เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 311
“ไปเถอะ” ชีอ้าวชวางมองโจนาธานอย่างขำๆ อันที่จริง นางยังรู้สึกอิจฉาทัศนคติของโจนาธานที่มีต่อการใช้ชีวิต เขาเพลิดเพลินกับการดื่มกิน และไม่กังวลอะไร แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
“ข้าจะไปกับเจ้าเอง” จู่ๆ ไดทันส์ก็พูดขึ้นมา
“อะไรๆ? อะไรนะ?” โจนาธานที่เดินไปถึงหน้าประตูแทบกระโดดเมื่อได้ยินคำพูดของไดทันส์ เขาหันไปมองไดทันส์อย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็ยิ้มและพูดด้วยความพอใจ “ฮ่าๆ ไดทันส์ ในที่สุดเจ้าก็คิดได้แล้วใช่หรือไม่? ในที่สุดเจ้าก็พร้อมที่จะสนุกกับชีวิตไปกับข้าแล้วใช่หรือไม่?”
ไดทันส์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองโจนาธานที่ยิ้มแย้มพร้อมพูดเบาๆ “ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า”
รอยยิ้มบนใบหน้าของโจนาธานนิ่งค้างไป พอมองไปยังไดทันส์ที่สีหน้าไร้อารมณ์ เขาก็กระตุกมุมปากและส่งเสียงครวญคราง
ชีอ้าวชวางมองความอับอายของโจนาธานแล้วยิ้มโดยไม่รู้ตัว โจนาธานเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ ได้อยู่กับคนแบบนี้ นางรู้สึกผ่อนคลายมาก
“อันที่จริงถ้าเจ้ามีอะไรต้องทำก็ไม่ต้องไปกับข้าหรอก ข้าไปเองได้” ชีอ้าวชวางมองไดทันส์และพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีธุระอะไร” ไดทันส์พูดเบาๆ “กินเสร็จแล้วค่อยไป”
“อืม ขอบคุณ” ชีอ้าวชวางยังคงยิ้มและพยักหน้า
ห้องโถงที่อยู่ทางทิศตะวันออกเป็นระเบียบมาก
“ไม่ เหมียว ไม่เอา” เสียงหนึ่งเต็มไปด้วยความรำคาญ
“อาเป่า มาสวมอีกอัน สวมอีกอันหนึ่งก็พอแล้ว” อีกเสียงหนึ่งเต็มไปด้วยการเยินยอ
ทันทีที่ชีอ้าวชวางก้าวเข้าไปในประตูของโถงตะวันออก นางก็เห็นสาวสวยคนหนึ่งสวมกระโปรงบานๆ กระโดดอยู่ด้วยใบหน้าที่โกรธจัด ส่วนคนที่วิ่งไล่ตามหลังมีใบหน้ากังวลและถือเสื้อคลุมอยู่ในมือ ในขณะนี้โพ่เทียนที่สูงส่งเก่งกาจแบบที่ชีอ้าวชวางเจอครั้งแรกหายไปไหนแล้ว? ท่าทางประคบประหงมเอาใจนั้นทำให้ชีอ้าวชวางมองตาค้าง ส่วนผู้หญิงสวมกระโปรงและรูปร่างที่ร้อนแรงนั้นทำให้คนพบเห็นเลือดพุ่งกระฉูดได้ แม้ว่าจะสวมกระโปรง แต่ก็ดูจะเหมาะสมดี อีกอย่างที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่เข้มงวดอะไร โพ่เทียนจะให้นางสวมเสื้อคลุมทำไมอีก?
นี่กำลังทำอะไรกัน?
ชีอ้าวชวางมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“เหมียว! อ้าวชวาง ช่วยข้าด้วย โพ่เทียนน่ารำคาญมาก!” เมื่อสาวสวยเห็นชีอ้าวชวางเข้ามา นางก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของชีอ้าวชวางทันที
ไดทันส์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองภาพตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร
“อาเป่า?” ชีอ้าวชวางเรียกชื่ออาเป่าอย่างไม่แน่ใจ พระเจ้า ร่างที่ร้อนแรงคนนี้คืออาเป่าตัวน้อยนั่นหรือ? มีความผิดพลาดอะไรหรือไม่? แบบนี้ดูไม่เข้ากับบุคลิกที่ไร้เดียงสาของอาเป่าอย่างสิ้นเชิง!
“เหมียวๆ ข้าเอง อ้าวชวาง โพ่เทียนน่ารำคาญ ข้าไม่ชอบใส่เสื้อผ้า โพ่เทียนก็จะให้ใส่ ข้าใส่แล้วนะ แต่โพ่เทียนก็ให้ใส่อีก มันร้อนมาก ข้าไม่อยากใส่!” อาเป่าเกาะอยู่บนร่างกายของชีอ้าวชวางราวกับปลาหมึกไม่ยอมปล่อย
ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปากและมองใบหน้าที่ทำอะไรไม่ถูกและอับอายของโพ่เทียน จากนั้นก็มองอาเป่าที่ซุกอยู่ในอ้อมแขนแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“โพ่เทียน เจ้าน่ะใจแคบเกินไป” ชีอ้าวชวางมองโพ่เทียนอย่างอึดอัด แน่นอนว่านางเข้าใจว่าทำไมโพ่เทียนถึงทำเช่นนั้น เขาไม่อยากให้คนอื่นเห็นร่างกายที่เร่าร้อนของอาเป่าน่ะสิ แต่ผู้หญิงเหล่านั้นก็สวมกระโปรงกัน ไม่เห็นมีใครว่าอะไรสักนิด
เขาหัวเราะแห้ง ยกมุมปากขึ้นและพูดไม่ออก
“อาเป่า พอแล้ว ลงมาก่อน” ชีอ้าวชวางลูบหัวของอาเป่าและยิ้มปลอบโยน
“เหมียว ไม่เอา เว้นแต่โพ่เทียนจะไม่ให้ข้าสวมมันอีก” อาเป่ากอดคอของชีอ้าวชวางแน่นไม่ยอมลง
“โพ่เทียน…” ชีอ้าวชวางมองชายขี้หวงคนนี้และเรียกชื่อเสียงยาว
“ก็ได้ๆ อาเป่า ไม่ต้องใส่แล้ว มาหาข้านี่ อ้าวชวางเป็นผู้ชายนะ เจ้าจะไปซุกตัวเขาแบบนี้ไม่ได้” สายตาของโพ่เทียนไม่เคยละไปจากตรงที่อาเป่ากับชีอ้าวชวางสัมผัสกันเลย เขาคอยมองตลอด ในที่สุดตอนนี้ก็ได้พูดสิ่งที่คิดออกมาแล้ว
“เหมียว? เกี่ยวอะไรล่ะ อันที่จริงอ้าวชวาง…” ปากของอาเป่าถูกมือของโพ่เทียนปิดไว้ทันที แล้วเขาก็ดึงอาเป่าออกมาจากอ้อมแขนของชีอ้าวชวางและกอดไว้ในอ้อมแขนเขา
“อื้อ เหมียว อื้อ อืม…” อาเป่าพูดไม่ได้ ทำได้แค่เหลือบมองโพ่เทียน
ประกายแปลกใจฉายผ่านแววตาของไดทันส์ เมื่อครู่นี้ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะพูดอะไร? ชีอ้าวชวางคืออะไร?
ไดทันส์มองอาเป่าที่ถูกปิดปากไว้และความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในแววตาเขา
“เอาละ อาเป่า พอแล้ว” โพ่เทียนเกลี้ยกล่อมอาเป่าเบาๆ “ถ้าไม่ใส่ก็ไม่ต้องใส่ เข้าไปก่อน เดี๋ยวตอนเย็นให้กินของอร่อย”
“เหมียว ก็ได้ แต่เดี๋ยวข้าจะมาเล่นกับอ้าวชวาง” อาเป่าพยักหน้าและตกลงโดยไม่ลืมเสนอเงื่อนไข
“ได้ๆ เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้เชื่อฟังแล้วเข้าไปก่อน” โพ่เทียนทำได้แค่ตกลง
หลังจากอาเป่าเข้าไป โพ่เทียนก็หันมามองชายสองคนตรงหน้า ใบหน้าของเขาตอนนี้มีแต่ความสงบนิ่ง
“อ้าวชวาง ไม่เลวนี่ เจ้าผ่านการทดสอบระดับแปดแล้ว” โพ่เทียนยิ้มและชื่นชมชีอ้าวชวาง จากนั้นก็หันไปมองไดทันส์แล้วพูด “ไม่ทราบว่าท่านไดทันส์ผู้ประสานงานของสถาบันดวงดาวมาหาข้าถึงที่นี่มีธุระอะไรหรือ?”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับงาน ข้ามาเป็นเพื่อนชีอ้าวชวาง” ไดทันส์ตอบอย่างเฉยเมย
“หือ?” โพ่เทียนประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ไดทันส์พูด ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไดทันส์มักจะทำตัวห่างเหินอยู่ในฐานะผู้ประสานงานของสถาบันอยู่เสมอ เขาไม่เคยพูดคุยอย่างสุภาพกับแขกของทั้งสี่เมือง แต่วันนี้กลับพูดประโยคนี้ มาเป็นเพื่อนชีอ้าวชวางไม่ใช่เรื่องงานงั้นหรือ? นี่มันแปลกจริงๆ แล้ว ผู้หญิงที่เย่อหยิ่งและน่าทึ่งที่เคยอยู่กับไดทันส์ล่ะ? เหมือนจะชื่อว่าเลนนี่นะ ทำไมไม่เห็นเลย?
ไดทันส์ไม่สนใจความสงสัยของเขา กล่าวจบก็ยืนเงียบอยู่ข้างๆ เช่นนั้น
โพ่เทียนไม่แปลกใจที่เห็นท่าทีแบบนี้ของไดทันส์ เขาหันไปคุยกับชีอ้าวชวางต่อ “อ้าวชวาง ทำไมเจ้าถึงอยู่กับไดทันส์ล่ะ? หรือว่าเจ้าก็…”
“อืม คราวนี้ข้าก็เป็นผู้ประสานงานด้วย” ชีอ้าวชวางพยักหน้าเบาๆ
ความประหลาดใจในสายตาของโพ่เทียนยิ่งเพิ่มขึ้นอีก ชีอ้าวชวางกลายเป็นสามอันดับแรกในหมู่นักเรียนแปดดาวโดยไม่คาดคิด อันดับที่เท่าไหร่กัน? สองคนก่อนหน้านี้ล่ะ? เลนนี่และโจนาธานอยู่ที่ไหน?
“จริงสิ โพ่เทียน อัลทิสอยู่ที่ไหนล่ะ? ข้าอยากจะขอบคุณเขาด้วยตัวเอง” ชีอ้าวชวางมองเข้าไปในห้องโถงด้านหลังโพ่เทียนแต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของอัลทิส
“อยู่ที่โรงแรมน่ะ อยู่กับศิษย์ของสำนักเทียนต้าว เดี๋ยวตอนเย็นคงจะมา การแข่งขันคราวนี้มีศิษย์ของสำนักเทียนต้าวเข้าร่วมในฐานะตัวแทนของเมืองเทียนเป่าด้วย” โพ่เทียนหันไปมองชีอ้าวชวางและพูด “จริงสิ ที่เจ้ามานี่คือจะมาหาอัลทิสหรือ?”
“เปล่า ข้ามาเยี่ยมพวกเจ้า และอยากจะถามด้วยว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่” ชีอ้าวชวางยิ้ม
“ฮ่าๆ ขอบคุณจริงๆ ความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเจ้าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เหลือเชื่อมากที่มาถึงจุดนี้ได้ในเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง แต่ครั้งนี้ไม่ต้องถึงมือเจ้าหรอก ข้าคิดว่าเราจัดการได้ด้วยตัวเอง” โพ่เทียนหัวเราะ
“เช่นนั้นก็ดี ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้าก็แค่พูดออกมา” ความซาบซึ้งในใจของชีอ้าวชวางที่มีต่อโพ่เทียนและอาเป่านั้นชัดเจน
“แน่นอนๆ ไปเถอะ เข้าไปนั่ง เย็นนี้อยู่กินอาหารที่นี่สิ” โพ่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม แต่แววตาของเขากลับทรยศเขา
ชีอ้าวชวางอดพูดไม่ได้ “โพ่เทียน ที่จริงเจ้าไม่อยากให้ข้าเข้าไปหรอก ตอนเจ้าเห็นอาเป่าวิ่งเข้ามากอดข้า เจ้าแทบจะบ้าอยู่แล้ว เจ้าจะอยากให้ข้าเข้าไปอยู่กับอาเป่าหรือ?” ชีอ้าวชวางพูดแทงใจโพ่เทียนและแอบขำในใจ หมอนี่ ตอนที่เจอเขาครั้งแรกดูเป็นคนที่คาดเดาไม่ได้ แต่พอเป็นเรื่องของอาเป่ากลับน่ารักแบบนี้
“ฮ่าๆๆ งั้นหรือ? ไม่มีมั้ง?” โพ่เทียนหัวเราะ
“เอาเถอะ ข้าก็อ่านใจเจ้าไม่ได้หรอก ฝากเจ้าบอกว่าอาเป่าแล้วกันว่าข้ามีธุระแ ล้วบอกนางว่าเดี๋ยววันหลังข้าจะมาหานาง” ชีอ้าวชวาพูดอย่างขบขัน
“ได้ กลับดีๆ นะ” คราวนี้โพ่เทียนตอบง่ายๆ
ชีอ้าวชวางกลอกตาอย่างเงียบๆ หันไปมองไดทันส์แล้วพูด “ไปเถอะ ไดทันส์ อย่าไปคุยกับผู้ชายคนนี้เลย”
ไดทันส์ตามชีอ้าวชวางไปเงียบๆ และออกจากห้องโถงทางทิศตะวันออกไป
โพ่เทียนยิ้มและมองชีอ้าวชวางที่เดินออกไป หลังจากที่แผ่นหลังของชีอ้าวชวางหายไปแล้ว เขาก็รีบหันหลังกลับ ในใจเขาหวังว่าชีอ้าวชวางจะอยู่ห่างจากอาเป่าสักหน่อย สถานการณ์ปัจจุบันของชีอ้าวชวางพิเศษมาก แม้ว่าจิตวิญญาณของนางจะเป็นผู้หญิง แต่ร่างกายของนางเป็นผู้ชาย แถมเมื่อครู่อาเป่ายังไปเกาะแกะแบบนั้นอีก ฮือๆๆ ตอนนี้เขาจะกลับไปกอดอาเป่าแล้ว โพ่เทียนรีบเข้าไปทันที
ชีอ้าวชวางและไดทันส์ออกจากห้องโถงทางทิศตะวันออก ชีอ้าวชวางก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไดทันส์ที่เงียบมาโดยตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้น “เจ้าเมืองเทียนเป่า ชีวิตนี้ก็เข้าไปในมิติสูญสลายไม่ได้”
“ทำไมเจ้าพูดอย่างนั้น?” ชีอ้าวชวางหันไปมองไดทันส์ด้วยใบหน้าที่สงบ
“เขามีความเป็นห่วง ความรักของเขาคือสายสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ความคิดทั้งหมดของเขาอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นแล้ว” ไดทันส์พูดอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆ” ชีอ้าวชวางหัวเราะและมองไดทันส์แล้วพูด “มีความเป็นห่วงก็เข้ามิติสูญสลายไม่ได้ เจ้าคิดว่านี่สมเหตุสมผลหรือไม่?”
ชีอ้าวชวางพูดต่อโดยไม่รอให้ไดทันส์พูด “เกรงว่าเขาจะไม่เคยคิดที่จะก้าวเข้าสู่มิติสูญสลายเลยต่างหาก เพราะทุกวันนี้เป้าหมายในชีวิตเขาสำเร็จแล้ว ชีวิตของเขาตอนนี้ดีมาก เท่านี้ก็พอแล้ว”