เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 317
ไดทันส์รีบเก็บพลังของเขาไปทันทีและหันกลับมามองชีอ้าวชวางพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ไม่มีอะไร ผู้ติดตามของเจ้าไม่เลวทีเดียว”
ชีอ้าวชวางมองผ่านไดทันส์ไปที่จินเหยียนและเห็นรอยเลือดบนใบหน้าของเขา แต่จินเหยียนมีสีหน้าผ่อนคลาย ชีอ้าวชวางจึงเหลือบมองไดทันส์แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากตรวจตราสถานที่แล้ว โจนาธานก็พูดว่าภารกิจวันนี้เสร็จแล้ว ไปเดินเล่นดูร้านค้ากันดีกว่า บางทีอาจจะได้เจอของอะไรดีๆ ก็ได้ จากนั้นโจนาธานก็เข้าไปในร้านนั้นร้านนี้อย่างตื่นเต้น คนที่อยู่ข้างหลังเขาคือไดทันส์ที่มีใบหน้าเย็นชา เดิมทีแล้วไดทันส์ไม่ใช่คนที่จะมาทำสิ่งที่น่าเบื่อเหล่านี้หรอก แต่ชีอ้าวชวาง ก็มาพร้อมกับโจนาธานด้วย ดังนั้นเขาก็เลยอยู่ด้วย
ภายในร้านขายเครื่องประดับ
“ฮ่าๆ ชีอ้าวชวาง ดูนี่สิ เจ้านี่เหมาะกับเจ้าดีทีเดียวนะ” น้ำเสียงของโจนาธานดูตื่นเต้น
ชีอ้าวชวางมองไป โจนาธานชี้ไปที่สร้อยคอจี้ลาเวนเดอร์เส้นหนึ่ง
“มันเข้ากับต่างหูของเจ้าเลย ฮ่าๆ ถึงอย่างไรเจ้าก็สวยกว่าผู้หญิงอีก” โจนาธานพูด
สายตาของชีอ้าวชวางหยุดลง สร้อยคอสีม่วง…
มือของชีอ้าวชวางค่อยๆ แตะที่ต่างหูและเงียบไป
“โจนาธาน หากเจ้าพูดเรื่องไร้สาระอีกข้าจะตัดลิ้นเจ้า” ไดทันส์พูดออกมาอย่างเย็นชา
โจนาธานแลบลิ้นและหยุดพูด เขามองชีอ้าวชวางที่เงียบ โจนาธานคิดว่าที่เขาบอกว่าชีอ้าวชวาง สวยกว่าผู้หญิงเมื่อกี้ทำให้ชีอ้าวชวางโกรธ ผู้ชายคนไหนจะไม่โกรธบ้างล่ะหากถูกชมว่าสวยกว่าผู้หญิง?
“ไปกันเถอะ” ชีอ้าวชวางพูดออกมาเบาๆ แล้วหันหลังเดินออกไป จากนั้นจินเหยียนก็ก้มหน้าลงและเดินตามหลังไป
โจนาธานก็รีบตามไปอย่างไม่สบายใจนัก
ไดทันส์เหลือบมองสร้อยคอลาเวนเดอร์และนึกถึงต่างหูของชีอ้าวชวาง ต่างหูนั้น มีอะไรบางอย่างหรือไม่นะ?
ชีอ้าวชวางเดินไปตามถนนช้าๆ และมองไปที่ข้างหน้าอย่างเหม่อลอย
จินเหยียนเดินตามมาและพูด “นายน้อยคิดถึงนายน้อยเหลิ่งหรือไม่?”
ชีอ้าวชวางไม่ได้ปฏิเสธและพยักหน้า
“เช่นนั้นนายน้อยคิดถึงนายน้อยเฟิงหรือไม่?” แต่จู่ๆ จินเหยียนก็พูดแบบนี้
ชีอ้าวชวางตกใจเล็กน้อย
“ระหว่างสองคนนี้ ไม่ช้าก็เร็วนายน้อยต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง…” จินเหยียนพูดเบาๆ
“ข้า…” ชีอ้าวชวางตะลึงและหยุดเดิน
“ไม่ใช่หรือ? นายน้อยต้องเลือกคนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว ข้าเห็นสิ่งที่นายน้อยเหลิ่งและนายน้อยเฟิงมีต่อนายน้อยแล้ว แต่สิ่งที่นายน้อยมีต่อพวกเขาล่ะ?” จินเหยียนมองชีอ้าวชวางและพูดประโยคนั้นออกมาช้าๆ ด้วยเสียงที่เบามากจนได้ยินกันเพียงแค่สองคน โจนาธานและไดทันส์ตามหลังมาในระยะที่ค่อนข้างห่างจึงยังตามมาไม่ทัน
ใช่ สองคนนี้ทำให้คุณหนูด้วยใจจริง คุณหนูชอบหนึ่งในนั้นใช่หรือไม่? คุณหนูควรตอบรับความจริงใจของพวกเขา แต่จินเหยียนไม่เคยคิดมาก่อนเลย ไม่เคยคิดสักนิดว่าจะได้รับการตอบรับจากชีอ้าวชวาง เขาไม่เคยต้องการให้ชีอ้าวชวางต้องมารู้สึกอะไรตอบ
ชีอ้าวชวางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วยิ้ม จากนั้นก็พูดเบาๆ “จินเหยียน อันที่จริงข้าเลือกนานแล้วนะ”
“หือ?” จินเหยียนตะลึงงัน เขาได้แต่ยืนนิ่งมองชีอ้าวชวางที่กำลังยิ้ม ไม่รู้เลยว่าในใจเขารู้สึกอย่างไรอยู่
“ไปกันเถอะ จินเหยียน” ชีอ้าวชวางยิ้มจางๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
จินเหยียนเรียกสติกลับมาและเดินตามไปอย่างเงียบๆ ทางเลือกของคุณหนูก็คือทางเลือกของเขา…ไม่ว่าคุณหนูจะเลือกอย่างไร เขาก็ไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น
ทั้งสองเดินไปข้างหน้า โจนาธานและไดทันส์เองก็ค่อยๆ ตามมาจนทัน
“ชีอ้าวชวาง เมื่อกี้ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นนะ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น…” โจนาธานไล่ตามมาและพูด
“ข้าไม่ได้ถือสาอะไร ไปกันเถอะ วันนี้มีอะไรอีกหรือไม่?” ชีอ้าวชวางหันไปมองโจนาธานที่ดูประหม่าและถามด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ไม่มีอะไร การประชุมสี่เมืองก็แบบนี้แหละ หลังจากเสร็จสิ้นเราก็กลับสถาบันได้ น่าเบื่อมาก” โจนาธานพูดอย่างเบื่อหน่าย
“คราวนี้เมืองเทียนเป่าน่าจะเป็นที่หนึ่งนะ” ไดทันส์พูดอย่างแผ่วเบาไร้อารมณ์
“ชิ หากเจ้าเข้าร่วมด้วย เมืองเทียนเป่าจะได้ที่หนึ่งหรือ?” โจนาธานเบ้ปาก
“ไม่จำเป็นนี่” ไดทันส์พูดออกมา
“ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ พี่เขยของเจ้าขอร้องเจ้าตั้งหลายครั้ง แต่เจ้าก็ปฏิเสธมาตลอด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่เขยของเจ้านะ” โจนาธานพึมพำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจว่าไดทันส์คิดอะไรอยู่
ไดทันส์เย็นชาและไม่ฟังคำพูดของโจนาธานอีก
ชีอ้าวชวางได้ยินประโยคนี้ก็เข้าใจทันที ไดทันส์เป็นคนเย็นชาและอันตรายมากคนหนึ่งเลย…
พอพวกเขากลับมาถึงที่พักก็มีคนรีบเข้ามาทักทายทันที แถมมีมากกว่าหนึ่งคนด้วย
“นายน้อยไดทันส์”
“นายน้อย”
ชายที่แต่งตัวดีสองคนทักทายโจนาธานและไดทันส์
“เจ้ามาทำไม? ตาเฒ่าไม่ได้บอกหรือว่าช่วงนี้อย่ามากวนข้า?” โจนาธานขมวดคิ้วและพูดกับชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างหยาบคาย
“นายน้อย คราวนี้นายท่านให้ข้ามาหานายน้อยครับ นี่คือจดหมายจากนายท่าน” ผู้มาเยือนหยิบจดหมายออกมาแล้วยื่นให้โจนาธานด้วยความเคารพ
โจนาธานมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย จากนั้นก็มองจดหมายในมือเขาแล้วในที่สุดก็รับมาและเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
ทางด้านไดทันส์เองก็รับจดหมายไปอ่านเช่นกัน มันเป็นจดหมายที่พี่สาวของไดทันส์ส่งมา
ชีอ้าวชวางพยักหน้าและเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับจินเหยียนก่อน
“เป็นไปไม่ได้! อย่าคิดจะมายุ่งกับข้า” ทันใดนั้น ชีอ้าวชวางที่เพิ่งเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงโวยวายของโจนาธานดังขึ้น
“กลับไปบอกพี่สาวของข้าว่าข้าจะไม่พิจารณาในเรื่องนี้” วินาทีต่อมาเสียงเย็นชาของไดทันส์ก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
ชีอ้าวชวางหันไปด้วยความสงสัย ก็ได้เห็นท่าทีกระวนกระวายใจของโจนาธานและความเฉยเมยของไดทันส์
“เรื่องเบธฟินนีย์จะหาคู่มันเกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ? ข้าไม่สนใจ ไปเสียเถอะ กลับไปบอกตาเฒ่านั่นว่าข้าไม่สนใจ ต่อไปอย่าเอาเรื่องพวกนี้มากวนข้าอีก” โจนาธานโบกมือและพูดอย่างรำคาญ จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วเดินไปหาชีอ้าวชวาง
ไดทันส์เงียบและเดินตามไป ปล่อยให้คนสองคนที่มาส่งจดหมายยืนมองหน้ากัน
เบธฟินนีย์หาคู่? ชีอ้าวชวางตกใจ จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเบธฟินนีย์เป็นลูกสาวของเจ้าเมืองปี้ยวี่ ไม่แปลกใจที่จะหาคู่ในการประชุมสี่เมืองนี้เป็นเรื่องปกติที่จะดึงกำลังกันไว้ แต่เบธฟินนีย์เป็นคนที่เวนส์รัก ถ้าเบธฟินนีย์ไม่ได้สนใจเวนส์ก็ช่าง แต่ทั้งสองต่างก็รักกัน พอเป็นแบบนี้ ชีอ้าวชวางจึงไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เบธฟินนีย์แต่งงานกับคนอื่น
“งานหาคู่มีเมื่อไหร่? ที่ไหน?” ชีอ้าวชวางมองโจนาธานที่กำลังโกรธแล้วถาม
“เจ้าอยากไปหรือ? อย่าไปเลย นิสัยของเบธฟินนีย์นั่นไม่เหมาะกับเจ้า” โจนาธานคิดว่าชีอ้าวชวาง สนใจในตัวเบธฟินนีย์จึงพูดเตือนทันที “ผู้หญิงคนนั้นเอาแต่ใจตัวเองมาก เจ้ารับไม่ไหวหรอก”
“ชีอ้าวชวาง?” ไดทันส์ก็เดินเข้ามาแล้วถาม
“ไม่ ข้าไม่ได้สนใจนาง รูมเมทของข้าที่ชื่อเวนส์ต่างหากที่สนใจ” ชีอ้าวชวางคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดไปตามความจริง โจนาธานเป็นคนที่เชื่อถือได้ และไดทันส์เองก็คงจะไม่ไปยุ่งเรื่องนี้หรอก
“อืม แบบนี้…” โจนาธานลูบคางและคิด
พอไดทันส์ได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
“เวนส์ผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ใช่ลูกนอกสมรสของอดีตเจ้าเมืองจิ่วเทียนหรือไม่?” โจนาธานก้มหน้าลงและถาม
ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจและมองไปที่โจนาธานโดยไม่พูดอะไร
“อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ดูจากครอบครัวของข้าแล้วจะไม่รู้เรื่องนี้ได้หรือ” โจนาธานพูดพร้อมกับขยิบตา
“อืม ดังนั้น…” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เหอะๆ มาสิ ข้าสนใจเรื่องแบบนี้ ได้ประโยชน์ส่วนตัวด้วยน่ะ ถ้ามันสำเร็จข้าเองก็จะเป็นอิสระ” โจนาธานยิ้มและโบกมือให้ชีอ้าวชวาง “ไปเถอะ เราไปคุยรายละเอียดกัน”
ไดทันส์เหลือบมองโจนาธานโดยไม่พูดอะไรและหันหลังกลับห้องของเขาไป
“ต่อให้ฟ้าถล่มเขาก็ไม่สนใจหรอก ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขาสนใจเรื่องอะไรกันแน่” โจนาธานมองแผ่นหลังของไดทันส์และยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “บางทีเขาอาจจะสนใจตัวเขาเองล่ะมั้ง? คนแบบนี้ไม่โดดเดี่ยวหรือไงนะ?”
“เขากลัวความโดดเดี่ยวมาก” ทันใดนั้นจินเหยียนก็พูดประโยคนี้ออกมาอย่างเฉยเมย
“หือ?” โจนาธานมองจินเหยียนตาเบิกกว้าง แต่จินเหยียนกลับดูสงบราวกับว่าเขาไม่ได้พูดเมื่อกี้ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขากลัวความโดดเดี่ยว?”
แต่จินเหยียนไม่พูดอะไรอีก เขาเอาแต่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังชีอ้าวชวาง
โจนาธานขยับปากและมองไปที่จินเหยียน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ จินเหยียนจึงพูดประโยคแบบนี้ออกมา
“โจนาธาน เจ้ามีวิธีแก้ปัญหาเรื่องเบธฟินนีย์หรือไม่?” ชีอ้าวชวางถาม
“ไม่มี” โจนาธานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ชีอ้าวชวางกระตุกมุมปากและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่โจนาธานยิ้มและพูด “ตอนนี้ยังไม่มีวิธีก็คิดได้นี่ ไปเถอะ ข้าไม่พอใจเจ้าเมืองจิ่วเทียนคนปัจจุบันมานานแล้ว”
ความกังวลปรากฎขึ้นในหัวใจของชีอ้าวชวาง เจ้าเมืองจิ่วเทียนคนปัจจุบันคือพี่เขยของไดทันส์ เรื่องนี้หากจะจัดการจะเกิดปัญหาหรือไม่นะ?
โจนาธานคว้าไหล่ของชีอ้าวชวางและลากไปที่ห้องของเขา สายตาที่แผดเผาของจินเหยียนหยุดอยู่ที่มือของโจนาธาน โจนาธานเหลือบของดวงตาของจินเหยียนจากหางตา จากนั้นความสงสัยก็แวบเข้ามาในแววตาของเขา ทำไมสายตาของผู้ติดตามถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ?
พอเข้าไปในห้องของโจนาธาน โจนาธานก็นั่งลงอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากปิดประตูแล้ว โจนาธานก็กางเขตกั้น เขายิ้มและมองชีอ้าวชวางแล้วพูด “ชีอ้าวชวาง ทำไมเจ้าถึงอยากจะช่วยเวนส์ล่ะ?”
“เขาเป็นเพื่อนของข้า” ชีอ้าวชวางนั่งลงและพูดเบาๆ
“ข้าไม่ใช่เพื่อนเจ้าหรือ?” โจนาธานเลิกยิ้มถามประโยคนั้นอย่างจริงจัง
ชีอ้าวชวางพยักหน้า โจนาธานมองชีอ้าวชวางและยิ้มเล็กน้อย
“ตกลง ข้าจะช่วยเจ้าในเรื่องนี้เอง จริงๆ แล้วมันง่ายมากเลย แค่ฆ่าเจ้าเมืองจิ่วเทียนคนปัจจุบันก็จบแล้ว ถึงตอนนั้นเรื่องของเบธฟินนีย์ก็จะจัดการง่ายขึ้นเยอะเลย” โจนาธานพูดอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา