาวใช้ทั้งสองตอบรับ
ไดทันส์ไม่พูดอะไรและเดินออกไปพร้อมกับโจนาธานและชีอ้าวชวาง
“ท่านน้า!” คิระตะโกนเรียกจากด้านหลัง แต่ไดทันส์ไม่หันกลับมามอง
“นายน้อย ไปกันเถอะค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
นัยน์ตาของคิระมีประกายขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นก็หันกลับมาและเอานิ้วชี้ไปที่สาวใช้ที่พูดอยู่ข้างหลัง “เจ้าหมอบลง”
สาวใช้ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นก็มีเสียง “เพียะ!” คิระตบสาวใช้อย่างแรง แม้ว่าเด็กจะแรงไม่มากและไม่เจ็บ แต่ก็มีเสียงดัง
“จำไว้ ข้าเป็นนายของพวกเจ้า ข้าให้เจ้าเข้ามายุ่งกับข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?” คิระโกรธ เขาระบายความโกรธทั้งหมดลงที่สาวใช้ตรงหน้า
“ค่ะ” สาวใช้ก้มหัวลงและตอบด้วยความกลัว
“ไปหาน้าเลนนี่ ไป!” คิระหรี่ตาอย่างโกรธเคือง สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังรีบตามไปทันที
ในเวลานี้ พวกไดทันส์ทั้งสามก็ออกจากคฤหาสน์เจ้าเมืองแล้วและกำลังเดินไปตามถนน
“ข้าพูดตามตรงนะไดทันส์ เด็กคนนั้น คิระน่ะ ขาดระเบียบวินัยจริงๆ เขาหยาบคายและเข้ามาหาเรื่องชีอ้าวชวาง นี่น่าจะเป็นการยุยงของเลนนี่นะ” โจนาธานที่ยังคงไม่พอใจอยู่เล็กน้อยเริ่มส่งเสียงโวยวาย
“ทำไม?” ไดทันส์ถามเสียงเข้ม
“ก็นั่นแหละทั นทีที่เขามา…” โจนาธานพูดอย่างละเอียดแล้วก็เบ้ปาก “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงเชื่อฟังเลนนี่มากขนาดนั้น เลนนี่เอาใจเขามากขนาดนั้นหรือ?”
ชีอ้าวชวางไม่พูดอะไร ใบหน้ายังสงบราวกับว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง
“อืม” หลังจากได้ยินคำพูดของโจนาธาน ไดทันส์ก็ส่งเสียงอืมแล้วเงียบต่อ
“เฮ้! แค่อืมเนี่ยนะ? เจ้าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร เลนนี่ชี้นำหลานชายของเจ้านะ ถ้าในอนาคตเขาทำสิ่งที่แก้ไขไม่ได้เข้าล่ะ?” โจนาธานโวยวาย
“อืม” ไดทันส์ยังคงพูดเช่นเดิม
โจนาธานเม้มปากมองท้องฟ้าอย่างอ่อนแรง ในที่สุดก็หยุดพูด
“คืนนี้ ป่าครึ่งหนึ่ง” จู่ๆ ไดทันส์ก็พูดแบบนี้
“ป่าครึ่งหนึ่ง เจ้าจะไปที่นั่นเพื่ออะไร มันรกร้างและมีสัตว์ประหลาดมากวนอีก จะไปที่นั่นกลางดึกเพื่ออะไร?” โจนาธานงุนงง ไดทันส์พูดแบบนี้ทำไม?
“ป่าครึ่งหนึ่ง ที่หน้าผาตาราง มาด้วย” ไดทันส์ยังคงพูดกระชับและรัดกุม
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร ไดทันส์หมายถึงอะไร? จะทำอะไรล่ะ?
“กลิ่นอายสังหาร” เสียงของฉางคงดังขึ้นในหัวของชีอ้าวชวาง
“อะไรนะ?” ชีอ้าวชวางงง
“เมื่อครู่ที่ตัวเขามีกลิ่นอายสังหาร แม้ว่าจะมีเพียงแค่ร่องรอยของมันแต่ข้าก็รู้สึกได้ เขาปกปิดกลิ่นอายสังหารของเขาได้เป็นอย่างดี” ฉางคงตอบยืนยัน
กลิ่นอายสังหาร? ไดทันส์มีกลิ่นอายสังหารตอนพูดประโยคเมื่อกี้หรือ?!
คืนนี้เขาจะทำอะไร?
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในร้านอาหาร พนักงานก็มาต้อนรับและพาพวกเขาขึ้นไปชั้นบน ท่าทางของพนักงานเสิร์ฟที่มีต่อไดทันนั้นคุ้นเคยและให้เกียรติมาก เห็นได้ชัดว่ารู้จักไดทันส์ และสถานะของไดทันส์ก็ไม่ใช่ธรรมดาเสียด้วย
เด็กสาวหลายคนในร้านอาหารมองผู้ชายโดดเด่นสามคนนี้ แต่ไม่มีใครกล้าออกมาพูดคุยด้วย
“เฮ้อ พวกเจ้าสองคนช่วยทำท่าทางให้มันอ่อนโยนลงหน่อยได้หรือไม่? แบบนี้สาวสวยที่ไหนจะกล้าเข้ามาคุยกับพวกเจ้าล่ะ?” โจนาธานพูดและมองสาวๆ ด้วยรอยยิ้มสดใส สาวบางคนหน้าแดงและหัวใจเต้นรัวทันที
ไดทันส์พูดอย่างเย็นชา “อย่าทำตัวน่าเบื่อ”
“เห็นด้วย” ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดซ้ำ แต่พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“เหอะ น่าเบื่อ เจ้าพวกตอไม้ พวกน้ำแข็งสองก้อน ดูสิว่าในอนาคตจะมีผู้หญิงคนไหนชอบพวกเจ้าลง วันข้างหน้าถ้าพวกเจ้ายังไม่มีภรรยาก็สมควร” โจนาธานพูด ทันใดนั้นก็เข้าใจเหตุผลของความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนี้ ในบางแง่มุม คนสองคนนี้มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดจริงๆ
หลังจากกินอาหารเย็นร่วมกันแล้ว ทั้งสามคนก็กลับไปที่คฤหาสน์เจ้าเมือง ไดทันส์จัดให้สองคนอาศัยอยู่ในบริเวณข้างบ้านของเขา
พระอาทิตย์และพระจันทร์เคลื่อนคล้อย เวลากลางคืนก็มาเยือนอย่างเงียบเชียบ
โจนาธานหาวและเคาะประตูห้องชีอ้าวชวาง “ชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวาง…”
ประตูเปิดออก ชีอ้าวชวางมองโจนาธานที่ยังคงหาวอยู่และขมวดคิ้ว “ไดทันส์อยู่ที่ไหน?”
“มีเรื่องต้องไปจัดการก่อน เขาบอกให้เราไปรอเขาที่หน้าผาตารางในป่าครึ่งหนึ่งได้” โจนาธานหาว “ไม่รู้จริง ๆว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ลึกลับจริงๆ เชียว”
ชีอ้าวชวางเงียบไป
“ไปเถอะ ข้าไม่รู้ทาง เจ้าพาข้าไปที่นั่นแล้วกัน” ชีอ้าวชวางพูด
“อืม ไปกันเถอะ ผู้ชายคนนั้นบอกให้เราแอบออกไป ไปเถอะ มากับข้า” โจนาธานคุ้นเคยกับพื้นที่เมืองจิ่วเทียนดี พวกเขาออกไปกันเงียบๆ และรีบเร่ง พอถึงกำแพงเมืองก็แอบข้ามกำแพงออกนอกเมืองไป
พอออกจากเมืองมาแล้ว โจนาธานก็พาชีอ้าวชวางมุ่งไปทางทิศใต้
“ป่าครึ่งหนึ่งค่อนข้างรกร้างเพราะมีสัตว์และพืชอันตรายอยู่ คนทั่วไปจะไม่ไปที่นั่นกัน ข้าไม่รู้ว่าไดทันส์กำลังทำอะไรอยู่” แม้ว่าโจนาธานจะบ่น แต่เขาก็ยังปฏิบัติตามคำของไดทันส์แล้วพาชีอ้าวชวางไปยังทิศทางที่กำหนด
ทั้งสองคนเดินทางกันรวดเร็วมาก ในไม่ช้าก็มาถึงที่ที่ไดทันส์บอก ทันทีที่เข้าไปในป่า พลังปราณเย็นเยือกก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขา บางครั้งก็มีเสียงนกแปลกๆ ดังมา หลังจากไปถึงขอบหน้าผาแล้ว โจนาธานก็ยืนอยู่บนขอบหน้าผาและชะโงกหัวอมองลงไปข้างล่าง ภายใต้แสงจันทร์พร่ามัว ลมหนาวที่พัดมาบนขอบหน้าผาทำให้รู้สึกไม่สบายใจมากจนตัวสั่น
“ไดทันส์กำลังคิดอะไรอยู่นะ? บอกให้เรามาที่นี่ในตอนกลางคืนแบบนี้” โจนาธานหันกลับมาพบหินก้อนใหญ่จึงนั่งบนหินก้อนใหญ่แล้วเรียกชีอ้าวชวาง “มานี่สิ มานั่งหลบลมตรงนี้ก่อน รอเขาตรงนี้ก็ได้”
ชีอ้าวชวางมองไปรอบๆ ไม่ได้พูดอะไร และนั่งข้างโจนาธาน
“ไดทันส์บอกให้พวกเรามาทำอะไรที่นี่?” โจนาธานกะพริบตามองชีอ้าวชวางอย่างสงสัย
ชีอ้าวชวางส่ายหัวน้อยๆ แต่มีความรู้สึกประหลาดบรรยายไม่ได้ผุดขึ้นมาในหัวใจของนาง
สักพักก็มีเสียงมาจากที่ไกลๆ
“มีคนกำลังมา ”โจนาธานคิดว่าจะลุกขึ้นเพื่อดูว่าเป็นไดทันส์หรือไม่ แต่เขากลับได้ยินเสียงที่เขารังเกียจอย่างยิ่ง
“ไดทันส์ เจ้าให้ข้ามาที่นี่ทำไม” เสียงนี้คือเสียงเลนนี่!
ชีอ้าวชวางและโจนาธานมองหน้ากัน ทั้งคู่ก็เห็นความสงสัยในสายตาของอีกฝ่าย
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงเข้มของไดทันส์ก็ดังขึ้น “เจ้าไม่อยากอยู่กับข้าตามลำพังหรือ?”
“ทำไมจะไม่อยากล่ะ?!” เสียงของเลนนี่ฟังดูตื่นเต้น
โจนาธานกลอกตา
ลางไม่ดีสังหรณ์ขึ้นในใจของชีอ้าวชวาง แม้ว่าจะไม่ได้รู้จักกับไดทันส์มานานนัก แต่ก็มีความเข้าใจในนิสัยของเขาอยู่บ้าง ไดทันส์จะไม่พูดประโยคแบบนี้ เพราะเขาไม่เคยเห็นเลนนี่อยู่ในสายตา
แต่ตอนนี้ไดทันส์พูด หมายความว่าอย่างไร?
“ข้ารู้ว่าเจ้าชอบข้ามาตลอด” เสียงของไดทันส์เรียบนิ่งราวกับว่าเขากำลังพูดถึงบางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
“นี่ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจหัวใจข้าแล้วใช่หรือไม่?” น้ำเสียงของเลนนี่มีความสุขและตื่นเต้นมาก
“เข้าใจสิ ข้าเข้าใจมาตลอด” น้ำเสียงของไดทันส์เย็นชา แต่ยังคงพูดแผ่วเบา “เจ้าชอบข้า ข้ารู้ ถึงเจ้าจะใช้อุบายกับพี่สาวข้าก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าไม่ควรใช้มันกับคิระ”
“ไดทันส์ เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? ข้าไม่เข้าใจ” น้ำเสียงของเลนนี่เริ่มร้อนรนแล้ว
โจนาธานหรี่ตาและยิ้มเงียบๆ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าหน้าเลนนี่มันต้องน่าเกลียดแน่ๆ
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว ความรู้สึกประหลาดในใจเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“นิสัยของคิระยังต้องสั่งสอนอยู่ แต่ถ้าเจ้ายังคงชี้นำเขา เขาจะไม่มีวันเติบโตอย่างถูกต้อง ไม่มีทางที่จะกลายเป็นเจ้าเมืองที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในอนาคตได้ แต่สำหรับข้าแล้วนี่ไม่เป็นไร” เสียงของไดทันส์เงียบสงบแต่เยือกเย็น
“ไดทันส์ ไดทันส์ เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?” เสียงของเลนนี่เริ่มร้อนรนมากขึ้น และใบหน้าสีดำภายใต้ผ้าคลุมก็มีสีแดงเจืออยู่ ความกลัวและความตื่นตระหนกในหัวใจของนางรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีนางคิดว่าไดทันส์ขอให้มาที่นี่ในคืนนี้เพื่อจะพูดคุยกับนาง นางคิดว่าไดทันส์เข้าใจเจตนาของนาง ดังนั้นจึงตอบตกลง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น หรือว่าเขาจะเรียกนางเพื่อซักถามอะไร?
“ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาพี่สาว ข้าจะเสียใจมาก ดังนั้นข้าไม่อยากเห็นพี่สาวของข้าเสียใจ” ไดทันส์หันมามองเลนนี่อย่างเย็นชา
เลนนี่อึ้งไป ไดทันส์ไม่สนใจชีวิตและความตายของคิระหรือ? เด็กคนนั้นคือหลานชายของเขานะ! ไดทันส์สนใจเฉพาะพี่สาวของเขางั้นหรือ? ทำไมล่ะ เพราะไดทันส์ถูกเลี้ยงดูมาโดยพี่สาวของเขาหรือ? แต่ทำไมจึงรู้สึกแปลกประหลาดและตกใจขึ้นมากัน? ทำไมไดทันส์ถึงพูดถึงคิระราวกับว่าเขากำลังพูดถึงบางสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา